19 มี.ค. 2020 เวลา 15:38 • ยานยนต์
Carman ยินดีนำเสนอ
EP3 : วิเคราะห์ Nissan Almera เเบบสรุปสั้นเเละเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย ทำไมถึงขายดีเป็นเบอร์ 2ดีจริงอย่างที่เขาว่าไหม
15
เเบบสรุปสั้นกระชับ
ข้อดี
+มีออพชั่น Safety คุ่มค้ามาก ทั้งระบบช่วยเบรกเเละป้องกันรอบทิศทาง
1
+ราคาถูกกว่า Honda City เเละ Mazda 2
+เครื่องยนต์ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนคนละเรื่อง เเรงเป็นรองเเค่ Honda City
+ประหยัดน้ำมันมากตาม Eco Car Phase 2
+พวงมาลัยมีน้ำหนักเบามาก ขับคล่องเเคล่ว มุดซ้ายมุดขวาได้ดีมาก
+ช่วงล่างให้ความมั่นใจ หนึบ นิ่งมาก
+ดีไซน์หลายจุด เช่น คอลโซล มาตรวัดทันสมัยมาก
ข้อเสีย
-พวงมาลัยเบาไปในความเร็วสูง ควรหนืดกว่านี้
-ช่วงล่างในความเร็วต่ำเเข็งกระด้างมาก
-เครื่องยนต์ในรอบเดินเบาสั่นมากเกินไป
-การออกเเบบภายในบางจุดไม่ User Freindly
-งานประกอบเเละวัสดุหลายจุดลดต้นทุนเกินไป
-เบาะหลังสู้รุ่นเก่าไม่ได้
เเละนั่นละครับ คือ การวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย Nissan Almera เเบบสั้นกระชับรวดเร็วสำหรับท่านที่ต้องการความรวดเร็ว
คราวนี้สำหรับท่านที่ต้องการดูการวิเคราะห์เเละเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียตามเเบบฉบับของ Carman เเล้วละก็ เลื่อนนิ้วลงไปอ่านด้านล่างเลยครับ
ความเดิมตอนที่เเล้ว
หลังจากที่เราได้เจาะลึก Honda City Gen5 ไปเเล้ว ใครยังไม่ได้อ่าน คลิกได้ที่นี่เลยครับ
คราวนี้เรามาดูรถ Eco Car ที่ขายดีรองจาก Honda City กันบ้างดีกว่า
เดิมที Nissan Almera นั้นโด่งดังมาจากรุ่นที่เเล้วที่นำเข้ามาขายในไทยเป็นครั้งเเรก ซึ่งในช่วงปี 2011 Almera รุ่นที่เเล้วได้เปิดตัวด้วยการมีขนาดตัวถังที่ใหญ่โตเเละมีภายในหรูหรากว้างขวางกว่า Nissan March มากๆ สร้างเสียงฮือฮาในสมัยนั้นได้มากทีเดียว อย่างที่ได้กล่าวไปว่า Eco Car สมัยนั้นติดภาพลักษณ์จาก Nissan March มากทีเดียวตามที่ได้กล่าวไปใน EP1 ใครยังไม่ได้อ่าน คลิกได้ที่นี่เลยครับ https://www.blockdit.com/articles/5e6e20e2cf88e60997d83772
มันเลยกลายเป็นภาพลักษณ์ว่า Nissan Almera คือ รถ Eco Car ที่ใหญ่โตหรูหราคุ้มค่าเกินราคา ทำให้รุ่นที่เเล้ว มียอดขายที่ดีใช้ได้เลยทีเดียว
เเต่มาคราวนี้ Nissan Almera ได้เปลี่ยนเเปลงตัวเองด้วยการถอดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบเดิมออกไปเเล้วใช้เทคโนโลยี downsizing เหมือน Honda City เป็นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบเเบบ port injection รวมถึงปรับเปลี่ยนออพชั่นเเละดีไซน์ใหม่ให้พลิกจากรุ่นเดิมไปเลย
ซึ่งราคาหลังเปิดตัวมีดังนี้ครับ
รุ่น S CVT 499,000
รุ่น E CVT 509,000
รุ่น EL CVT 559,000
รุ่น V CVT 599,000
รุ่น VL CVT 639,000
หลังเปิดตัวนั้นมีเเต่เสียงชื่นชมในโลกโซเชียลในเรื่องของราคาที่ทำออกมาได้
ถูกมากเเละถูกกว่า Honda City มาก เเละเกิดสงครามระหว่าง Nissan Almera เเละ Honda City ทางออนไลน์
เเม้ Nissan Almera อาจจะไม่ได้มียอดขายเยอะเท่ากับในโซเชียลเเละโดน Honda City ทิ้งห่างไปมาก(City เดือนละ 4600-4700 คัน) เเต่ในความเป็นจริงถือว่ารุ่นนี้ประสบความสำเร็จมากเเล้วหลังจาก 2 เดือนเเรกของปีนี้ขายได้เดือนละประมาณ 2000 คันต้นๆ(ไม่รวมยอดค้างรถรุ่นเก่า)ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ในกลุ่ม Eco Car ได้อย่างภูมิใจ
เเล้วทำไม Nissan Almera ถึงขายดีเเละได้รับเสียงชื่นชมมาก เเล้วมันดีจริงอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า มาดูกันเลยครับ
1
ข้อดี
-ด้วยการถอดเครื่องยนต์เดิม 1.2 ลิตร 3 สูบ ซึ่งอืดมากๆ 0-100 km/h มีประมาณ 16 วินาทีเลยทีเดียว มาคราวนี้เขาได้นำเครื่องใหม่ 1.0 ลิตรเทอร์โบเเบบ port injection พร้อม intercooler เเบบอากาศ(จุดที่ต่างจากเครื่องของ honda city คือ city เป็นเเบบ direct injection เเละ intercooler เเบบน้ำ ซึ่งจะมีการฉีดจ่ายน้ำมันได้ดีกว่า) ได้กำลังออกมา 100 เเรงม้า เเรงบิด 153 นิวตันเมตร(รุ่นที่เเล้ว 79 เเรงม้า เเรงบิด 106 นิวตันเมตร) โอเคครับมันอาจจะไม่สะใจเท่า city ที่มี 122 เเรงม้า เเรงบิด 173 นิวตันเมตร เเต่ในความเป็นจริงเครื่องยนต์ตัวนี้ถือว่าทำอัตราเร่งได้เท่าๆกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเเล้ว ซึ่งดีกว่าคู่เเข่งทุกคันมากๆ(ยกเว้น city)ทำ 0-100 km/h ประมาณ 11 วิ(ใกล้เคียงกับ Civic FB 1.8 ลิตร เเละ City Gen4 1.5 ลิตร)ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานรอบประเทศ ดีกว่ารุ่นเดิมเเบบคนละโลก ดีกว่าคู่เเข่งเกือบทุกคัน เเละเป็นรองเเค่ city คันเดียว
-ประหยัดน้ำมันมากกว่ารุ่นเดิมมาก เพราะเข้า Eco Car Phase 2 ถ้าเป็นเมื่อก่อนในการใช้งานจริงเเบบวิ่งทางไกลได้ราวๆ 18 km/l เเต่รุ่นใหม่ทำได้ถึงราวๆ 22 km/l(23.5 km/l ตามมอก.)ถือว่าลดค่าน้ำมันได้มากพอสมควรเลยทีเดียว
-มีมิติตัวถังที่ใหญ่เป็นลำดับต้นๆของกลุ่ม จาก EP ที่เเล้วนอกจาก Honda City จะคันใหญ่มากเเล้ว ยังมี Nissan Almera เเละ Suzuki Ciaz ที่ใหญ่ใกล้เคียง(ซึ่งจะนำมาเจาะลึกในอนาคต โปรดติดตามตอนต่อๆไป)
City | Almera | Ciaz
ความยาว 4553 4495 4495
ความกว้าง 1748 1740 1730
ความสูง 1467 1460 1475
ฐานล้อ 2589 2620 2650
นับว่ามีขนาดตัวถังภายนอกที่ใหญ่โตใกล้เคียง C-Segment สมัยก่อน ถูกใจลูกค้าที่ชอบรถตัวถังใหญ่เกินราคาเเน่นอน
-เป็น Hilight ที่เด่นที่สุด คือ มีราคาเเละออพชั่นที่คุ้มค่ามาก อย่างในรุ่นท็อป VL คุณจ่ายถูกกว่า City RS 100,000 บาท เเต่คุณได้ระบบความปลอดภัยที่มากกว่า city ได้เเก่ ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW,
ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อเจอบุคคลเเละยานพาหนะ IEB, ระบบ Blind Spot เตือนจุดอับสายตา, ระบบเตือนเมื่อรถถอยผ่าน RCTA, ระบบตรวจจับวัตถุรอบคัน MOD เเละกล้องมองรอบคัน 360 องศา ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมด City RS ไม่มีเเม้เเต่อย่างเดียว มีเเต่ระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานเท่านั้น
-มีดีไซน์ภายในที่ทันสมัยมาก โดยเเผงคอลโซลรุ่น V เเละ VL มีการบุนุ่มหนังสีเบจเเบบเต็มคอลโซล(city บุนุ่มเฉพาะท่อนล่างของคอลโซล)สร้างความหรูหราอย่างมาก เเถม
รุ่น V เเละ VL ได้มาตรวัดเเบบจอ TFT สี 7 นิ้วที่สวยงามทันสมัยกว่ามาตรวัด city เเบบคนละเรื่องมากๆ ช่องเเอร์ออกเเบบสวยกว่าของ city โดยรวมถือว่าดีไซน์ภายในสวย
-ออกเเบบระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสเเละสวิตซ์เเอร์เเบบใหม่ซึ่งใช้งานง่ายได้ไม่ไม่เเพ้ของ city
-มีช่วงล่างที่หนึบเกาะถนนมากในการขับความเร็วสูงรวมถึงการเข้าโค้ง อาการของรถนั้นจะนิ่งมาก มีระยะยุบโช้คค่อนข้างน้อยกว่า city ทำให้ขับได้สนุกมากสำหรับสายสปอร์ตชอบเข้าโค้งทั้งหลาย ดีกว่ารุ่นเดิมเเบบคนละโลก เเละดีกว่า city ด้วยเช่นกัน
-มีพวงมาลัยที่เบามาก ความหนืดต่ำ ทำให้การขับขี่ในเมืองเเละมุดเลี้ยวตามซอยนั้นทำได้ดีมากที่สุดในกลุ่ม มีความคล่องตัวสูง เหมาะมากกับคนที่ใช้รถในเมืองเยอะๆ
-มีพื้นที่ภายในที่ไม่เลวร้ายเหมือน Mazda2 เเละดีกว่า Toyota Yaris ATIV เล็กน้อย(ทั้ง 2 คันนี้เราจะเจาะลึกในอนาคต โปรดติดตามตอนต่อไป)ถือว่าพอเพียงต่อการใช้งานที่ใช้ในเมืองเป็นหลัก
-ราคาเเทบไม่ต่างจากรุ่นเดิม!!!!
