“การอยู่รอด” เป้าหมายแรกของเทรดเดอร์
[เทรดมั่วทัวร์ดอย]
[เทรดมั่วทัวร์ดอย] - cr.unsplash
เชื่อว่าหลายๆคนนั้น ตัดสินใจเดินเข้ามาในตลาดหุ้น เพราะหวังเรื่องของการสร้างผลตอบแทนจากการเทรดหรือการลงทุนเป็นเรื่องแรก มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรและตัวผมเองก็เหมือนจะเป็นหนึ่งในนั้นครับ
แต่ในความเป็นจริงนั้น การเทรดไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เราคิดเอาไว้ ที่จะเข้ามาชิลๆและสามารถกำเงินออกไปจากตลาดได้อย่างภาพในฝัน ที่ตื่นสาย นอนริมหาดแล้วเปิดจอเทรดทำกำไรทุกๆวัน หากจะเปรียบผลของการเทรด มันก็เหมือนกับเหรียญที่มี 2 ด้าน คือ นอกจากผลตอบแทนจากการเทรดที่เรามองเห็นนั้น มันยังมีโอกาสขาดทุนที่อยู่ในด้านตรงข้ามของเหรียญอยู่ตรงนั้นเสมอ เราควรที่จะมองให้เห็นด้านนี้ด้วยครับ
เมื่อความล้มเหลว เป็นสิ่งที่ต้องเจอก่อนจะประสบความสำเร็จ การอยู่รอดจึงเป็นเป้าหมายแรกที่เทรดเดอร์ควรตั้ง
cr.unsplash
เป้าหมายแรกที่เทรดเดอร์ควรตั้ง ไม่ใข่การทำกำไรเป็นกอบเป็นกำในระยะเวลาเพียฃสั้นๆ แต่คือการอยู่รอดให้ได้นานที่สุดในสนามแห่งนี้ในระยะยาว
ควรเริ่มต้นจาก เราจะล้มเหลวยังไง ให้ไม่แพ้จนถอดใจ หมดตัวจนออกไปจากตลาดซะก่อน เพราะหากเราเทรดแบบทุ่มสุดตัวจนหมดหน้าตักแล้ว ผลที่เกิดคือการขาดทุนนั้น เท่ากับว่าเราจะหมดโอกาสเอาคืน ล้มเหลวจากการเทรด หมดโอกาสฝึกฝนและเก็บประสบการณ์ จนทำให้เราออกห่างความสำเร็จจากการเทรดได้
ดังนั้น เมื่อเราเริ่มต้นจากการอยู่รอดแล้ว จะทำให้เรามองเห็นอีกด้านของเหรียญอย่าง”ความเสี่ยง” มาเป็นอันดับแรกๆ
ผมจึงขอหยิบแนวคิดจากหนังสือ "Mind over Bear market" ที่ล่าสุดจากพี่เอกแห่ง cwayinvestment ได้ทำสรุปให้เหล่าสมาชิกได้อ่านกัน
Cr.Cway-investment
ท่ามกลางสภาวะตลาดขาลงในปัจจุบัน นี่จึงเป็นโครงการดีๆจาก cway ที่ให้เหล่าสมาชิกได้ร่วมบริจาคทำบุญช่วยเหลือสถานการณ์ Covid19 ตามโรงพยาบาลต่างๆ และให้ความรู้ผ่านหนังนือแจกฟรีเล่มนี้
ซึ่งทางผมข้อหยิบเนื้อหาในส่วนของ chapter 5 : How to Fail and Still Survive มาประกอบบทความที่จะพูดถึงสำคัญของเป้าหมายการอยู่รอด ว่าเราต้องเริ่มยังไง โดย มีข้อสรุปดังนี้
How to Fail and Still Survive
cr.unsplash
1. ปรับ mindset - ต้องไม่โลภ รู้จักพอ และวางแผนสำหรับการอยู่รอดในระยะยาวให้ได้
2. ไม่แลกไม่ชน - ยอมรับว่าเราเป็นมือใหม่ เพราะระบบเทรด การบ้าน ประสบการณ์เรายังไม่มากพอ อยากไปแลก วัดดวงตามข่าว ตามกระแส ตามวงใน
3. ใช้เงินเท่าที่มี - เงินเยอะหรือเงินน้อยไม่ได้สำคัญ เพราะต้องเน้นอยู่รอด เพราะถ้าสถิติจากการเทรดดี อยู่รอดได้แล้ว เราค่อยเพิ่มเงินลงไปก็ยังไม่สาย
ยกตัวอย่างการเรียนรู้ในตลาดอย่างน้อย 5 ปี ด้วยเงินต้น 200,000 บาท ให้แบ่งเป็น ปีละ 40,000 (200,000/5 ปี) หากกรณีเลวร้าย เช่น ปีแรกนั้นเราแพ้หมดตัว แต่เราจะยังมีเงินเหลือให้เทรดแก้ตัวต่ออีก 4 ปี จะทำให้เราเทรดเก็บประสบการณ์ในตลาดได้อย่างยาวนานมากขึ้น
4. เรียนรู้ความผิดพลาด - ละทิ้งอัตตา ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหนก็ตาม เมื่อเข้ามาสนามนี้ เราก็คือเด็กใหม่ กล้าที่จะผิด และสิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด การขาดทุน และจดบันทึกถึงสาเหตุ อารมณ์ พร้อมตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าพลาดตรงไหน? กล้าที่จะผิด แล้วเรียนรู้มันซะ
5. ให้เวลากับตัวเอง - ถ้าหากประสบการณ์น้อยกว่า 5 ปี เราจะอยู่ไม่ครบรอบ cycle ของตลาด อย่าคิดว่าเราเก่งแล้ว เพราะมันจะทำให้เกิดอีโก้ขึ้นมา และเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ความมั่นใจจากการถูกต้องที่สะสมอีโก้จนมากพอ จะเป็นสิ่งที่ทำร้ายเราให้เสียหายหนัก จนล้มหายตายออกจากตลาดไปได้เลย
6. จริงจัง ตั้งใจ - เลิกใช้คำว่าขำๆกับการเทรด เพราะมันขำๆกับเรื่องเงินทองไม่ได้ คนที่เขาจริงจังจนล่าเงินออกไปได้นั้น ไม่ยอมให้เรามาเอาเงินเขาไปแบบขำๆได้
คำว่าขำๆ ออกจะเป็นเหมือนคำพูดที่มีไว้เพื่อช่วยแบกรับความเจ็บปวดจากการขาดทุนมากกว่า ถ้าต้องการเทรดเป็นอาชีพแล้ว เราต้องจริงจังและตั้งใจกับมันให้สุด
สุดท้ายคือ ตลาดหุ้นมันไม่ได้หายไปไหนครับ แต่เราจะอยู่กับมันไปได้ตลอดรึเปล่า ให้สู้ผ่านการฝึกฝนตัวเอง เสริมรากฐานให้แข็งแกร่ง เรียนรู้และค่อยๆเติมโตประสบการณ์ไปครับ เมื่อทำเป้าหมายแรก คือ อยู่รอดได้แล้ว ผลตอบแทนมันจะมาเองครับ
ทางผมเพจ [เทรดมั่วทัวร์ดอย]
cr.unsplash
ต้องขอขอบคุณพี่เอกแห่ง cwayinvestment ด้วยนะครับ ที่เป็นตัวกลางในการให้มุมมอง เสริมความรู้ แชร์ประสบการณ์กับน้องๆเหล่าเทรดเดอร์มือใหม่ตลอดมา
ทางผมไม่ได้มีความตั้งใจจะเอาเนื้อหาในหนังสือมาหาผลประโยชน์ใดๆนะครับ เพียงแค่เห็นว่าประเด็นเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อการเริ่มต้นการฝึกฝนตัวเองในการเป็นเทรดเดอร์อย่างผม ที่กำลังศึกษาพัฒนาตัวเองอยู่ จึงอยากสรุปมาให้คนที่ติดตามเพจนี้ได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ที่มา :
#เทรดมั่นทัวร์ดอย
- 15
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
