Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ประวัติศาสตร์ย่อยง่าย
•
ติดตาม
11 เม.ย. 2020 เวลา 03:25 • ประวัติศาสตร์
ไอดอลของชายผู้นั้น ตอนที่ 3
ไอดอลของชายผู้นั้น ตอนที่ 1
https://www.blockdit.com/articles/5e80f2800c71d90ca8a1ef5a
ไอดอลของชายผู้นั้น ตอนที่ 2
https://www.blockdit.com/articles/5e80f633357dbf0c916aa33c
ผมไม่แน่ใจว่านโปเลียนเคยศึกษาตำราประวัติศาสตร์มั้ย
ถ้าเคยก็แสดงว่าเขามั่นใจในตัวเองมาก
เพราะถ้าคุณไม่แน่จริง คุณห้ามบุกกรุงมอสโคเมืองหลวงของรัสเซียเด็ดขาด นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผู้นำกองทัพควรทำ
เพราะการบุกกรุงมอสโคก็เหมือนการฆ่าตัวตาย
ฤดูใบไม้ผลิปีค.ศ. 1812 จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิฝรั่งเศสสั่งระดมพลเพื่อบุกรัสเซีย นโปเลียนรวบรวมทหารได้ถึง 610,000 นาย มากที่สุดตั้งแต่นโปเลียนออกรบมา จะบุกรัสเซียก็ต้องจัดเต็มครับ
กองทัพฝรั่งเศสเคลื่อนพลเข้าสู่ดินแดนรัสเซียโดยปราศจากการต่อต้านใดๆ
ใช่ครับ ไม่มีการเข้าปะทะ ไม่มีการโจมตี กองทัพรัสเซียเอาแต่ถอยทัพไปเรื่อยๆ
รัสเซียไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าแลกอยู่แล้วครับ เพราะเดี๋ยวก็มี"ตัวช่วย"มาจัดการกองทัพฝรั่งเศสเอง ซึ่งเป็นตัวช่วยที่อยู่คู่ประเทศรัสเซียมาอย่างยาวนาน ตัวช่วยที่ว่านั่นก็คือ"ความหนาวเย็น"ครับ
ประเทศรัสเซียขึ้นชื่อเรื่องสภาพอากาศอันโหดร้าย จะกี่ยุคกี่สมัยรัสเซียก็ใช้กลยุทธนี้
ใครบุกรัสเซีย รัสเซียไม่สู้ แต่ถอยทัพไปเรื่อยๆ แถมไม่ถอยเปล่ายังเผาอาคารบ้านเรือนให้สิ้นซากเพื่อไม่ให้ศัตรูเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ สุดท้ายศัตรูก็จะหนาวตายหรือไม่ก็ทนไม่ไหวถอยทัพกลับไปเอง
แต่นโปเลียนไม่ยอมแพ้ครับ รวบรวมกำลังมาได้ขนาดนี้จะยอมแพ้ได้ไง กองทัพฝรั่งเศสรุกไล่ไปจนถึงกรุงมอสโค
นโปเลียนตั้งใจจะใช้กรุงมอสโคเป็นที่พักและเติมเสบียง แต่รัสเซียเผาแม้กระทั่งเมืองหลวงของตัวเอง นั่นเป็นสิ่งที่นโปเลียนคาดไม่ถึง ที่พักก็ไม่มี อาหารก็ขาดแคลน และที่หนักสุดคือสภาพอากาศ เมื่อเป็นอย่างนี้นโปเลียนจึงต้องถอยทัพกลับฝรั่งเศส
หายนะที่แท้จริงมาแล้วครับ
การถอยทัพเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะมีหิมะปกคุลมหนาตลอดเส้นทาง ขณะเดียวกันรัสเซียซึ่งรอโอกาสนี้อยู่ก็ดักซุ่มโจมตีอยู่เป็นระยะ ทำให้ทหารบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
ตอนไปมีทหาร 610,000 นาย ตอนกลับมาเหลือเท่าไหร่รู้มั้ยครับ?
20,000 นายครับ
เหลือแค่ 20,000 นาย
นโปเลียนสูญเสียทหารไปเกือบ 600,000 นายในสมรภูมิที่ไม่ได้รับชัยชนะ
ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
พวกโจทก์เก่าๆพอเห็นฝรั่งเศสอ่อนแอก็เลยมาออลกัน
เจอแขกกับเจองู ต้องตีนโปเลียนก่อนครับ
ปรัสเซียไปจับมือกับรัสเซียประกาศสงครามกับฝรั่งเศส กลายเป็นสงครามต่อต้านฝรั่งเศสครั้งที่ 4
ถึงแม้จะอยู่ในช่วงขาลง แต่กองทัพปรัสเซีย-รัสเซียก็เอาชนะกองทัพฝรั่งเศสไม่ได้ ไม่มีใครแพ้ใครชนะเด็ดขาด
แมตเตอร์นิคเสนาบดีออสเตรียจึงอาสาเป็นคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย จุดประสงค์ที่แท้จริงของแมตเตอร์นิคคืออยากให้สงครามนี้จบลงแบบไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะ ไม่มีการเสียดินแดนหรือค่าปฏิกรรมสงครามใดๆ เพราะแมตเตอร์นิค อยากให้ฝรั่งเศสถ่วงดุลอำนาจกับรัสเซีย
แต่การเจรจาล้มเหลวครับ ทั้งสองฝ่ายนั่งยันนอนยันว่าจะทำสงครามกันให้ตายไปข้างนึง
แมตเตอร์นิคเลยตัดสินใจเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย
อ้าว เป็นงั้นไป
ตรงนี้แหละครับที่ผมสงสัย นโปเลียนมีสถานะเป็นเขยออสเตรีย ลูกชายของนโปเลียนก็เป็นหลานกษัตริย์ออสเตรีย แต่ทำไมแมตเตอร์นิคถึงเลือกเป็นพันธมิตรกับรัสเซียแทนที่จะเป็นฝรั่งเศส ผมไปค้นคว้าหาข้อมูลก็ไม่ได้คำตอบ ก็เลยวิเคราะห์เองดู อันนี้เป็นแนวคิดของผมนะครับ ซึ่งอาจจะผิดก็ได้
1 การแต่งงานของนโปเลียนกับเจ้าหญิงแห่งออสเตรียอาจไม่ได้สร้างประโยชน์ใดๆให้กับออสเตรียเลย ดินแดนต่างๆที่ออสเตรียเคยเสียให้นโปเลียน นโปเลียนก็ไม่ได้คืนให้ การแต่งงานจึงเป็นแค่หลักประกันว่านโปเลียนจะไม่บุกออสเตรีย
2 กองทัพฝรั่งเศสกำลังอ่อนแอ แมตเตอร์นิคคงเห็นแล้วว่าถ้าไม่จัดการฝรั่งเศสตอนนี้ก็ไม่รู้จะมีโอกาสอีกหรือเปล่า)
พอกลับมารบกันอีกรอบนโปเลียนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ครับ ฝ่ายพันธมิตรมีชัยที่สมรภูมิไลป์ซิก(ประเทศเยอรมัน)
สงสัยกันมั้ยครับว่าอังกฤษหายไปไหน?
ปกติรบกับฝรั่งเศสทีไร อังกฤษไม่เคยพลาด ต้องร่วมจองกฐินด้วยทุกครั้ง จริงๆอังกฤษไม่ได้หายไปไหนครับ อยู่ที่สเปน ไปจัดการพี่ชายของนโปเลียนที่ครองบัลลังก์อยู่ พอไม่มีกองทัพนโปเลียนมาช่วย สเปนก็ต้านไม่ไหว แพ้ให้กับอังกฤษ
กองทัพอังกฤษยกพลมาทางชายแดนสเปน ส่วนพันธมิตรร่วมรัสเซีย-ปรัสเซียก็กรีฑาทัพมาทางชายแดนเยอรมัน จุดหมายคือยึดกรุงปารีส นโปเลียนแพ้แล้วครับ แพ้หมดรูป
ฝ่ายพันธมิตรบังคับให้นโปเลียนสละราชบัลลังก์ แต่ยังให้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิ(เพื่ออะไรอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน) แล้วก็เนรเทศไปอยู่เกาะเอลบาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนพร้อมด้วยทหารองครักษ์และเงินบำนาญจากรัฐบาลฝรั่งเศส
พอทหารไปส่งนโปเลียนถึงเกาะเอลบา เขาบอกคนที่มาส่งว่ายังไงรู้มั้ยครับ?