ราคา Almera รุ่นที่เเล้ว
S MT 445,000
E MT 476,000
E Sportech CVT 537,000
V Sportech CVT 580,000
VL Sportech CVT 637,000
ราคา Almera รุ่นใหม่
S CVT 499,000
E CVT 509,000
EL CVT 559,000
V CVT 599,000
VL CVT 639,000
โอ้โห งานนี้ Nissan กดราคาสุดๆครับ เเม้ออพชั่นจะเยอะขึ้นเเบบพลิกโลก ซึ่งรุ่นที่เเล้ว
ออพชั่นน้อยมาก เเห้งสนิท ไม่มีอะไรเลย พอมารุ่นใหม่ได้ออพชั่นเรื่องความปลอดภัยเยอะที่สุดในกลุ่ม เเถมเครื่องใหม่เอี่ยมอีก บางรุ่นย่อยเเอบถูกลงด้วยซ้ำ งานนี้ปรบมือดังๆให้ Nissan เลยครับ เอาไปเลย 10/10
-มีการกระจายออพชั่น Safety ได้ดีมาก ตั้งเเต่รุ่น EL คุณจะได้ระบบเตือนการชนด้านหน้าเเละช่วยเบรกมาเเล้ว พอรุ่น V เพิ่มกล้องรอบคันเเละตรวจจับวัตถุ ส่วนรุ่น VL ก็เพิ่มถุงลมจาก 2 ใบเป็น 6 ใบรวมถึงระบบเตือนมุมอับสายตาเเละเตือนวัตถุผ่านด้านหลัง ถือว่าให้มาเต็มเเละรุ่นรองมีสิทธิ์ได้ออพชั่นดีๆด้วย ไม่ใช่กองเเค่ตัวท็อปเหมือนที่หลายค่ายทำ หรือที่เเย่กว่า คือ ไม่ให้ระบบพวกนี้มาเลยในทุกรุ่นย่อยเเบบที่ city ทำ
ทีนี้มาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่า
-ช่วงล่างในความเร็วต่ำนั้นเเข็งมาก เเข็งกว่า city เนื่องจากต้องการความมั่นใจในคสามเร็วสูงเเถมดันเซตลมยางหน้ามา 38 พระเจ้าช่วย ส่วนมากลมยางเขา 32 กัน นี่ 38 ทำให้กระด้างเเละสะเทือนมากเกินไปหน่อย
-ควรเพิ่มความหนืดของพวงมาลัยในความเร็วสูงให้มากกว่านี้ เเม้จะไม่ได้เบาโหวงน่ากลัว เเต่ต้องยอมรับว่าพวงมาลัยของ city ในความเร็วสูงนั้นนิ่งกว่า
-เครื่องยนต์รุ่นใหม่นั้นเเม้จะให้อัตราเร่งเเละอัตราสิ้นเปลืองที่ดี เเต่ในรอบเดินเบาเวลาใช้ในเมืองนั้น สั่นมากสั่นจนน่ารำคาญเกินไป โดยพื้นฐานรถเครื่อง 3 สูบจะสั่นมากอยู่เเล้ว เเต่นี่สั่นมากกว่า city เเละรถรุ่นที่เเล้ว เลยไม่ทราบว่าทีมวิศวกรไปทำอะไรมากับเครื่อง
-มีเบาะหลังที่นั่งไม่สบายเท่ารุ่นที่เเล้ว รู้สึกเหมือนกับว่ารุ่นที่เเล้วจะให้ความกว้างในเเง่ของ legroom หรือพื้นที่ช่วงขาดีกว่านี้ รวมถึง headroom ซึ่งผมนั่งเเล้วหัวก็ยังติดเหมือนรุ่นที่เเล้วเลย ไม่ได้มีการปรับเเก้ไขเเต่อย่างใด รวมถึงตัวเบาะรองนั่งสั้น พนักพิงหัวที่ทำมุมองศามารองรับยังไม่ดี เเถมที่เท้าเเขนด้านหลังเเบบพับเก็บได้ก็ถูกตัดออกไป ทำให้ไม่ได้นั่งสบายอย่างที่หลายคนคาดหวัง เเละเเน่นอนครับ มันสู้เบาะหลัง city ไม่ได้ รายนั้นทำมานั่งสบายกว่ามาก
1
-เบาะนั่งนั้นในรุ่นท็อปยังเป็นเบาะผ้าอยู่ ในขณะที่คู่เเข่งหลายคันเป็นเบาะหนัง ทำให้เสียเปรียบในเรื่องของการดูเเลรักษาเเละความพรีเมี่ยม รวมถึงรู้สึกว่าฟองน้ำหรือวัสดุภายในเบาะยังทำออกมาไม่ดี คือ นิ่มเกินไปทำให้นั่งไม่สบายเเละการใช้งานในระยะยาวอาจจะมีความทนทานน้อยกว่า อย่างพนักพิงหัวเบาะหลังพอกดเเรงๆปุ๊ปเบาะหลังเเทบจะพังลงมาเลยครับ ซึ่งควรเสริมความเเน่นหนาตรงนั้นให้ดีกว่านี้
-เเม้คอลโซลหน้าจะบุนุ่มมาทั้งเเผงเเต่วัสดุในจุดอื่นยังดูทำได้ไม่ดีพอในจุดที่เป็นพลาสติกเเข็ง ไม่ว่าจะเป็นคอลโซลกลางหรือเเผงประตูที่ดูราคาถูกกว่า city พอสมควร
-มีการออกเเบบบางจุดที่ไม่ User Friendly เช่น เบรกมืออยู่ด้านซ้าย ที่วางเเก้วอยู่ด้านขวา ทำให้การใช้งานจริงอาจไม่สะดวกเท่าที่ควร รวมถึงคอลโซลกลางที่ทำขึ้นมาสูงโดยไม่จำเป็น เบียดขาค่อนข้างมาก ซึ่งจุดนี้ city ทำได้ดีกว่า คือ คอลโซลไม่เบียดขา
-เเม้จะให้ระบบความปลอดภัยเเบบล้ำสมัยมาท่วมคัน เเต่มีการลดต้นทุนอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน คือ เข็มขัดคู่หน้าปรับสูง-ต่ำไม่ได้ ซึ่ง.... เหมือน city เลยครับ ลดต้นทุนในสิ่งที่ไม่ควรลด สิ่งเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่เบสิคเเละสำคัญมาก ต้นทุนไม่เเพง ไหนจะในส่วนของล้ออัลลอยที่เเม้จะเป็นรุ่น VL ก็เป็นขนาด 15 นิ้ว ไม่ใช่ 16 นิ้วเเบบ City RSรวมถึงในรุ่น V เเละ VL ไม่มียางอะไหล่ขณะที่รุ่นรองลงไปมี ก็ไม่ทราบว่าทำไม เเต่เดาว่าอาจเป็นเพราะรุ่นบนๆมีออพชั่นเยอะอาจทำให้น้ำหนักมากขึ้นจน CO2 ไม่ผ่านเกณฑ์ เลยต้องลดน้ำหนักส่วนเกินออก
-ห้องเครื่องนั้น.... รกมากหลังจากไปดูคันจริงมา คือ มันเป็นอะไรที่ดูลดต้นทุนเเละไม่เรียบร้อยเอามากๆครับ สายเสยพันมั่วเต็มไปหมด อารมณ์เหมือนอาจารย์สั่งงานการบ้านชุดใหญ่ให้นักเรียนมาส่งเดือนหน้า เเล้วนักเรียนชะล่าใจจนลืม ผ่านไป 29 วันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าส่งพรุ่งนี้เเล้วก็รีบนั่งปั่นๆหรือลอกเพื่อนเเบบลวกๆตอนคืนวันสุดท้ายอะครับ ควรจะหาฝาครอบมาปิดหรือจัดวางอะไรต่างๆมาให้ดูดีมากกว่านี้ รวมถึงฝากระโปรงท้ายหุ้มฉนวนกันเสียงมาเเค่ครึ่งเดียวเเทนที่จะหุ้มมาเต็มเเผ่นเหมือน city รวมถึงที่กั้นระหว่างท้ายรถกับเบาะหลังมี future board โผล่มาให้เห็นซึ่งเหมือน toyota vios เลย คือ มันควรจะทำให้ดีกว่านี้ครับ ไหนๆทำคอลโซลหน้าพรีเมี่ยมเเล้วเเต่ส่วนอื่นดู
ราคาถูกไปเลย
1
สรุป-ออพชั่นเเน่น คุ้มค่า ขับสนุก เหมาะกับคนในเมืองเเละวัยรุ่น
2
ใน Almera รุ่นที่เเล้วนั้นภาพลักษณ์จะดูเป็นรถคนเเก่มาก เน้นเเค่นั่งสบาย ขับเรื่อยๆเอื่อยๆ ออพชั่นเเห้งมากไม่มีอะไรเลย มาวันนี้ Almera ใหม่พลิกบุคลิกตัวเองให้กลายเป็นสปอร์ตมากขึ้น เเรงขึ้น ขับสนุกขึ้น
ออพชั่นดีขึ้น เอาใจวัยรุ่นมากขึ้น
หากเปรียบเทียบกับเด็กเเล้ว Almera รุ่นที่เเล้วเหมือนเป็นเด็กเรียบร้อย ที่นั่งกลางห้อง ทำอะไรไม่ได้เด่น เรียนไปได้เรื่อยๆ ดีในบางวิชา เช่น สังคม ภาษาไทย เเต่อาจจะเเย่ในหลายวิชาทั้งฟิสิกส์,เคมี,ชีวะ เกรดเฉลี่ยประมาณ 3.00 เกือบทุกเทอม
เเต่มาคราวนี้รุ่นใหม่เปลี่ยนมานั่งหน้าห้องที่มีความติ๋มน้อยลง มีหลายวิชาที่ทำได้ดีขึ้นทั้งฟิสิกส์,เคมี,ชีวะ เกรดเฉลี่ยพุ่งมาเป็น 3.70 หรือ 3.80 เกือบทุกเทอม เเต่อาจมีบางวิชา เช่น สังคม ที่ทำได้ด้อยลง
มันอาจจะไม่ใช่เด็กเรียน เรียบร้อย ใส่ใจคนรอบข้าง เเละเอาจริงเอาจังเหมือน Honda City ที่ได้ 4.00 เกือบทุกเทอม เพราะ
ภาพรวมเเต่ละวิชาทำได้ไม่ได้ดีสุดเเต่ค่อนไปทางดี ทำให้เกรดเป็น 4.00
เเต่ถือว่า Almera วันนี้ได้พัฒนาตัวเองเเละพลิกก้าวกระโดดไปเเล้วจนเข้ามาอยู่ในใจลูกค้าหลายคนได้ไม่ยาก
ในรุ่นใหม่นั้น Nissan ลงทุนกับเครื่องยนต์ใหม่ โครงสร้างใหม่ เเละออพชั่นไปค่อนข้างมาก เเต่ยังกดราคายังพอๆกับรุ่นเดิม เพื่อที่จะจัดการคู่เเข่งเเละเอามาสู้กับ City ได้
อาจทำให้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆถูกตัดทอนหรือละเลยไปอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น
ในภาพรวมมันเหมาะกับคนที่คิดอย่างละเอียดรอบคอบก่อนที่จะใช้เงินก้อน กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มที่ใช้งานในเมืองเยอะต้องการขับสนุก มีออพชั่นคุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับราคา ไม่เน้นเบาะหลังมากนัก ไม่ต้องการวัสดุการตกเเต่งภายในที่ดีมาก ไม่ต้องการความนุ่ม
ชอบในดีไซน์เเละตัวรถเเบบนี้
Almera นี่เเหละครับที่จะตอบโจทย์คุณ
เเละทั้งหมดนั่นละครับ คือ การเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Nissan Almera
อย่าลืมนะครับ ถ้าชอบบทความเเบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ กดฟอลโลว์กันนะครับ
เเละอีกช่องทางการติดตามนึงสำหรับผู้อ่านย้อนหลัง คือทาง FB: Carman สามารถติดตามย้อนหลังจากเผยเเพร่ทาง Blockdit 2 วัน ไปกดไลค์กดติดตามกันได้นะครับ
ใครมีความรู้สึกยังไง, มีข้อเสนอเเนะสามารถคอมเม้นลงมาที่ด้านล่างนี้เลยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ
วันนี้ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา