12 เม.ย. 2020 เวลา 15:13 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา BAFS จะไม่ยอมแพ้แม้ในช่วงวิกฤต
หากพูดถึงหุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจสายการบิน คนส่วนใหญ่อาจนึกไปถึงหุ้น AOT, THAI, AAV, BA, NOK
แต่ยังมีหุ้นอีกตัวหนึ่งถ้าขาดหุ้นตัวนี้ไป ธุรกิจสายการบินข้างต้นจะไม่สามารถดำเนินกิจการได้เลย นั่นคือหุ้น BAFS
BAFS หรือ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อปี 1983 ทำธุรกิจให้บริการน้ำมันกับท่าอากาศยานหลักแบบครบวงจร โดยมีลูกค้าหรือผู้ว่าจ้างเติมน้ำมันคือ บริษัทผู้ค้าน้ำมันต่างๆ ที่ขายน้ำมันอากาศยานให้แก่สายการบิน ทั้งนี้ ลักษณะการดำเนินการธุรกิจหลักของบริษัทฯ มีดังนี้
1. บริษัทฯ ถือหุ้นใหญ่โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 22.59% ตามไปด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 9.50% และบริษัทน้ำมันต่างๆ เช่น เอสโซ่ ปตท. เชลล์ และ เชพรอน
2. บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทฯ ย่อยอีก 4 บริษัท ซึ่งมีลักษณะการประกอบธุรกิจที่แตกต่างกัน เพื่อดำเนินการให้บริการน้ำมันได้อย่างครบวงจร
3. ปัจจุบันบริษัท ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานในท่าอากาศยาน 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง สมุย สุโขทัย และตราด ทั้งนี้ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุด บริษัทฯ เป็น 1 ใน 2 รายที่ได้รับสัมปทานเป็นระยะเวลา 20 ปี (เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนกันยายน 2549) อย่างไรก็ตาม ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองบริษัทฯ ได้รับสัมปทานพียงเจ้าเดียว
1
4. ธุรกิจขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านทางท่อ สำหรับน้ำมันอากาศยานและน้ำมันภาคพื้น ในเขตปริมณฑลและภาคเหนือ
🏆ผลประกอบการของบริษัท
ปี 2560
รายได้ 3,640 ล้านบาท
กำไร 970 ล้านบาท
ปี 2561
รายได้ 3,806 ล้านบาท
กำไร 1,050 ล้านบาท
ปี 2562
รายได้ 3,956 ล้านบาท
กำไร 939 ล้านบาท
จากงาน OPPDAY เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา
นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้จัดการ
ได้ออกมาให้ข้อมูลคาดรายได้ปี 63 จะลดลง 12% เมื่อเทียบกับปี 62 ที่มีรายได้ 3,956 ล้านบาท
เนื่องจากคาดว่าปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานในปีนี้จะลดลงเหลือเพียง 5,200 ล้านลิตร ซึ่งลดลง 15% จากปี 62 ที่มีปริมาณการเติมจำนวน 6,100 ล้านลิตร ซึ่งได้รับผลกระทบจากจำนวนเที่ยวบินลดลง เพราะการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ‼️
โดยเมื่อปีที่แล้วมีคนใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองและสวรรณภูมิ ทั้งสิ้น 106.7 ล้านคน มีเที่ยงบินรวมกันมากกว่า 500,000 เที่ยวบิน และเป็นสัดส่วนลาวต่างชาติถึง 67 % นั้นหมายความว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นกระทบแกธุรกิจการบินและ BAFS อย่างเต็มๆ
แต่ BAFS เองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะเชื่อว่าสถานการณ์กลับมาปกติ นักท่องเที่ยวจะกลับมาอย่างแน่นอน และนี้คือก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะลงทุนเพื่อพัฒนาความสามารถในการให้บริการได้ดียิ่งขึ้น
ในปีนี้บริษัท จะใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมลงทุนในโครงการระบบบริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่สนามบินอู่ตะเภา และโครงการก่อสร้างถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่
รวมถึงก่อสร้างท่อส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือตามกำหนดการเดิมให้แล้วเสร็จ
และพร้อมที่จะต่อยอด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาเพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งรูปแบบเป็นโซลาร์ฟาร์ม พลังงานลม และพลังงานน้ำ โดยจะดำเนินการภายใต้บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชัน จํากัด
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างเจรจาร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อร่วมกันผลิตรถยนต์ EV และขนส่งผู้โดยสารภายในสนามบิน เนื่องจากบริษัทมีความรู้และความสามารถในการประกอบรถยนต์ ขณะที่บริษัทพันธมิตรมีความในด้านของการพัฒนาและวิจัย ดังนั้นจึงคาดว่าจะสามารถร่วมกันดำเนินธุรกิจได้ในปี 2565
จะเห็นได้ว่านี้คืออีกหนึ่งตัวอย่างของการมองเห็นโอกาสในช่วงภาวะวิกฤต
ถ้าเรามัวแต่หยุดนิ่ง จมทุกข์กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ยอมไม่เกิดประโยชน์อันใด
สู้เอาเวลาในช่วงนี้มาพัฒนา ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมพร้อมที่จะแก้มือหลังจบวิกฤตนี้กันดีกว่า
เราจะสู้ไปด้วยกัน
Strong Together ✌️
ทีมงานหุ้นพอร์ทระเบิด
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดพอร์ท หุ้น TFEX SBL BLOCKTRADE กับโบรคเกอร์ KTBST
ค่าธรรมเนียมเรทพิเศษ
พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย
- ทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการ
- โปรแกรม EFIN//ASPEN
- โปรแกรม SUPPORT อื่นๆเช่น MT4//MODEL TRADE//KTBST SMART และอื่นอีกมากมาย
กรอกรายละเอียดได้เลย 👇
โฆษณา