19 เม.ย. 2020 เวลา 09:36 • การศึกษา
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2551 ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 แล้วฉบับที่ 4 พ.ศ. 2562
มีผลบังคับใช้เมื่อ 24 ธันวาคม 2547
9 หมวด 140 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
มาตรา 4 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง ตามพระราชบัญญัตินี้ให้รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณแผ่นดิน งบบุคลากรที่จ่ายในลักษณะเงินเดือน ใน
1 กระทรวงศึกษาธิการ
2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
3 กระทรวงวัฒนธรรม
4 กระทรวงอื่นที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
ข้าราชการครู หมายความว่า ผู้ที่ประกอบวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆในสถานศึกษาของรัฐ
คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐ
บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษา ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ การบริหารการศึกษา และปฏิบัติงานอื่นในหน่วยงาน การศึกษา
วิชาชีพ หมายความว่า วิชาชีพครู วิชาชีพบริหารการศึกษา วิชาชีพบุคลากรทางการศึกษาอื่น
เขตพื้นที่การศึกษา หมายความว่า เขตพื้นที่การศึกษาตามประกาศกระทรวง
หน่วยงานการศึกษา หมายความว่า
1 สถานศึกษา
2 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
3 สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน
4 แหล่งเรียนรู้ตามประกาศของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
5 หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการหรือตามประกาศกระทรวงหรือหน่วยงานที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากำหนด
มาตรา 7 ให้มีคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียกว่า ก.ค.ศ. มีจำนวน 14 คน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานกรรมการ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นคณะกรรมการและเลขานุการ
ให้ ก.ค.ศ. มีอำนาจแต่งตั้ง อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ 3 คณะ แต่ละคณะไม่เกิน 15 คน อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ
คณะที่ 1 เกี่ยวกับการอุทธรณ์และการร้องทุกข์
คณะที่ 2 เกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ
คณะที่ 3 เกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ก.ค.ศ. มีอำนาจหน้าที่
1 เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายการผลิตและการบริหารบุคคลข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
2 กำหนดนโยบายวางแผนและกำหนดเกณฑ์อัตรากำลัง
3 เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีในกรณีที่ค่าครองชีพเปลี่ยนแปลงไปมาก พิจารณาปรับปรุงเงินเดือนเงินวิทยฐานะ
4 ออกกฎระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
5 พิจารณาวินิจฉัยตีความปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการบังคับใช้พระราชบัญญัตินี้
6 พัฒนาหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรฐานการบริหารงานบุคคล
7 กำหนดวิธีการและเงื่อนไขการจ้างเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคล เพื่อปฏิบัติรวมทั้งกำหนดอัตราเงินเดือนหรือค่าตอบแทน
8 ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาการส่งเสริมสร้างขวัญกำลังใจและการยกย่องเชิดชูเกียรติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
9 ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์เกื้อกูลอื่นแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
10 พิจารณาตั้ง อ.ก.ค.ศ เขตพื้นที่การศึกษา และคณะอนุกรรมการอื่นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ มอบหมาย
11 ส่งเสริม สนับสนุน ประสานงาน ให้คำปรึกษา แนะนำและชี้แจงด้านการบริหารงานบุคคลแก่หน่วยงานการศึกษา
12 กำหนดมาตรฐาน พิจารณา และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยการออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์
13 กำกับดูแล ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
14 ในกรณีที่ปรากฏว่าส่วนราชการ หน่วยงานการศึกษา อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา คณะอนุกรรมการ หรือผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติตาม โดยไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม หรือปฏิบัติโดยขัด แย้งกับกฎหมาย กฎ ก.ค.ศ ระเบียบ ข้อบังคับหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามที่ ก.ค.ศ. กำหนดให้ ให้ ก.ค.ศ. มีอำนาจยับยั้งการปฏิบัติการดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราว
15 พิจารณารับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือคุณวุฒิ อย่างอื่นเพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
16 กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในเรื่องการปฏิบัติการต่างๆ
17 พิจารณาจัดระบบทะเบียนประวัติและแก้ไขทะเบียนประวัติเกี่ยวกับ วัน เดือน ปี เกิด และควบคุมการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
18 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่น
มาตรา 21 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 10/2559 ยุบเลิก อ.ก.ค.ศ.
มาตรา 23 คำสั่ง คสช. ให้ยุบเลิก อ.ก.ค.ศ.เขต และให้โอนอำนาจหน้าที่ให้ กศจ.
หน้าที่คือ
1 พิจารณากำหนดนโยบาย กำหนดจำนวนและอัตราตำแหน่ง และเกลี่ยอัตรากำลังให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารงานบุคคล
2 พิจารณาให้ความเห็นชอบการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา
3 ให้ความเห็นชอบ พิจารณาความดีความชอบของผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ในเขตพื้นที่การศึกษา
4 พิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย การออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์
5 ส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนา สร้างขวัญกำลังใจ ปกป้องคุ้มครอง จัดสวัสดิการ ยกย่องเชิดชูเกียรติ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
6 ทำกับ ดูแล ติดตาม และประเมินผล การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
7 จัดทำและพัฒนาฐานข้อมูลข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
8 จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเสนอ ก.ค.ศ.
9 พิจารณาให้ความเห็นชอบ เรื่องการบริหารงานบุคคลในเขตพื้นที่การศึกษา ที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของผู้บริหารของหน่วยงานการศึกษา
10 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ กฎหมายอื่นหรือตามที่ ก.ค.ศ. มอบหมาย
มาตรา 24 ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
1 รับผิดชอบในการปฏิบัติงานราชการ และหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ.เขต มอบหมาย
2 เสนอแนะการบรรจุและแต่งตั้ง
3 พิจารณาเสนอความดีความชอบของผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขต
4 จัดทำแผนและส่งเสริมการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
5 จัดทำ ระเบียนประวัติ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
6 จัดทำมาตรฐานคุณภาพงานกำหนดภาระงานขั้นต่ำและเกณฑ์การประเมินผลงาน
7 ประเมินคุณภาพการบริหารงานบุคคลและจัดทำรายงานการบริหารงานบุคคล
8 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 26 ให้คณะกรรมการสถานศึกษามีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล
1 กำกับดูแลการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา
2 สนองความต้องการจำนวนและอัตราตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเสนอ ก.ศ.จ. พิจารณา
3 ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต่อผู้บริหารสถานศึกษา
4 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 27 ให้ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
1 ควบคุม ดูแล ให้ การบริหารงานบุคคลในสถานศึกษาสอดคล้องกับนโยบายกฎระเบียบข้อบังคับหลักเกณฑ์และวิธีการ
2 พิจารณาเสนอความดีความชอบของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา
3 ส่งเสริมสนับสนุนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
4 จัดทำมาตรฐานภาระงานสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา
5 ประเมินผลการปฏิบัติงานตามมาตรฐานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเสนอ ก.ศ.จ.
6 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้
ผู้อำนวยการสถานศึกษาเสนอเลื่อนเงินเดือนครูและบุคลากรในสถานศึกษา
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเสนอเลื่อนเงินเดือนของผู้บริหารโรงเรียนศึกษานิเทศก์และบุคลากรในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ก.ศ.จ. เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบอนุมัติเลื่อนเงินเดือน ศึกษาธิการจังหวัดลงนามใน คำสั่ง
หมวด 2 บททั่วไป
มาตรา 30 ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาสำหรับการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา
ผู้ซึ่งจะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ต้องมีคุณสมบัติทั่วไป 13 ข้อดังต่อไปนี้
1 มีสัญชาติไทย
2 มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
3 เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
4 ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น เป็นสมาชิกพรรคได้
5 ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบหรือเป็นโรคตามที่กำหนดในกฎ ก.ค.ศ. 5 โรค
6 ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่นหรือถูกสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎหมายองค์กรวิชาชีพนั้นๆ
7 ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี
8 ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง เป็นสมาชิกพรรคได้
9 ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
10 ไม่เป็นผู้เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
11 ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก จากรัฐวิสหกิจ องค์กรมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือองค์กรระหว่างประเทศ
12 ไม่เป็นผู้ เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก เพราะกระทำผิดวินัยตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่น
13 ไม่เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการหรือเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยโรค พ. ศ. 2549
โรคตามมาตรา 30 คือ
1 โรคเรื้อนในระยะติดต่อหรือในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม
2 วัณโรคในระยะติดต่อ
3 โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม
4 โรคติดยาเสพติดให้โทษ
5 โรคพิษสุราเรื้อรัง
เรื้อน วัณ ช้าง เสพติด สุรา
หมวด 3 การกำหนดตำแหน่งวิทยฐานะ PLC และการให้ได้รับเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่ง
มาตรา 38 ตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มี 3 ประเภท
สอน+หาร+อื่น
ก. ตำแหน่งซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้สอนในหน่วยงานการศึกษา
1 ครูผู้ช่วย ตำแหน่งแรกเริ่มบรรจุ ตามมาตรา 38 ก
2 ครู มี 4 วิทยฐานะ
3 อาจารย์
4 ผู้ช่วยศาสตราจารย์
5 รองศาสตราจารย์
6 ศาสตราจารย์
ตำแหน่งในข้อ 1 และข้อ 2 จะมีในหน่วยงานการศึกษาใดก็ได้ส่วนตำแหน่งในข้อ 3 ถึงข้อ 6 ให้มีในหน่วยงานการศึกษาที่สอนระดับปริญญา
ตำแหน่งในข้อ 3 ถึงข้อ 6 ไม่ใช่ข้าราชการครูตาม พรบ. นี้แล้ว เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
ข. ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา
1 รองผู้อำนวยการสถานศึกษามี 3 วิทยฐานะ
2 ผู้อำนวยการสถานศึกษา มี 4 วิทยฐานะ
3 รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามี 2 วิทยฐานะ
4 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามี 2 วิทยฐานะ
5 ตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ค. ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น
1 ศึกษานิเทศก์มี 4 วิทยฐานะ
2 ตำแหน่งอื่นที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่กคศกำหนด เช่น นิติกร ศธจ. นักวิชาการ
มาตรา 39 ให้มีตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นตำแหน่งที่มีวิทยฐานะได้แก่
ก. ตำแหน่งครู มี 4 วิทยฐานะ
1 ครูชำนาญการ คศ.2 วิทยฐานะ 3,500 บาท
2 ครูชำนาญการพิเศษ คศ.3 วิทยะฐานะ 5,000 บาท + ค่าตอบแทนวิทยฐานะ 5,000 บาท
3 ครูเชี่ยวชาญ คศ.4 วิทยฐานะ 9,900 บาท + ค่าตอบแทนวิทยฐานะ 9,900 บาท
4 ครูเชี่ยวชาญพิเศษ คศ.5 วิทยฐานะ 1,300 บาท + ค่าตอบแทนวิทยฐานะ 13,000 บาท
ตำแหน่งครู คศ.5 เงินเดือนเกินขั้น คศ.4 เพิ่มตามมติครม. 15,600 บาท
วิทยฐานะแรกเริ่มต่ำสุดคือ คศ.2 วิทยฐานะสูงสุดคือ คศ.5
ข. ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา มีวิทยฐานะ
1 รองผู้อำนวยการชำนาญการ
2 รองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
3 รองผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ
4 ผู้อำนวยการชำนาญการ
5 ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
6 ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ
7 ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญพิเศษ
ค. ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา มีวิทยฐานะ
1 รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชำนาญการพิเศษ
2 รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ
3 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ
4 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญพิเศษ
ง. ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ มีวิทยฐานะ
1 ศึกษานิเทศก์ชำนาญการ
2 ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ
3 ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ
4 ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญพิเศษ
จ. ตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ ก.ค.ศ. กำหนดให้มีวิทยฐานะ
มาตรา 40 ให้ตำแหน่งคณาจารย์ดังต่อไปนี้เป็นตำแหน่งทางวิชาการ
1 อาจารย์
2 ผู้ช่วยศาสตราจารย์
3 รองศาสตราจารย์
4 ศาสตราจารย์
ตำแหน่งในข้อ 1 ถึงข้อ 4 สอนในระดับปริญญา
มาตรา 42 ให้ ก.ค.ศ. จัดทำมาตรฐานตำแหน่ง มาตรฐานวิทยฐานะและมาตรฐานตำแหน่งทางวิชาการ โดยคำนึงถึงมาตรฐานวิชาชีพ คุณวุฒิการศึกษา การอบรม ประสบการณ์ ระยะเวลาปฏิบัติงาน คุณภาพการปฏิบัติงาน หรือผลงานที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่
หมวด 4
มาตรา 53 ผู้มีอำนาจในการบรรจุแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
1 ศึกษาธิการจังหวัด โดยความเห็นชอบของ กศจ.
ครูผู้ช่วย ครู รองผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้อำนวยการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ บุคลากรอื่นทางการ ศึกษาในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตำแหน่งซึ่งมีวิทยฐานะ ชำนาญการ งานการพิเศษ และเชี่ยวชาญ
2 เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยอนุมัติ ก.ค.ศ. ตำแหน่งที่มีวิทยฐานะ เชี่ยวชาญพิเศษ เมื่อได้รับอนุมัติจาก ก.ค.ศ. แล้ว ให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้มีอำนาจสั่ง บรรจุ และให้รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ นำเสนอ นายกรัฐมนตรี เพื่อนำความกราบทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
มาตรา 56 ผู้ใดได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้เข้ารับราชการ เป็นบุคลากรทางการศึกษา ให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งนั้นก่อนแต่งตั้ง
1 ผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้เข้ารับราชการเป็นบุคลากรทางการศึกษาให้ทดลองการปฏิบัติราชการในตำแหน่งนั้น
2 แต่ถ้าผู้นั้นบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่ง ครูผู้ช่วย ให้ผู้นั้นเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มเวลา 2 ปี (ไม่ใช่ทดลองปฏิบัติราชการ)
การจัดลำดับอาวุโสในราชการ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เรียงดังนี้
1 วิทยฐานะ
2 เงินเดือน
3 อายุราชการ
4 เครื่องราชอิสริยาภรณ์
5 อายุตัว
การเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มสำหรับตำแหน่งครูผู้ช่วยเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนดดังนี้
1 การเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตำแหน่งครูผู้ช่วย มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาให้ครูผู้ช่วยมีความรู้ ความประพฤติและคุณลักษณะเหมาะสมในหน้าที่ที่รับผิดชอบตามมาตรฐานตำแหน่งที่ ก.ค.ศ. กำหนด และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาและเป็นครูที่ดี
2 ให้ส่วนราชการมีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุนทรัพยากรการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มได้แก่บุคลากร เอกสาร สื่อ และอื่นๆ ให้แก่สถานศึกษาทุกด้าน
3 ให้สถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัด ดำเนินการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มสำหรับผู้ที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย เป็นเวลา 2 ปี ในสถานศึกษาที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง นับตั้งแต่วันเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการ ก่อนแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งครู คศ.1
***กรณีครูผู้ช่วย ลา ให้นับวันลาดังกล่าวรวมเป็นระยะเวลาการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มได้ไม่เกิน 90 วัน หากเกิน 90 วัน ผู้นำต้องเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มตามจำนวนวันที่ลาเกินให้ครบ 2 ปี
4 ให้การเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มเป็นไปตามหลักสูตรที่กำหนด เพื่อให้ครูผู้ช่วย มีคุณลักษณะและสมรรถนะในการปฏิบัติงาน และปฏิบัติตนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน 5 หมวดดังนี้
หมวดที่ 1 วินัย คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ
หมวดที่ 2 การจัดการเรียนการสอน
หมวดที่ 3 การบริหารจัดการชั้นเรียน
หมวดที่ 4 การมีส่วนร่วมการพัฒนาในสถานศึกษาและชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
หมวดที่ 5 ทักษะการใช้ภาษาและเทคโนโลยีดิจิตอล
5 ให้ศึกษาธิการจังหวัด ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 แต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมความพร้อมอย่างเข้ม จำนวน 3 คนประกอบด้วย
1 ผู้อำนวยการสถานศึกษา เป็นประธานกรรมการ
2 ผู้ดำรงตำแหน่งครูในสถานศึกษา เป็นกรรมการ
3 ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นจากภายนอกสถานศึกษา เป็นกรรมการ
ทั้งนี้ให้คณะกรรมการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง โดยให้คำปรึกษา สอนงาน ช่วยเหลือ แนะนำ และกรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง ข้อ 1 และข้อ 2 ให้แต่งตั้งจากสถานศึกษาอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกัน
6 ให้คณะกรรมการเตรียมความพร้อมและพัฒนามีหน้าที่พัฒนาและประเมินผลการปฏิบัติตนและปฏิบัติงานควบคู่กัน เป็นระยะระยะอย่างต่อเนื่อง ทุก 6 เดือน รวม 4 ครั้ง เป็นเวลา 2 ปี
7 ให้มีผลการประเมินจากกรรมการทุกคนเฉลี่ย ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70
กรณีที่เห็นว่าครูผู้ช่วยมีผลการประเมินการเตรียมความพร้อมและการพัฒนาอย่างเข้ม ในแต่ละครั้งต่ำกว่าเกณฑ์ การประเมินผลการพัฒนา ที่ ก.ค.ศ. กำหนด หากผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 เห็นว่าควรทบทวนก็ให้คณะกรรมการพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่งและผลการประเมินยังต่ำกว่าเกณฑ์อีก ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 สั่งให้ครูผู้ช่วยผู้นั้นออกจากราชการต่อไป และแจ้งผลประเมินให้ผู้นั้นทราบ ให้โอกาสในการโต้แย้งแสดงพยานหลักฐาน ใน 5 วันทำการ นับตั้งแต่วันได้รับแจ้งผลการประเมิน และหากพิจารณาแล้วยังเห็นว่าไม่สมควรให้ผู้นั้นรับราชการต่อไปก็สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการและแจ้งคำสั่งให้ผู้นั้นทราบ
กรณีครูผู้ช่วยผู้ใดผ่านการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มครบ 2 ปี ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 เสนอ กศจ. พิจารณาอนุมัติและให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ออกคำสั่งแต่งตั้งครูผู้ช่วยให้ดํารงตําแหน่งครู ถัดจากวันครบกำหนดการเตรียมความพร้อมอย่างเข้มแล้วแจ้งให้คุณทราบ
การนับระยะเวลาการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม 2 ปี ให้นับวันเข้าปฏิบัติราชการวันแรกเป็นวันเริ่มต้นและนับระยะเวลาสิ้นสุดตามปีปฏิทิน เช่น บรรจุแต่งตั้งเป็นครูผู้ช่วยวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 การนับระยะเวลาการเตรียมความพร้อม และพัฒนาอย่างเข้มครบ 2 ปี จะครบในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ส่วนวันที่สั่งให้ครูผู้ช่วยดำรงตำแหน่งครู ต้องเป็นวันถัดจากวันที่ครบรอบ 2 ปีคือ แต่งตั้งเป็นตำแหน่งครู ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2563
ปฐมนิเทศครูผู้ช่วยภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันเข้าปฏิบัติราชการ สรุปผลการประเมินนับตั้งแต่ครบ 2 ปีภายใน 30 วัน
มาตรา 57 การเปลี่ยนตำแหน่ง การย้ายและการโอนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา 59 การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ใดไปดำรงตำแหน่งในหน่วยงานการศึกษาอื่นภายในส่วนราชการหรือภายในเขตพื้นที่การศึกษา หรือตามเขตพื้นที่การศึกษาต้องได้รับอนุมัติจาก กศจ.
หมวด 5 การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
มาตรา 72 ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ถ้าบุคคลนั้นมีผลงานเป็นที่ประจักษ์คือว่าผู้นั้นมีความชอบสมควรได้รับบำเหน็จความชอบ ซึ่งอาจเป็น บันทึกคำชมเชย รางวัล เครื่องชูเกียรติ หรือการเลื่อนเงินเดือน
มาตรา 77 การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้ยึดหลักคุณธรรม มีความเที่ยงธรรม เปิดเผย โปร่งใสและพิจารณาผลจากการปฏิบัติงานเป็นหลัก และความประพฤติในการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ผู้อำนวยการสถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการไม่น้อยกว่า 3 คนพิจารณาผลการปฏิบัติงาน ให้เลื่อนเงินเดือนปีละ 2 ครั้ง รอบครึ่งปีแรก 1 ตุลาคมถึง 31 มีนาคม ให้เลื่อนเงินเดือนวันที่ 1 เมษายนของปีที่จะเลื่อน รอบครึ่งปีหลัง 1 เมษายนถึง 30 กันยายน ให้เลื่อนเงินเดือนวันที่ 1 ตุลาคมของปีที่จะเลื่อน
การเลื่อนเงินเดือนให้พิจารณาผลการปฏิบัติงานที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนเป็นหลักตามแนวทางการจัดการศึกษาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาไม่สั่งเลื่อนเงินเดือน ให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้ ผู้บังคับบัญชาแจ้งให้ผู้ใดทราบพร้อมเหตุผลที่ไม่เลื่อนเงินเดือน การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เมื่อได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการแล้ว ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 เป็นผู้สั่งเลื่อนเงินเดือน
การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งกรรมการขึ้นมาพิจารณา ไม่น้อยกว่า 3 คน พิจารณา เสนอ กศจ. ให้ความเห็นชอบอนุมัติ
กฎ ก.ค.ศ. การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ. ศ. 2561
ปี หมายความว่า ปีงบประมาณ
ครึ่งปีแรก หมายความว่า ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึงวันที่ 31 มีนาคม
ครึ่งปีหลัง หมายความว่า ระยะเวลาตั้งแต่ 1 เมษายนถึงวันที่ 30 กันยายน
ครึ่งปีที่แล้วมา หมายความว่า ระยะเวลาครึ่งปีแรกหรือครึ่งปีหลัง ที่ผ่านมา แล้วแต่กรณี
หัวหน้าส่วนราชการ หมายความว่า ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการ อธิบดี หรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า
ผู้บังคับบัญชา หมายความว่า หัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารการศึกษา หรือผู้บริหารหน่วยงานการศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ ก.ค.ศ. กําหนด
ผู้ที่มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือน หมายความว่า ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53
คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการที่ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งขึ้นเพื่อพิจารณาผลการปฏิบัติงาน และความประพฤติในการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม แล้วจรรยาบรรณวิชาชีพ
การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เลื่อนปีละ 2 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ครึ่งปีแรกเลื่อนวันที่ 1 เมษายนของปีที่ได้เลื่อน
ครั้งที่ 2 ครึ่งปีหลัง ให้เลื่อนวันที่ 1 ตุลาคมของปีถัดไป
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนในแต่ละครั้งต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1 ในครึ่งปีที่แล้วมา มีผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติ ในการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาประเมินตามข้อ 3 แล้วเห็นว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สมควร จะได้เลื่อนเงินเดือน
2 ในครึ่งปีที่แล้วมา จนถึงวันออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือนต้องไม่ถูกสั่งลงโทษทางวินัยที่หนักกว่าโทษภาคทัณฑ์ หรือไม่ถูกศาลพิพากษาในคดีอาญาให้ลงโทษในความผิดที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือความผิดที่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ของตน ซึ่งมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษในกรณีที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ใดอยู่ในหลักเกณฑ์ที่สมควรได้รับเงินเดือน แต่ได้ถูกงดเลื่อนเงินเดือนเพราะถูกสั่งลงโทษทางวินัย หรือถูกศาลพิพากษาในคดีอาญา ให้ลงโทษในกรณีนั้นมาแล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาเลื่อนเงินเดือนประจำครึ่งปีต่อไปให้ผู้นั้นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนหรือวันที่ 1 ตุลาคมของครั้งที่จะได้เลื่อนเป็นต่อไป
3 ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ถูกสั่งพักราชการเกินกว่า 2 เดือน
4 ในครึ่งปีที่แล้ว มา ต้องไม่ขาดราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
5 ในครึ่งปีที่แล้วมาได้รับ การบรรจุเข้ารับราชการ แล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 4 เดือน
6 ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ลาหรือมาทำงานสายเกินจำนวนครั้งที่หัวหน้าส่วนราชการกำหนด
7 ในครึ่งปีที่แล้วมา ต้องมีเวลาปฏิบัติราชการ 6 เดือนโดยมีวันลาไม่เกิน 23 วันแต่ไม่รวมถึงวันลาดังต่อไปนี้
ก. ลาอุปสมบทหรือลาไปประกอบพิธีฮัจย์
ข. ลาคลอดบุตรไม่เกิน 90 วัน
ค. ลาป่วยซึ่งจำเป็นต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน รวมกันไม่เกิน 60 วันทำการ
ง. ลาป่วยเพราะประสบ อันตราย ในขณะปฏิบัติราชการ
จ. ลาพักผ่อน
ฉ. ราคาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล
ช. ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ
การนับจำนวนวันลาไม่เกิน 23 วันสำหรับวันลากิจส่วนตัวและวันลาป่วย ที่ไม่ใช่วันลาป่วย ตาม ข้อ 7 ง ให้นับเฉพาะวันทำการ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา