19 เม.ย. 2020 เวลา 18:16 • ประวัติศาสตร์
ลอเรนซ์ ออฟ อาราเบีย: ราชาแห่งทะเลทราย
ใครที่ได้ดูหนังเรื่องลอว์เรนซ์ ออฟ อาราเบีย ฉบับที่ปีเตอร์ โอทูลเล่นเป็นลอว์เรนซ์
จะได้เห็นว่าทะเลทรายนั้นงามนัก ทะเลทรายในเรื่องนั้นเหมือนมีชีวิตเหมือนมีมนต์ขลังเต็มไปด้วยปริศนา
และก็เหมือนชีวิตของลอว์เรนซ์
ที่เต็มไปด้วยสีสัน ความโลดโผน ความลุ่มลึกและปริศนาอันชวนขบคิด
เราไม่รู้จักลอว์เรนซ์อย่างจริงจังจนกระทั่งได้เจอหนังสือเล่มเล็ก ๆในงานหนังสือแห่งชาติที่เขียนประวัติของลอว์เรนซ์ไว้อย่างน่าอ่านก็เลยนำมาถ่ายทอดให้เพื่อน ๆในกระทู้ชาวเรือสหมิตรแห่งห้องสมุดพันทิพได้อ่านกันด้วย
และบัดนี้ลอว์เรนซ์ก็ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว
นักข่าวสงครามที่ได้เจอลอว์เรนซ์ในซาอุดิอาเรเบียบอกว่าเขาเป็นคนลึกลับ ซับซ้อนและเข้าใจยากมาก... สิ่งที่ลอเรนซ์เก็บเป็นความลับมากที่สุดก็คือชาติกำเนิดของเขาเอง เพราะว่ามันทำให้เขาอับอาย
Lawrence เป็นนามสกุลของมารดาของเขา ซึ่งยังไม่มีใครตอบได้แน่ว่าเธอชื่อจริงว่าอะไร ซาร่าห์ หรืออาจจะเป็น Junna พ่อของเขามียศขุนนางระดับสูง และร่ำรวยมาก ตกหลุมรักแม่ของเขา เมื่อเธอเป็นมาทำงานเป็นพี่เลี้ยงลูกให้เขา ทั้งสองคนหนีไปด้วยกัน ทิ้งภรรยาตามกฏหมายไว้กับสมบัติมหาศาล ปราสาทและที่ดิน...
ทั้งสองคนไม่สามารถแต่งงานกันได้ตามกฏหมาย เพราะว่าไม่ได้หย่ากับภรรยาเก่าเป็นทางการ ในยุคสมัยที่ศิลธรรมแบบวิคตอเรียนได้รับการเชิดชู ทำให้ทั้งสองไม่สามารถสู้หน้าคนอื่นได้อย่างเต็มที่ ครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อแม่และลูกชายทั้ง 5 คนนี้ได้ย้ายตามเมืองต่าง ๆบนเกาะอังกฤษบ่อยครั้ง เพื่อนของครอบครัวของมีอยู่ไม่กี่คน
แม่ของลอว์เรนซ์เพื่อชดเชยความผิดที่อยู่ในใจ เธอหันไปพึ่งพิงศาสนา กลายเป็นคนเคร่งศาสนา เธอหวังอย่างยิ่งให้ลูกชายศึกษาและใกล้ชิดกับศาสนา Thomas Edward ลูกชายคนที่สองนั้นฉายแววเป็นอัจฉริยะมาตั้งแต่วัยเยาว์ ในวัยรุ่นนั้นก็เป็นครูสอนศาสนาที่โรงเรียนวันเสาร์อาทิตย์แล้ว
แม่ของลอว์เรนซ์นั้นเป็นคนเลี้ยงดูแลลูกทุกคน เธอเป็นคนที่ซับซ้อนและผูกขาดความรักความสนใจจากคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง ลอว์เรนซ์เหมือนแม่มากทั้งรูปกายและหน้าตา เขารูปร่างเล็กสูงไม่ถึง 6 ฟุต นัยน์ตาคมราวกับมองทะลุถึงจิตใจคนซึ่งถอดเบบมารดามาอย่างไม่ผิดเพี้ยน เมื่อเติบโตขึ้นเขาเริ่มชิงชังมารดา แต่ว่าเมื่อยิ่งโตขึ้นและได้ไปผจญภัยในทะเลทราย เขาก็ยิ่งรู้สึกตัวว่าเขามิได้เหมือนมารดาเพียงแค่หน้าตาเท่านั้น หากหมายรวมถึงจิตใจด้วย
ยิ่งโต ลอเรนซ์ก็ยิ่งแสดงนิสัยรักการผจญภัยและความระห่ำออกมามากขึ้นเรื่อย พร้อมกับนิสัยแปลก ๆ ตอนเป็นวัยรุ่น เขาเริ่มที่จะฝึกควบคุมจำนวนอาหารที่ร่างกายรับเข้าไป ออกกำลังกาย ไม่กินเหล้าและสูบบุหรี่ พร้อมกับฝึกร่างกายให้ทนต่อความไม่สุขสบายทั้งหลาย อย่างเช่น อยู่ว่าง ๆก็ลงไปนอนในหีบไม้เผื่อฝึกให้ตนเองทนต่อที่แคบ
ลอว์เรนซ์เป็นคนร่างเล็ก สูงเพียง 5 ฟุต 6 นิ้วแต่แข็งแกร่งมาก อย่างที่เขาเรียกตัวเองว่า เฮอร์คิวลิสฉบับกระเป๋า
บ๊อบ น้องชายของเขาบอกว่า เน็ด ชื่อเรียกย่อๆจากชื่อกลาง เอ๊ดเวิร์ด สามารถอ่านหนังสือพิมพ์ที่วางกลับหัวได้รู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่อายุ 5 ขวบเท่านั้นเอง
เมื่อตอนที่เขาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ในสาขาประวัติศาสตร์ในช่วงปี 1907 แม้ว่าตามกฏของมหาวิทยาลัยเขาจะต้องย้ายไปอยู่หอ แต่ที่จริงแล้วยังอาศัยอยู่ที่บ้านบนถนนโพลสตีด พ่อแม่ของเขาได้สร้างกระท่อมเล็กให้เขาบนที่ดินหลังบ้าน
ลอว์เรนซ์ไม่สนใจใช้ชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเลยแม้แต่น้อย เขาจะปรากฏตัวให้ใคร ๆเห็นแต่เฉพาะยามกลางคืน แล้วก็ไม่ค่อยจะทำงานที่ได้รับมอบหมาย วันๆเอาแต่อ่านโคลงและเรื่องราวในยุคกลางของยุโรป ซึ่งความประทับใจต่อความกล้าหาญของอัศวิน การผจญภัยของผู้กล้า ได้ส่งผลต่อจินตนาการและพฤติกรรมของเขาอย่างลึกซึ้ง
ด้วยความไม่ค่อยสนใจในการเรียนของเขา ทำให้อาจารย์บอกให้ลอว์เรนซ์ทำวิทยานิพนธ์ส่งเพื่อจะได้เรียนจบปริญญาตรี ซึ่งเขาก็เลือกทำในหัวข้อที่เกี่ยวกับยุคกลาง "The influence of the Crusades on the medieval military architecture of Europe" (อิทธิพลของสงครามครูเสดที่มีต่อสถาปัตยกรรมทางการทหารของยุโรป) และก็ได้ขออนุญาตอาจารย์ไปซีเรียเพื่อหาข้อมูลมาเขียนรายงาน
ปี 1909 ลอเรนซ์ใช้เวลา 2 เดือนกว่าเดินทางโดยการเดินหลายพันไมล์เยี่ยมชมปราสาท 6 แห่งในซีเรีย และเมื่อเขากลับบ้านก็แทบไม่มีใครจำได้ ลอว์เรนซ์ป่วยเพราะเป็นมาเลเรียและขาดอาหาร วิทยานิพนธ์เล่มนี้ทำให้เรียนจบและได้ First Class Honours Degree (น่าจะเทียบได้กับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง)
ประสบการณ์ในซีเรียทำให้เขาฝังใจกับทะเลทราย ความยิ่งใหญ่และความเงียบสงัด และยิ่งทำให้เขาเก็บตัวจาก"ความเจริญ" ในเมืองอ๊อกซฟอร์ดมากขึ้น ลอว์เรนซ์เอาพรมหนามากรุผนังทุกด้าน เพื่อกันมิให้เสียงของเมืองเล็ดรอดเข้ามาในกระท่อมหลังน้อยที่เขาอยู่ได้
ด้วยอิทธิพลของนายกสภามหาวิทยาลัย (เดาเอาเขาเรียกว่า Chancellor )ของอ๊อกซฟอร์ดน่ะ ลอว์เรนซ์ได้รับทุนให้เรียนต่อปริญญาโทที่วิทยาลัยแมกดาเลน นอกจากนี้ก็ยังได้รับจ้างให้ไปทำงานขุดค้นแหล่งโบราณคดี ที่เชื่อว่าเป็นเมืองของพวกฮิทไทท์บนแม่น้ำยูเฟรตีสในซีเรียอีกด้วย
เดือนมีนาคม ปี 1911 ลอว์เรนซ์เดินทางไปถึงแหล่งโบราณคดีและอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามปี หน้าที่คือคอยบันทึกภาพสิ่งที่ขุดค้นได้ ทั้งถ่ายรูปและเขียนบันทึก ลอว์เรนซ์เริ่มหัดเรียนภาษาอารบิคจนพูดได้คล่องและแต่งตัวแบบอาหรับ
ลอว์เรนซ์เริ่มสนิทสนมกับคนงานชาวอาหรับ โดยเฉพาะชีค อามุดดีหัวหน้าคนงาน และเด็กชายวัย 15 ปีชื่อ ดาอูม ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเดียวกับลอว์เรนซ์
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับดาอูมทำให้คนทั้งหลายเดาเอาว่าเขาเป็นเกย์ แต่J Anderson Black ผู้เขียนหนังสือเรื่องThe life & times of Lawrence of Arabia บอกว่าเขาเป็น asexual ต่างหาก เขาไม่มีความกระตือรือล้นในเพศสัมพันธ์เลยแม้แต่น้อย
1
ลอเรนซ์หลงใหลทะเลทรายอย่างจริงจัง เขาเขียนจดหมายไปบอกที่บ้านว่า Here one learns the economy of beauty, England is fat-obese. ที่นี่ เราได้เรียนรู้ถึงสมถะของความงาม(แห่งชีวิต), อังกฤษนั้นเทอะทะและฟุ้งเฟ้อ….
ยังมีต่อ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา