18 เม.ย. 2020 เวลา 13:44 • ธุรกิจ
ปรับ mindset มองการเทรดบน ”ความน่าจะเป็น”
[เทรดมั่วทัวร์ดอย]
[เทรดมั่วทัวร์ดอย] - cr.unsplash
สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านในค่ำคืนวันเสาร์นะครับ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ วันนี้ก็คงจะเป็นวันหยุดพักผ่อนจากการทำงาน หรืออาจจะเป็นวันพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆพี่น้องแลกเปลี่ยนพูดคุยอย่างสบายใจ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่หลายๆบริษัทคงมีมาตรการป้องกัน Covid-19 ด้วยการให้พนักงาน Work from home ทำให้วันเสาร์-อาทิตย์ในตอนนี้นั้น มันก็อาจจะไม่มีความแตกต่างกันกับวันทำงานปกติ ที่เราทำได้แค่การอยู่แต่ในที่พักที่อาศัยเท่านั้น ต้องหยุดกิจกรรมและการออกไปข้างนอกพบปะสังสรรค์ รวมถึงการอดเฮฮาปาร์ตี้กันตามปกติสุขนั่นเอง
แต่ก็นะ สำหรับผมเองก็คิดซะว่า ยอมเพื่อชาติและคนที่ตัวเองรัก ยอมเพื่อให้สถานการณ์การระบาดมันดูดีขึ้นก่อน และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้อีกครั้งในเร็ววันด้วยนะครับ เอาใจช่วยทุกๆคนนะครับ
กลับมาที่เรื่องของ “ความน่าจะเป็น” ซึ่งเป็นหนึ่งเรื่องที่สำคัญอย่างมาก สำหรับการพัฒนา mindset ของเทรดเดอร์ ด้วยการมองเกมการเทรดเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็น คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ ”โอกาส” ในการเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น พอเอาความน่าจะเป็นมาโยงเข้ากับเรื่องการเทรดนั้น เราไม่สามารถที่จะทำการตัดสินใจ”ซื้อ-ขาย” โดยให้ผลลัพธ์ออกมาบนความถูกต้อง 100% ได้อย่างแน่นอน หลักการคิดบนความน่าจะเป็น จึงทำให้เทรดเดอร์ไม่ยึดติดกับผลลัพธ์ และไม่รู้สึกเฟลเมื่อต้องรับรู้ขาดทุนจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดครับ
เพราะทุกๆการเทรดนั้น มีโอกาสหรือความน่าจะเป็นที่จะเกิดผลลัพธ์ทั้งกำไรและขาดทุนเสมอ หากเราเข้าใจว่านี่คือความเป็นจริงที่เราต้องเจอแล้ว ความคิดเราก็จะให้ความสำคัญกับความเสี่ยงที่อาจจะผิดพลาด และการกำหนด position sizing ในการเข้าเทนด ว่าต้องซื้อหุ้นตัวไหน ราคาที่เท่าไหร่ จำนวนกี่หุ้น เพื่อให้สอดคล้องกับโอกาสที่จะกำไรหรือขาดทุนที่ต้องเจอ
แต่หากเรามี mideset การเทรดผ่านการยึดถือคติที่ว่า เราต้องเทรดให้ถูกต้องตลอด โดยไม่ได้สนใจถึงหลักของความน่าจะเป็นเลย เมื่อเรา action ถูกทางทเราก็จะดีใจและได้กำไรจากการเทรดนั้นไป แต่เมื่อผิดทางขึ้นมา ผลขาดทุนนั้นย่อมสร้างบาดแผลและสร้างการขาดทุนให้กับเรา และสิ่งที่น่ากลัวอย่างมากก็คือ เกิดการขาดทุนอย่างหนัก จนทำให้เสียเงินต้นส่วนใหญ่ไป มันจะเป็นตัวทำลาย mindset ของเทรดเดอร์ ก่อให้เกิดความกลัว ความหน้ามืดอยากเอาคืน หรือไปถึงการยอมแพ้ออกจากการเทรดไปเลยก็ได้
ในแนวทางของการเริ่มต้นนั้น เราสามารถเก็บสถิติจากการเทรดหรือการทดสอบด้วยข้อมูลในอดีต ผ่านกระบวนการการตัดสินใจรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แล้วนำมาสรุปในรูปของความน่าจะเป็นได้ ซึ่งเราจะรู้จักในชื่อ “winrate” ครับ
เช่น ผมตั้งเงื่อนไขการซื้อหุ้นแบบ buy on dip หรือซื้อเมื่อย่อตัว+วอลุ่มแห้งๆ ผ่านการทดสอบซื้อและขายด้วยเงื่อนไขดังกล่าวจำนวน 20 ครั้ง ผลที่ได้ออกมาคือ กำไร 12 ครั้ง และขาดทุน 8 ครั้ง เราจะเทียบเป็น %winrate ได้ที่ 12/20 หรือ 60% ครับ แปลว่าเงื่อนไขการตัดสินใจด้วยการเทรดแบบนี้ มีความได้เปรียบที่จะทำกำไรได้ ผมจึงควร action ออกไป
ซึ่งหากผมมีสถิติในการเทรดและเก็บผลออกมาได้ความน่าจะเป็นที่จะซื้อแล้วกำไรได้มากกว่าการขาดทุน การตัดสินใจที่จะ action จึงสมควรที่จะเกิดขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากเรารู้ว่าการเข้าไปซื้อตรงจุดๆหนึ่ง เป็นเกมการ action ที่มีความน่าจะเป็นน้อยมากที่จะกำไร เราก็แค่ไม่ action อะไรออกไปนั่นเอง
ประเด็นนี้ เราจะสามารถนำ winrate มาใช้งานควบคู่กับ risk/reward ในการกำหนดกลยุทธ์การเทรดได้เช่นกัน ไว้ถ้ามีโอกาสผมจะมาเขียนในประเด็นนี้นะครับ
ทั้งหมดนี่จึงเป็นข้อสรุปถึงความสำคัญ ในการมองการเทรดให้อยู่บนรูปแบบของความน่าจะเป็น ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจถึงความเป็นจริง และคิดถึงความเสี่ยงจากความผิดพลาดมาเป็นลำดับแรกๆ อีกทั้งทำให้เราเลือกที่จะตัดสินใจ action บนความได้เปรียบของความน่าจะเป็นในเกมตัวเอง ส่วนการเทรดครั้งไหนที่มีโอกาสน้อย เราก็เลือกที่จะไม่ action มันไป หรือถ้าอยากจะ action ก็แค่ลดจำนวน position size ลง เพื่อป้องกันความผิดพลาดขาดทุนได้
#เทรดมั่วทัวร์ดอย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา