1 เม.ย. 2020 เวลา 16:59 • ธุรกิจ
ค่าเงินบาทอ่อนทะลุ 33.112 บาทต่อดอลลาร์ ! ซึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงตอนนี้ อ่อนค่าแล้ว 11.42% บ่งบอกถึงเศรษฐกิจไทยอ่อนแอลงต่อเนื่อง ส่วนใครที่ตอนนี้ถือทองคำ หรือ หุ้นต่างประเทศ ได้ผลประโยชน์ตรงนี้เต็มๆ ได้เงินกำไรเพิ่ม 11.42% เฉย
แต่มีบางบริษัทไทย ไม่ถูกใจสิ่งนี้เนื่องจากมีหนี้สินในต่างประเทศ เช่น หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า, สำรวจ-ผลิตน้ำมัน ทำให้ต้องจ่ายหนี้เพิ่มขึ้น 10% (เยอะมากนะ)
ตั้งแต่ต้นปี ตลาดหุ้นไทย ได้รับหายนะมากมายตลอดทั้งปีนี้ ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศมากดดัน และอีกปัจจัยหลักคือไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้กระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว การเดินทาง ค้าปลีก น้ำมัน เกือบทุกอุตสาหกรรม ทำให้หลายบริษัทขาดทุนหนัก จึงส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ประมาณ -118,353 ล้านบาท
ไม่แม้แต่ในตลาดหุ้น ในตลาดกองทุนตราสารหนี้ ได้มีการปิดกองทุนไป 4 กองทุน
1.กองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน (TMBUSB)
2.กองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ (TMBBABF)
3.กองทุนเปิดทหารไทย ธนพลัส (TMBTHANAPLUS)
4.กองทุนเปิดทหารไทย ธนไพศาล (TMBBF)
เนื่องจากนักลงทุนแห่ขายตราสารหนี้ กลุ่มนี้ มากกว่า 1 แสนล้านบาท ภายใน 1 สัปดาห์ ในสภาวะไม่ปกติในตลาดการเงินภายในประเทศไทย เนื่องจากทุกคนกลัวเรื่องการจ่ายหนี้ของบริษัทเอกชน ที่ตราสารหนี้ได้ปล่อยกู้ให้บริษัทเหล่านั้น และล่าสุดเริ่มมีสัญญาณการผิดนัดชำระ​เงิน ของบางบริษัท จึงเป็นสัญญาณให้นักลงทุน แห่ขาย มากกว่า 1 แสนล้านบาท ทันที! จึงทำให้ประกาศปิดกองทุน เพราะขาดสภาพคล่อง เดี๋ยวจะมีปัญหาตอนจ่ายเงินคืนนักลงทุน ซึ่งตอนนี้ก็มีประกาศมาแล้วว่า จะคืนเงินภายใน 10-90 วัน หลังกองทุนปิด
ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ที่หาได้ยากมาก ใน 10 ปีนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นเลยนะ ทุกคนแห่ถือเงินสดไว้ เพราะกลัวว่าจะเกิดวิกฤตในระบบธนาคาร และบริษัทเอกชน เนื่องจากหนี้สินในระบบมีเยอะมาก ทั้งของเอกชน และหนี้ภาคครัวเรือน
โดยวิกฤตครั้งนี้ของโควิด-19 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหายเกือบหมดจริงๆ ไม่เกือบเหลือเลยก็ว่าได้ และการจองห้องพักต่ำสุดในหลายรอบปี และมีเหลือแค่ 1.1% เท่านั้น
และสุดท้าย ธนาคารแห่งประเทศ ประกาศเป็นอย่างทางการว่าปีนี้ ประเทศไทยจะเข้าสู่ถดถอย ด้วย GDP ติดลบ -5.3% ตกต่ำที่สุดในรอบ 10 กว่าปี! เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง ปี 2008-2009 ช่วงที่เกิด Subprime ติดลบเพียง -0.7% เท่านั้น
ทั้งนี้ ธปท. คาดว่า
• การส่งออกปี 2563 จะติดลบ -8.8%
• การลงทุนภาคเอกชน จะติดลบ -4.3%
• การบริโภคภาคเอกชน จะติดลบ -1.5%
• การลงทุนภาครัฐ ยังขยายตัว +5.8%
• การอุปโภคภาครัฐ จะเติบโต +2.6%
ไม่เพียงแค่นั้นธนาคารโลก ประกาศว่า เศรษฐกิจประเทศไทยถดถอย มากที่สุดในอาเซียน (มีผลมากๆ กับ นักลงทุนต่างชาติ)
ในปีนี้อยากจะให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมกับการเศรษฐกิจถดถอย และเตรียมเงินสำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน อย่างน้อย 3-6 เดือนของรายจ่าย และถ้าอยากจะหาโอกาสจะลงทุน ตอนนี้ละสำคัญสุดๆ เตรียมหาความรู้เรื่องหุ้นไว้ให้ดี โอกาสทองในรอบ 11 ปีมาถึงแล้วในปีนี้ หรือปีหน้า
โฆษณา