1 เม.ย. 2020 เวลา 13:05
กฎ ๕ ข้อในการอ่านข่าวเพื่อค้นหาความจริง ท่ามกลางกระแสข่าวลวง (fake news ):
เวลาอ่านข่าวต่างประเทศ มีคนไทยหลายคนตกท่อหรือหลุมดำระหว่างอ่านข่าว ไปหลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อที่มีคนทำ IO ออกมา ทำให้แยกแยะไม่ออกว่าอันไหนคือข่าวจริงข่าวเท็จ เอาข่าวเท็จมาต้มตุ๋นชาวบ้าน แหล่งข้อมูลเท็จหลักๆ มี ๔ แหล่งเมื่อพูดถึงข่าวต่างประเทศ
1
๑.สื่อมวลชนกระแสหลักของอเมริกาและยุโรป (the Mainstream Media) ถ้าท่านรู้ความจริงแล้วจะหนาว สื่อยักษ์ใหญ่ต่างๆ ทั้งในอเมริกาและยุโรปล้วนแต่อยู่ในการควบคุมดูแลของกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ซึ่งใช้เครือข่าย CIA ทำงานควบคุมเนื้อหาให้ทั้งนั้น
สื่อพวกนี้จึงเสนอไปในทิศทางเดียวกันและหลอกลวงชาวโลกตลอด เช่น
อิรักมีอาวุธร้ายแรงในครอบครอง, อัลกออิดะห์ถล่มตึกเวิร์ลเทรด (ทั้งๆ ที่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นฝีมือวางระเบิดคนใน), ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์โดยไม่ทันตั้งตัว (อเมริกากดดันให้ญี่ปุ่นโจมตี รัฐบาลอเมริการู้ตัวล่วงหน้า ๑๐ วันแต่ไม่แจ้งให้ฐานทัพเรือที่ฮาวายได้ทราบ หลักฐานที่นำออกแสดงในศาลบอกว่าอเมริการู้ตัวล่วงหน้า), อัสสาดของซีเรียเป็นเผด็จการ สังหารประชาชนตนเอง, มูอัมมาร์ กัดดาฟี เป็นเผด็จการชั่ว สังหารประชาชนตนเอง ฯลฯ
หน่วยงาน CIA มีวิธีการสำคัญคือ *สร้างข้อมูลเท็จ* ตลอดเวลา ๗๐ กว่าปีที่ผ่านมา นับแต่มีการก่อตั้งหน่วยงาน CIA ขึ้นมาเป็น ๗๐ ปีของข่าวลวง อเมริกาใช้ให้ CIA เพื่อสร้างข่าวลวงล้างสมองประชาคมโลกเสียก่อนจะบุกหรือรุกรานประเทศต่างๆ ผ่านสื่อกระแสหลักที่ตนเองควบคุมอยู่เสมอมา
ไม่เพียงแต่ปั้นแต่งข้อมูลเท็จในการรุกรานชาติอื่น ยังไม่ลงบทความหรือความคิดเห็นใดๆ ที่จะแฉอาชญากรรมสงครามที่พวกตนก่อขึ้น นักเขียนคนใดเขียนบทความโจมตี นักเขียนคนนั้นก็จะอยู่ได้ไม่นาน ถูกไล่ออก บทความใดที่เขียนแฉ บทความนั้นจึงไม่ถูกนำลงในสื่อกระแสหลักของพวกตน
จึงมีวิญญูชนจำนวนมากไปสร้างเวปไซต์หรือบล็อกขึ้นมาเพื่อนำเสนอข่าวสารต่างๆ พวกนี้ก็ใช้วาทกรรมโจมตีต่อว่า *ไม่ได้จดทะเบียนเป็นสำนักข่าว* บ้าง *เป็นแค่บล็อกเกอร์โนเนม* บ้าง *ไม่ใช่นักข่าวอาชีพ* บ้าง *เป็นแค่ความเห็นส่วนบุคคล* บ้าง *เป็นสำนักข่าวที่ไม่มีคนรู้จัก* บ้าง *เป็นแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ* บ้าง ฯลฯ เพื่อปิดเส้นทางการถูกแฉ ผู้คนทั่วไปจะได้มองว่าการแฉต่างๆ นั้นเป็นการกุข่าวกันขึ้น ไม่เป็นข่าวความจริง
ข่าวที่เป็นความจริง มีให้อ่านได้จากสื่อกระแสหลัก (Mainstream Media) ของพวกตนเท่านั้น ทำให้คนจำนวนมากปฏิเสธไม่อ่านหนังสือพิมพ์ที่เป็นไม่ใช่สังกัดสื่อกระแสหลักของอเมริกา แทนที่จะตรวจสอบว่าเวปไซต์หรือบล็อกหรือคนเขียนข่าวเป็นใคร มีประวัติอย่างไรบ้าง ฯลฯ
๒.การจัดอันดับเรื่องต่างๆ ที่เห็นตามเน็ต เช่น ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดในโลก, ประเทศที่เคารพสิทธิมนุษยชนมากที่สุดในโลก, ประเทศที่โปร่งใสมากที่สุดในโลก, ประเทศที่สื่อมีเสรีภาพมากที่สุดในโลก, ประเทศที่มีรถถังดีที่สุดในโลก, ประเทศที่มีกำลังทหารเข้มแข็งที่สุดในโลก, ประเทศที่มีเครื่องบินทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก, ประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ฯลฯ
1
ผมขอบอกว่าส่วนใหญ่เท็จครับ เพราะไม่ใช่งานวิจัยที่ทำถูกต้องตามระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์ เป็นแค่สำรวจความคิดเห็นหยาบๆ ขึ้นมาเพื่อยกอันดับสูงๆ ให้ชาตินักล่าอาณานิคมทั้งหลาย
สิ่งที่ชาติตะวันตกภูมิใจตลอดเวลาก็คือชาติตนเองเกิดมาเพื่อปกครองโลก ส่วนชาวตะวันออกเกิดมาเพื่อให้ถูกปกครอง
ดังนั้น จึงต้องสร้างภาพลวงตาให้เห็นว่าตะวันตกเหนือกว่าตะวันออก ชาวตะวันออกต้องพร้อมทอดทิ้งวัฒนธรรมตนเองวิ่งเข้าหาวัฒนธรรมตะวันตก
ยกตัวอย่างเช่นระบบการศึกษา เมื่อใดก็ตามที่คนไทยรู้ว่าระบบการศึกษาไทยก็มีดี ไม่จำเป็นต้องวิ่งตามตะวันตกไปเสียทั้งหมด ทำให้คนไทย ไปเรียนในชาติตะวันตกเท่าที่จำเป็น เมื่อนั้น ชาติตะวันตกจะสูญเสียรายได้มหาศาลจากค่าหน่วยกิตนักศึกษาไทยไปทันที จึงต้องมีคนไทยส่วนหนึ่งคอยล้างสมองคนไทยด้วยกันว่าระบบการศึกษาของไทยห่วยแตก สู้ชาติอื่นๆ โดยเฉพาะชาติตะวันตกไม่ได้ มาขับเคลื่อนระบบการศึกษาในชาติ
เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นการจัดอันดับใดก็ตาม ฟังหูไว้หู ใช้หลักกาลามสูตร เพราะเป็นเจตนารมณ์ที่ชาตินักล่าอาณานิคมจะต้องสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูดีเสมอเพื่อให้ชาวโลกยอมรับว่าพวกตนศิวิไลซ์กว่า
1
เพื่อความรอบคอบ ขอให้สำรวจให้ชัดหรือเขียน disclaimer ไว้ด้วยว่า 'ไม่แน่ใจว่าผลสำรวจจะมาจากการทำวิจัยที่ถูกต้องตามระเบียบวิธีวิจัยหรือปล่าว' ก่อนจะเผยแพร่ข้อมูลออกไป
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว (๒๕๖๒) หน่วยงาน ๓ หน่วยงานที่ดูน่าเชื่อถือของอเมริกาคือ the Nuclear Threat Initiative (NTI), the Johns Hopkins Center for Health Security (JHU) และ The Economist Intelligence Unit (EIU) ได้ดำเนินการจัดอันดับว่าประเทศไหนมีดรรชนีความมั่นคงทางสุขภาพดีที่สุดของโลก หรืออีกนัยก็คือมีการเตรียมตัวรับมือโรคระบาดดีที่สุดของโลก (the 2019 Global Health Security Index)
อันดับ ๑ คืออเมริกา
อันดับ ๒ คืออังกฤษ
อันดับ ๓ คือเนเธอร์แลนด์
ประเทศจีนอยู่อันดับที่ ๕๑
ดูได้จากตามภาพประกอบบทความนี้
เมื่อโรคระบาดอย่างไวรัสโคดรน่า โควิด ๑๙ มาจริงในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ ที่แล้วถึงต้นปี ๒๕๖๓ นี้ เราจึงได้รู้ความจริงว่าการจัดอันดับของ ๓ หน่วยงานที่ว่าทั้งกากทั้งห่วยแตก หาความจริงไม่ได้เลย เดี๋ยวนี้ หมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว
๓. Fact Check (เช่นเวปไซต์ https://fullfact.org/) เวลามีปัญหากับข่าวว่าจะจริงหรือไม่จริง คนไทยมักตรวจสอบกับเวปไซต์ที่เป็นเครือข่ายของ Fact Check หลายเรื่องที่เป็นเรื่องทั่วๆ ไปดี
แต่ผมดูประวัติแล้ว คนสร้างเวปไซต์พวกนี้ เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ มีลักษณะท่าทางว่าจะพากันสร้างเวปไซต์ขึ้นมาเพื่อสกัดมิให้เข้าถึงข้อมูลจริงหรือปฏิเสธว่าไม่จริงหากเป็นเรื่องเสื่อมเสียขององค์กรหรือบุคลากรในหน่วยงานของยิวไซออนิสต์
ด้วยเหตุนี้ เมื่อต้องการเช็คข่าวที่พวกเครือข่ายยิวไซออนิสต์เคยทำชั่วเอาไว้ เวปไซต์ Fact Check จะปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เป็นการแก้ข่าวให้เครือข่ายของตนไปในตัว
ยกตัวอย่างเช่น บิลล์ เกตส์เคยพูดไว้ว่าถ้าใช้วัคซีนเมื่อถึงคราวโรคระบาด จะทำให้ลดจำนวนประชากรโลกได้ถึง ๑๕% มีคลิป บิลล์ เกตส์พูดจริง แต่ไปตรวจสอบใน Fact Check แล้วกลับบอกว่าบิลล์ เกตส์ไม่เคยพูด เป็นต้น
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือไวรัสโคโรน่า โควิด ๑๙ มีวิญญูชนนำเสนอข้อมูลว่าแท้จริงแล้ว แพร่หลายในอเมริกาก่อนจะแพร่หลายในจีน (ซึ่งผมจะเขียนรายละเอียดอีกที) แต่พอไปดูใน Fact Check เวปไซต์นี้กลับบอกฟันธงไปล่วงหน้าก่อนที่งานวิจัยจะกระจ่างว่าไวรัสดังกล่าวมีกำเนิดที่จีน ไปเรียบร้อยแล้ว
๔.วิกิพีเดีย (Wikipedia) ถ้าสังเกตให้ดี วิกิพีเดียนั้นลงข่าวที่อ้างอิงมาจากสื่อกระแสหลักของยุโรปและอเมริกาเป็นหลัก และพยายามทำให้ดูเป็นวิชาการ แต่ด้วยเหตุที่เนื้อหาไม่นำข่าวฝั่งตรงข้ามมานำเสนอเลย มุ่งเอาแต่ข่าวจากสื่อที่พวกกลุ่มทุนยิวเป็นเจ้าของ จึงลำเอียงต่อรัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ เวเนซุเอล่า อิหร่าน ฯลฯ ข้อมูลในวิกิพีเดียเชื่อถือไม่ได้เมื่อต้องการศึกษาข่าวต่างประเทศเพราะถูก CIA ตกแต่งข้อมูล
วิญญูชนอเมริกันซึ่งเป็นวิญญูชนน้ำดีของอเมริกาก็เคยออกมาเตือนว่าอย่าเสียเวลาไปบริจาเงินให้วิกิพีเดียกันเลย เพราะไม่ใช่เป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นวิชาการบริสุทธิ์ หากแต่เป็นอีกเวทีชาตินักล่าอาณานิคมสร้างภาพตนเองให้ดูดี สร้างภาพฝ่ายตรงข้ามให้ดูเลวต่างหาก
เพราะฉะนั้น ก่อนจะนำไปอ้างในทางวิชาการ ควรจะต้องเช็คหลายรอบว่านำเสนอข้อมูลรอบด้านหรือไม่ เพราะความห่วยแตกของวิกิพีเดีย จึงทำให้เกิดวิกิหลีก (Wikileaks) ขึ้นมาแฉข้อมูลเอกสารทางราชการ ซึ่งหักล้างหลายเรื่องที่มีอยู่ในวิกิพีเดีย
ยกตัวอย่างเช่น การก่ออาชญากรรมของรัฐบาลอเมริกาและแก๊งพันธมิตรนาโต้ในตะวันออกกลาง เป็นต้น ทั้งจูเลี่ยน อัสสังค์ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน เชลซี แมนนิ่ง ฯลฯ ได้พากันแฉโดยใช้หลักฐานราชการหรือภาพถ่ายจริงมานำเสนอ ทำให้หักล้างข้อมูลในวิกิพีเดียได้
นอกจากนี้แล้ว หลังจากที่มีข้อมูลพอที่จะเขียนแฉอาชญากรรมสงคราม เรียบเรียงดีจนน่าเชื่อถือแล้ว คนเขียนยังจะต้องเจอด่านใหญ่อีกด่านคือคำว่า *ทฤษฎีสมคบคิด* (Conspiracy Thoery) ขึ้นมาสกัดอีก
จำต้องจำให้ขึ้นใจว่าคำว่า *ทฤษฎีสมคบคิด* นี้ เป็นศัพท์เฉพาะที่ CIA คิดขึ้นมาเมื่อพ.ศ.๒๕๑๐ เพื่อสกัดใครก็ตามที่จะโจมตีรัฐบาลเงาหรือยิวไซออนิสต์ว่าวางแผนก่ออาชญากรรมว่าเป็นแค่ *ทฤษฎีสมคบคิด* เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจริง
ยกตัวอย่างเช่น มีคนรวบรวมหลักฐานหลายอย่าง ให้เชื่อได้ว่า *รัฐบาลเงา* หรือ *กลุ่มยิวไซออนิสต์* อยู่เบื้องหลังการสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ เครือข่ายพวกนี้ ก็ตอบโต้ว่าเป็นแค่ *ทฤษฎีสมคบคิด* (Conspiracy Theory) เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจริง (Fact) แต่อย่างใด หมายถึงว่าข้อกล่าวหายังเป็นแค่ *ทฤษฎี* หรือ *สมมติฐานที่ตั้งขึ้น* ยังไม่ใช่เรื่องจริง
เพราะฉะนั้น ถ้าคิดว่าสิ่งที่ตนเองพูดหรือนำเสนอข่าวที่แฉเรื่องจริง ไม่ควรใช้คำว่า *ทฤษฎีสมคบคิด* (Conspiracy Theory) ควรจะใช้คำว่าเป็น *ข้อเท็จจริง* (fact) ไปเลย เพราะ ๒ อย่างนี้ต่างกัน อย่างแรกเป็นแค่ทฤษฎี ยังไม่เป็นความจริง ส่วนอย่างที่ ๒ เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
๕.นับแต่ยิวไซออนิสต์ประโคมข่าวเรื่องภาวะโลกร้อน ภายใต้การสนับสนุนของจอร์จ โซรอส ก็เจอนักวิทยาศาสตร์จริงทำวิจัยแย้งขึ้นมา ทำให้เครือข่ายยิวไซออนิสต์ สร้างเวปไซต์ขึ้นมาเพื่อดิสเครดิตนักวิจัยที่เห็นต่าง คือเวปไซต์ Climatefeedback (https://climatefeedback.org/claimreview/non-peer-reviewed-manuscript-falsely-claims-natural-cloud-changes-can-explain-global-warming/?fbclid=IwAR0O73cVd6nXcpvFt7VBkqCDCNgNVp4APVSUdAqKOdjwbVMSFBljE9VZo-c)
ไม่เพียงแต่ภาวะโลกร้อน งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ เช่น สาขาสุขภาพ ก็จะสร้างเวปไซต์ขึ้นมาเพื่อดิสเครดิตเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผลการวิจัยยาสมุนไพรที่ตรงข้ามกับยาที่เครือบริษัทผลิตยารายใหญ่ (big pharmas) พวกตนผลิตขึ้นมาด้วย
เมื่อเจอกับดักเช่นนี้เข้า ความเชื่อถือของคนที่แฉความจริงก็ลดลงเพราะมีกับดักหลายๆ อย่างดักเอาไว้ กว่าที่ความจริงจะถูกแฉออกมาได้ กว่าที่คนจะรู้ว่าความจริงคืออะไรก็เจอกับดักหลายอย่าง ทำให้การตีแผ่ความจริงออกสู่สังคมได้ยากขึ้น
1
โดยสรุปแล้ว สื่อทั้ง ๕ ช่องทางนี้คือเครื่องมือในการปฏิบัติการ IO ของรัฐบาลเงาหรือเครือข่ายยิวไซออนิสต์ที่อยู่เบื้องหลังชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกทั้งสิ้น เพียงแต่พยายามทำให้ดูเนียนผ่านองค์กรทางวิชาการเท่านั้น
ว่าไปแล้ว สังคมโลกกำลัง *ถูกป้อนข้อมูล* ให้อ่านและให้เชื่อไปในทิศทางเดียวกัน เห็นข่าวสารเฉพาะที่เขาต้องการให้เห็นเท่านั้น ยกเว้นจะเป็นวิญญูชนจริงๆ เท่านั้นถึงจะข้ามกับดักต่างๆ ที่ข่าวถึงข้างต้นมาได้ครับ
@ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
๑ เมษายน ๒๕๖๓
หมายเหตุ กฎเกณฑ์ กติกาและมารยาท:
๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน
๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อแรกนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์
๓.โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย (อย่าใช้ 'จารย์หรือจาร (แทนอาจารย์), อัลลัย (แทน อะไร), ทำมัย (แทน ทำไม), สนจัย (แทน สนใจ), อะเคร์ (แทน โอเค), ทะมาย (แทน ทำไม), ก้อ (แทน ก็), ม่ายด้าย (แทน ไม่ได้), ยังงัย (แทน ยังไง), จิงจัย (แทน จริงใจ), หัวจัย (แทน หัวใจ), ครัช (แทน ครับ), อะรัย (แทน อะไร), เป็นรัย (แทน เป็นไร), ปัย (แทน ไป) , คัย (แทน ใคร), ฝรรดี (แทน ฝันดี), เด๋ว (แทน เดี๋ยว), จิง (แทน จริง) เขาใช้กันมาผิดๆ อย่าใช้ตามครับ
๔.ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* จะลบออกทุกครั้งที่เห็น
๕.ผู้ที่สะกดผิดบ่อยครั้งหรือใช้คำหยาบบ่อยครั้ง จะบล็อคอย่างถาวร
๖.คนที่ใหม่ต่อการเมืองระหว่างประเทศ ควรจะอ่านข่าวจากเพจนี้ย้อนหลังไป ๓ เดือนเป็นอย่างน้อยก่อนจะวิจารณ์ใดๆ
๗.อย่าด่วนเชื่อในสิ่งที่ผมเขียนให้อ่าน แต่จงใช้ข้อมูลที่ผมเขียนปูทางไปค้นคว้าหาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมแล้วสรุปด้วยตนเองว่าจริงหรือไม่จริง
โฆษณา