ไอดอลของชายผู้นั้น ตอนที่ 1
*แนะนำให้อ่านเรื่องจามที ไม่สบายทั้งยุโรปตอนที่ 1 กับตอนที่ 2 ก่อนนะครับ
จามที ไม่สบายทั้งยุโรป ตอนที่ 1
จามที ไม่สบายทั้งยุโรป ตอนที่ 2
มีคำกล่าวว่าทุกความสำเร็จของผู้ชาย มักจะมีอิสตรีอยู่เบื้องหลัง นโปเลียนก็เช่นกันครับ
นโปเลียนสร้างชื่อจากสนามรบ ทำให้เขาเป็นวีรบุรุษของชาติ เป็นขวัญใจของประชาชน ช่วงที่คณะรัฐบาลความนิยมตกต่ำ ก็ได้ชัยชนะของนโปเลียนนี่แหละครับที่พยุงสถานะของรัฐบาลไว้
พูดง่ายๆถ้าไม่มีนโปเลียน ประชาชนฝรั่งเศสอาจลุกขึ้นมาล้มรัฐบาลแล้วก็ได้
แต่ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งมาจากไหน รบชนะมาแล้วกี่สมรภูมิ คุณก็พ่ายแพ้ให้กับสิ่งหนึ่งได้ครับ
ความรัก
ความรักของนโปเลียนตำราฝรั่งใช้คำว่า love at first sight แสดงว่านโปเลียนต้องตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นทันทีที่ได้เห็น เธอมีชื่อว่าโจเซฟิน โบฮาร์เนส
แต่ในเมื่อเขาเป็นชาวฝรั่งเศส เราน่าจะใช้คำว่า Coup de foudre (กู เดอ ฟู้ด) แปลว่ารักแรกพบในภาษาฝรั่งเศส
โจเซฟินแก่กว่านโปเลียนถึง 6 ปี แถมยังเป็นแม่หม้ายมีลูกติด 2 คน นโปเลียนใช้ความพยายามอยู่นานกว่าจะจีบโจเซฟินติด
โจเซฟินรู้จักบุคคลสำคัญทางการเมืองมากมาย การแต่งงานกับโจเซฟินช่วยให้นโปเลียนมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างมาก
ความรักของนโปเลียนที่มีต่อโจเซฟินนั้นมากถึงขนาดมีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งนโปเลียนกำลังจะนำทัพออกศึก อยู่ๆเขาก็รู้สึกคิดถึงโจเซฟินขึ้นมา เขาบอกทหารว่าจะไม่ออกรบถ้าไม่ได้ดมผ้าเช็ดหน้าใช้แล้วของโจเซฟิน ลำบากทหารม้าต้องขี่ม้าจากสนามรบกลับไปกรุงปารีสเพื่อนำผ้าเช็ดหน้าใช้แล้วของโจเซฟินมาให้นโปเลียน
แต่ไม่น่าเชื่อครับ นโปเลียนรักโจเซฟินมากขนาดนี้ แต่วันนึงก็หมดโปร เราขอหยุดเรื่องความรักไว้ก่อน ขอกลับไปที่สถานการณ์ในยุโรป
หลังจากนโปเลียนรบชนะปรัสเซีย-ออสเตรีย รัฐบาลฝรั่งเศสก็ส่งนโปเลียนไปรบกับอังกฤษที่อียิปต์เพื่อสกัดกั้นการขยายอิทธิพลของอังกฤษเข้าไปในทวีปแอฟริกา แต่จริงๆมีเหตุผลซ่อนเร้นอยู่ครับ
รัฐบาลฝรั่งเศสอยู่ในช่วงขาลง ตรงข้ามกับนโปเลียนที่ประชาชนรักและเทิดทูน รัฐบาลเกรงว่าถ้าให้นโปเลียนอยู่ในกรุงปารีส ประชาชนกับกองทัพอาจร่วมมือกันล้มรัฐบาลแล้วยกอำนาจให้นโปเลียน
พอนโปเลียนไปถึงก็โชว์ฝีมือเลยครับ เขายึดเกาะมอลต้ากับอียิปต์ได้(เสาหินโอเบลิสก์ที่อยู่ในกรุงปารีส นโปเลียนก็ขนไปช่วงที่ยึดครองอียิปต์นี้แหละ) การกระทำของนโปเลียนสร้างความไม่พอใจให้กับรัสเซียอย่างมาก เพราะรัสเซียก็เล็งดินแดนแถบนี้ไว้เหมือนกัน รัสเซียเลยไปจับมือกับอังกฤษและออสเตรีย กลายเป็นการรวมกำลังต่อต้านฝรั่งเศสครั้งที่ 2
(ครั้งที่ 1 คือตอนปรัสเซียจับมือกับออสเตรีย)
จำตอนก่อนๆได้มั้ยครับที่บอกว่าอังกฤษคือเจ้าทะเล พอกองเรืออังกฤษเข้าสู่สงครามเต็มตัวก็ถล่มกองเรือฝรั่งเศสราบเป็นหน้ากลองเป็นนโปเลียนแตกทัพเรือ อังกฤษได้มอลต้าคืน ส่วนรัสเซียก็รุกเข้าไปในดินแดนแถบตอนเหนือของอิตาลีซึ่งฝรั่งเศสเป็นเจ้าของอยู่
นโปเลียนถูกกองเรืออังกฤษปิดล้อม เจียนอยู่เจียนไป ทุกอย่างจะดีอยู่แล้วเชียวแต่ดันมีจุดเปลี่ยนซะก่อน มันแย่ตรงจุดเปลี่ยนที่ว่าดันมาจากกลุ่มพันธมิตรเอง
ตอนแรกรัสเซียเล็งมอลต้าไว้ครับ พอนโปเลียนได้มอลต้าก็ไม่พอใจ ตอนนี้อังกฤษยึดมอลต้าคืนจากฝรั่งเศส รัสเซียก็ไม่พอใจอังกฤษอีก ส่วนออสเตรียพอเห็นรัสเซียยึดครองดินแดนแถบตอนเหนือของอิตาลีก็ไม่พอใจเหมือนกัน เพราะออสเตรียก็เล็งดินแดนแถบนี้ไว้
อิหยังวะ!!
ก่อนจะตกลงเป็นพันธมิตรกันพวกเอ็งไม่คุยกันก่อนหรือไง
รัสเซียก็เลยถอนตัว
เป็นความร่วมมือที่จบไวดีแท้
เหตุการณ์ช่วงนี้ก็จะวุ่นวายแบบนี้แหละครับ
ประเทศนี้จับมือกับประเทศนั้นรบกับประเทศนู้น สักพักเปลี่ยนใจ ไปจับมือกับประเทศนู้นกลับมารบกับประเทศนั้นแทน ทุกการตัดสินใจก็ใช้ผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง อย่างว่าแหละครับ ผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร
พอรัสเซียถอนตัวนโปเลียนก็รีบกลับกรุงปารีสทันที ไม่ใช่หนีหรือกลัวแพ้นะครับ แต่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในประเทศฝรั่งเศส ประชาชนที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่ นโปเลียนก็เลยกลับมาเพื่อสะสางปัญหาให้เรียบร้อย
พอมาถึงนโปเลียนก็ช่วยเลยครับ
ช่วยรัฐบาล?
เปล่าครับ ช่วยประชาชน
ช่วงนั้นรัฐบาลบริหารงานได้แย่จริงๆ ไม่แปลกที่นโปเลียนจะเข้าข้างประชาชน อีกอย่างเมื่อมีโอกาสขึ้นเป็นใหญ่ ใครจะไม่คว้าไว้
นโปเลียนยึดอำนาจรัฐบาลแล้วตั้งระบอบกงสุลขึ้นมา โดยตั้งตัวเองเป็นกงสุลที่ 1 ปกครองประเทศร่วมกับกงสุลอีก 2 คน ถ้าให้เข้าใจง่ายๆก็เหมือนประเทศมีนายกรัฐมนตรี 3 คนบริหารประเทศ แต่นโปเลียนก็แอบใหญ่กว่าอีก 2 คน
จากนั้นนโปเลียนก็ทำการปฏิรูปประเทศ มีการออกกฎหมายใหม่ๆเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ส่วนงานด้านต่างประเทศ ฝรั่งเศสทำสนธิสัญญาสงบศึกกับออสเตรีย โดยตกลงว่าจะไม่ยุ่งกับดินแดนที่ออสเตรียหมายปอง
พอเป็นอย่างนี้อังกฤษก็สุนัขซิครับ เป็นเพื่อนกันอยู่ดีๆ เพื่อนดันไปจับมือกับศัตรูซะงั้น
ผ่านไปสักพักอังกฤษยิ่งแย่กว่าเดิมอีกครับ เพราะเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหารภายในประเทศ ประชาชนอดอยาก แถมยังต้องมาทำสงครามอีก อังกฤษเลยยอมทำสนธิสัญญาสงบศึกกับฝรั่งเศส
นายทหารปืนใหญ่แห่งเกาะคอร์ซิกามาไกลเกินฝัน ตัวเขาเองก็คงไม่คิดหรอกว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นถึงผู้นำประเทศ แต่เขาไปได้ไกลกว่านั้นครับ
หน่วยตำรวจลับของนโปเลียนสืบรู้มาว่ากลุ่มนิยมกษัตริย์แอบร่วมมือกับอังกฤษวางแผนยึดอำนาจนโปเลียน แล้วคืนอำนาจให้ราชวงศ์บูร์บอง กลุ่มคนเหล่านี้ถูกจัดการขั้นเด็ดขาด
นโปเลียนใช้เหตุการณ์นี้ชี้แจงต่อสภาว่ามีทางเดียวที่กลุ่มนิยมกษัตริย์จะล้มเลิกความคิดเอาราชวงศ์บูบองกลับมาปกครองประเทศคือสถาปนาเขาเป็นจักรพรรดิ ซึ่งสภาก็เห็นชอบ นโปเลียนเปลี่ยนสถานภาพจากกงสุลที่ 1 เป็นจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 โดยมีพระสันตะปาปาไพอัสที่ 7 เสด็จมาทำพิธีราชาภิเษกให้ที่วิหารนอร์ท เทรอ ดาม
จำที่พระสันตะปาปาไพอัสที่ 6 มีเรื่องบาดหมางกับรัฐบาลฝรั่งเศสได้มั้ยครับ ตอนที่นโปเลียนปฏิรูปประเทศก็ได้คืนอำนาจบางอย่างให้พระสันตะปาปา เช่น ให้สิทธิ์พระสันตะปาปาแต่งตั้งบาทหลวงในฝรั่งเศสได้ บาทหลวงฝรั่งเศสอยู่ภายใต้กฎระเบียบของพระสันตะปาปา นิกายโรมันคาทอลิกเป็นศาสนาประจำชาติ พระสันตะปาปาไพอัสที่ 7 เลยหายโกรธกลับมาคืนดีกับประเทศฝรั่งเศส
ตอนที่พระสันตะปาปากำลังจะสวมมงกุฎให้นโปเลียน นโปเลียนรีบหยิบมงกุฎจากมือพระสันตะปาปามาสวมเองเลย ที่นโปเลียนทำอย่างนี้มีเหตุผลนะครับ และเป็นเหตุผลสำคัญมากด้วย
ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่พระสันตะปาปาสวมมงกุฎให้กับองค์จักรพรรดิ หลังจากนั้นเป็นต้นมาทางศาสนจักรก็เคลมว่า ศาสนจักรใหญ่กว่าสถาบันกษัตริย์เพราะเป็นคนแต่งตั้งจักรพรรดิ ทางสถาบันกษัตริย์ก็บอกว่าไม่เกี่ยว ก็พระสันตะปาปาถือมงกุฎอยู่จะให้ทำไง
เรื่องนี้เป็นประเด็นถกเถียงกันมาหลายร้อยปีเลยนะครับว่าใครใหญ่กว่าใคร นโปเลียนก็เลยรับมงมาสวมเองเพื่อแสดงว่าตนมีอำนาจเหนือกว่าคริสตจักร
ไว้ตอนที่เล่าเรื่องการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน จะเล่าประเด็นนี้อย่างละเอียดอีกที
ตอนนี้นโปเลียนคือชายที่แข็งแก่งที่สุดในปฐพี ไม่มีอะไรที่หยุดยั้งเขาได้ แต่สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้งครับ
การตัดสินใจผิดพลาดเพียงครั้งเดียวนำความปราชัยมาสู่องค์จักรพรรดิ
ตอนหน้าเราจะมาดูกันว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ต้องพ่ายแพ้ รวมถึงจุดจบของความรักระหว่างเขากับโจเซฟินด้วยครับ
เกือบลืมเรื่องครัวซองไปเลย
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าครัวซองเป็นขนมปังประจำชาติฝรั่งเศส จริงๆไม่ใช่นะครับ (ก่อนอื่นผมอยากให้ทุกคนสังเกตดูนะครับว่าครัวซองมีลักษณะคล้ายอะไร นึกออกมั้ยครับ? ถ้านึกไม่ออกถ้าเวลานี้เป็นเวลากลางคืนผมขอให้คุณมองขึ้นไปบนท้องฟ้าครับ นึกออกหรือยัง?
ช่วงประมาณปีค.ศ.1500 กองทัพออตโตหวังพิชิตยุโรปตะวันตก แต่ไม่สามารถผ่านอาณาจักรออสเตรียไปได้ก็ต้องถอยทัพกลับไปตามระเบียบ กองทัพออตโตมันเป็นกองทัพอิสลาม ใช้ดาวและเดือน(จันทร์เสี้ยว)เป็นสัญลักษณ์ พอออสเตรียรบชนะก็อยากทำของระลึกแห่งชัยชนะ ก็เลยทำขนมปังเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ประมาณว่า เป็นไงล่ะ เรารบชนะ เรากินพวกนายได้
ช่วงที่นโปเลียนยึดครองออสเตรียก็ได้ลิ้มรสครัวซองแล้วติดใจ เลยนำกลับไปเผยแพร่ที่ฝรั่งเศส คนฝรั่งเศสได้กินก็ติดใจเหมือนกัน ขนมนี้เลยแพร่หลายไปทั่วประเทศจนคนเข้าใจผิดว่ามันมีต้นกำเนิดที่ฝรั่งเศส
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