I’ll be back
นโปเลียนไม่ได้พูดแบบนั้นหรอกครับ แต่วันนึงเขา I’ll be back จริงๆ
หลังจากเนรเทศนโปเลียนไปแล้ว ประเทศผู้ชนะสงครามก็จัดการประชุมหาทางออกเรื่องภายในประเทศฝรั่งเศสกับดินแดนต่างๆที่นโปเลียนยึดมา เริ่มที่เรื่องภายในฝรั่งเศสก่อน กลุ่มพันธมิตรเชิญพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 (น้องชายของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16) มาเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศส อาจมีคนสงสัยว่าแล้วพระเจ้าหลุยส์ที่ 17 ไปไหน งั้นผมขอแวะนิดนึง
พระเจ้าหลุยส์ที่ 17 เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อังตัวเนต เสียชีวิตเพราะวัณโรคในวัย 8 พรรษา(บางตำราบอก 10 พรรษา
กลับมาที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 18 พระองค์รู้ดีว่าถ้าปกครองประเทศแบบเดิม สักวันประชาชนก็ต้องออกมาประท้วงอีก พระองค์ก็เลยยอมเป็นกษัตริย์ในระบอบรัฐสภาภายใต้รัฐธรรมนูญ การปฏิรูปต่างๆที่เกิดขึ้นสมัยนโปเลียนที่ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนก็คงไว้อย่างนั้น
ส่วนเรื่องดินแดนต่างๆ ที่นโปเลียนยึดมาก็ให้คืนเจ้าของเดิมไป และจะไม่มีการลดขนาดพื้นที่ประเทศฝรั่งเศส แถมประเทศพันธมิตรยังไม่เอาค่าปฏิกรรมสงครามจากฝรั่งเศสด้วย
สาเหตุที่ประเทศพันธมิตรใจดีกับประเทศฝรั่งเศสขนาดนี้ก็เพราะว่าอยากส่งเสริมสถานภาพของกษัตริย์ฝรั่งเศสให้มั่นคง และอีกอย่างก็กลัวว่าถ้ากดขี่ฝรั่งเศสมากๆ อาจจะมีนโปเลียนคนที่ 2 โผล่ขึ้นมาสร้างความวุ่นวายให้ยุโรปอีก
Happy Ending?
ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นครับ
ผ่านไปประมาณหนึ่งปีหลังจากที่นโปเลียนถูกเนรเทศไปอยู่เกาะเอลบา ประเทศชั้นนำของยุโรปจัดการประชุมสันติภาพที่กรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย ภายในห้องประชุมเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนมีความสุขเพราะตอนนี้ยุโรปไม่ได้วุ่นวายเหมือนสมัยนโปเลียนเรืองอำนาจ แต่แล้วอยู่ๆก็มีทหารวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาแล้วตะโกนว่า merde!! (อ่านว่าแมด เป็นคำอุทานในภาษาฝรั่งเศส ประมาณว่าซวยแล้ว แย่แล้ว)
เปล่าครับ ทหารไม่ได้พูดแบบนั้นหรอก ทหารแค่พูดว่านโปเลียนหนีออกมาจากเกาะเอลบา เท่านั้นแหละครับ คนในห้องประชุมก็สติแตก มองหน้ากันเลิกลั่กว่าเอาไงดี พอตั้งสติได้ก็รีบกลับไปยังประเทศของตัวเองเพื่อจัดกองทัพมาต้อนรับจักรพรรดิฝรั่งเศส
ทางด้านนโปเลียนเมื่อขึ้นฝั่งก็รีบไปยังกรุงปารีสเพื่อรวบรวมกองทัพไปจัดการกับศัตรู ทหารและประชาชนฝรั่งเศสให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ทุกคนยังคงรักและเทิดทูนเขาเหมือนเดิม
ส่วนพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 พอทราบข่าวว่านโปเลียนกลับมาก็เผ่นซิครับ อยู่ทำไม พระองค์เสด็จหนีไปยังประเทศที่ทำระฆังได้ดีที่สุดในโลก เบลเยี่ยม(อันนี้มุขนะครับ ไม่ใช่เรื่องจริง อย่าไปจำอะไรผิดๆนะครับ)
กองทัพอังกฤษกับกองทัพปรัสเซียตั้งทัพอยู่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส นโปเลียนรีบเคลื่อนพลเข้าโจมตีก่อนที่ทั้งสองกองทัพจะรวมกันได้
สังเกตกลยุทธของนโปเลียนมั้ยครับ ทุกครั้งที่เวลาพันธมิตรรวมตัวกัน เขาจะรีบจัดการกองทัพใดกองทัพหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยไปโจมตีอีกกองทัพ สมมุติกองทัพอังกฤษมีทหาร 20,000 คน รัสเซียมี 30,000 คน ถ้าเลือกโจมตีอังกฤษก่อน ทหารนโปเลียนก็จะสู้กับทหารแค่ 20,000 คน แต่ถ้าปล่อยให้ทั้งสองกองทัพรวมกันได้ ฝรั่งเศสจะต้องสู้กับทหารถึง 50,000 คน นโปเลียนก็ใช้กลยุทธนี้มาตลอด และก็ได้ผลเกือบทุกครั้ง แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้
กองทัพนโปเลียนปะทะกับกองทัพอังกฤษที่ทุ่งวอเตอร์ลู(ประเทศเบลเยี่ยม) ขณะที่กำลังโรมรันพันตูกันอยู่นั้น กองทัพปรัสเซียก็เคลื่อนพลเข้ามาช่วยกองทัพอังกฤษ กองกำลังผสมซึ่งมีกำลังพลมากกว่าก็พลิกเกมเป็นฝ่ายบุกทำลายกองทัพฝรั่งเศสจนย่อยยับ
นโปเลียนรีบหนีออกจากสนามรบเพื่อลี้ภัยไปอเมริกาแต่ก็โดนกองเรืออังกฤษสกัดจับได้ซะก่อน เรื่องทางทะเลนี่อังกฤษไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ
กลุ่มประเทศพันธมิตรมีบทเรียนแล้วครับ เกาะเอลบามันคงใกล้แผ่นดินเกินไป ทีนี้ก็เลยส่งนโปเลียนไปยังสถานที่ห่างไกลผู้คนอย่างเกาะเซนต์เฮเลนาทางตอนใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก ดินแดนที่อยู่ใกล้เกาะแห่งนี้ที่สุดยังห่างตั้ง 1,900 กิโลเมตร แถมยังให้ทหารดูแลอย่างใกล้ชิด ปิดโอกาสที่นโปเลียนจะกลับมาบนแผ่นดินยุโรป
นโปเลียนอาศัยอยู่บนเกาะนี้ประมาณ 5 ปีก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร แต่มีข่าวลือว่าพระองค์ถูกวางยา(อันนี้เป็นแค่ข่าวลือนะครับ ผมไม่กล้าCF)
ส่วนฝรั่งเศส ตอนแพ้สงครามครั้งที่แล้วกลุ่มประเทศพันธมิตรใจดี ไม่ลงโทษอะไร แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วครับ ต้องให้บทเรียนจะได้จดจำ กลุ่มพันธมิตรลดขนาดพื้นที่ประเทศฝรั่งเศสลง(พื้นที่ที่เสียไปก็ให้ประเทศผู้ชนะสงครามจัดสรรปันส่วนกันเอง)ฝรั่งเศสต้องจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามจำนวน 700 ล้านฟรังค์ กองทัพพันธมิตรจะไม่ถอนกำลังออกจากฝรั่งเศสจนกว่าจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามหมด และตลอดเวลาที่พำนักอยู่ในฝรั่งเศส รัฐบาลฝรั่งเศสต้องดูแลเรื่องอาหารและที่พักให้ด้วย
ถือเป็นจุดสิ้นสุดยุคสมัยแห่งนโปเลียน
ผมไม่แน่ใจว่ามีใครสงสัยเรื่องชื่อตอน “ไอดอลของชายผู้นั้น” หรือเปล่า?
ไอดอลในที่นี้เดาได้ไม่ยากใช่มั้ยครับว่าหมายถึงนโปเลียนครับ แล้วชายผู้นั้นละ?
ชายผู้นั้นมีเชื้อชาติเยอรมัน แต่เกิดที่ออสเตรีย ตอนวัยรุ่นมีความฝันอยากเป็นจิตรกรเอก แต่ก็ล้มเหลวเพราะสอบเข้าโรงเรียนศิลปะไม่ได้(ถ้าสอบเข้าได้โลกเราคงเปลี่ยนไป) เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ในฐานะทหารของเยอรมันแล้วก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ได้เป็นท่านผู้นำเพราะมีวาทศิลป์ในการพูด เคยเป็นบุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ นึกออกมั้ยครับว่าเค้าคือใคร?
https://www.facebook.com/ประวัติศาสตร์ย่อยง่าย-106175641010027/
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย