20 เม.ย. 2020 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์
“วาติกัน (Vatican)” ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นครรัฐที่เล็กที่สุดในโลก ตอนที่ 1
1
เรื่องของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ทุกคนอาจจะรู้จัก “วาติกัน (Vatican)” ในฐานะของนครรัฐหรือประเทศที่เล็กที่สุดในโลก
แต่ประเทศนี้กลายเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลกได้อย่างไร?
คำตอบของเรื่องนี้ ต้องย้อนไปศึกษาเรื่องของศาสนาคริสต์ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อนเมื่อ “พระเยซู (Jesus)” ยังดำรงพระชนม์ชีพ
พระเยซู (Jesus)
ชาวคริสต์เชื่อในคำสอนของพระเยซูรวมทั้งเรื่องราวของพระองค์
ชาวคริสต์เชื่อว่าพระเยซูเป็นบุตรแห่งพระเจ้า และพระองค์ก็ถูกปลงพระชนม์โดยพวกโรมัน เนื่องจากคำสอนของพระองค์
พระองค์ถูกตรึงกับไม้กางเขนจนสิ้นพระชนม์ และชาวคริสต์ก็เชื่อว่าหลังจากพระเยซูสิ้นพระชนม์ได้สามวัน พระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์และเสด็จสู่สวรรค์
หลังจากเหตุการณ์นี้ต่อมาอีกเป็นเวลานาน การเป็นชาวคริสต์ยังคงเป็นเรื่องอันตราย โดยเฉพาะหากชาวคริสต์ผู้นั้นอาศัยอยู่ในกรุงโรม
กรุงโรมเป็นศูนย์กลางอำนาจของอาณาจักรโรมันโบราณ และหนึ่งในผู้ปกครองอาณาจักรคือ “จักรพรรดิเนโร (Nero)” ไม่ทรงต้องการให้ศาสนาใหม่เข้ามาสั่นคลอนอาณาจักรของพระองค์
1
พระองค์มีพระราชประสงค์ให้ทุกคนเชื่อฟังพระองค์และสวดมนต์ต่อพระเจ้าของโรมันดังเช่นเดิม
จักรพรรดิเนโร (Nero)
ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้สังหารชาวคริสต์เป็นจำนวนมาก
ชาวคริสต์ที่ถูกสังหาร
หนึ่งในผู้ติดตามพระเยซูคือ “ปีเตอร์ (Peter)”
ปีเตอร์ไม่ยอมเลิกเผยแพร่ศาสนาใหม่นี้ เขาจึงถูกตรึงกางเขน และตามความเชื่อ ร่างของเขาก็ถูกฝังในจุดที่เขาตายในกรุงโรม
ชาวคริสต์รักและเทินทูนปีเตอร์ เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีศรัทธาและกล้าหาญ และในเวลาต่อมา ปีเตอร์ก็เป็นที่รู้จักในชื่อของ “เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter)” บิชอปคนแรกแห่งโรม ซึ่งบิชอปนี้คือบุคคลที่ถูกเลือกให้มาเป็นผู้นำคริสตจักร
เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter)
อีกกว่า 300 ปีต่อมา ชาวคริสต์หลายคนถูกข่มขู่ ทรมาน ทำร้ายร่างกาย
แต่ต่อมา เมื่อ “จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (Constantine the Great)” ขึ้นปกครองอาณาจักรโรมันในสมัยศตวรรษที่สี่ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชทรงเชื่อในศาสนาคริสต์ และพระองค์ก็ทรงมีรับสั่งอนุญาตให้ประชาชนนับถือศาสนาและบูชาพระเจ้าได้อย่างเสรี ตามความศรัทธาของแต่ละคน
จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (Constantine the Great)
พระองค์ทรงบริจาคที่ดินและโบสถ์จำนวนมากให้ชาวคริสต์ รวมถึงยังพระราชทานวังให้บิชอปแห่งโรมพักอาศัย นั่นคือ “พระราชวังแลเทอรัน (Lateran Palace)”
1
พระราชวังแลเทอรัน (Lateran Palace)
หนึ่งในโบสถ์ของชาวคริสต์แห่งแรกๆ นั่นคือ “อัครมหาวิหารนักบุญจอห์น แลเทอรัน (St. John Lateran)” ได้ถูกสร้างขึ้นข้างๆ พระราชวัง
ตั้งแต่นั้นมา บิชอปแห่งโรมก็ถูกเรียกว่า “โป๊ป (Pope)” หรือ “พระสันตะปาปา” ซึ่งคำว่าโป๊ป มาจากคำว่า “Papa” ที่แปลว่า “พ่อ”
และอีกกว่า 1,000 ปีต่อมา พระสันตะปาปาทั้งหมดก็ได้พักอาศัยอยู่ในพระราชวังแลเทอรัน
อัครมหาวิหารนักบุญจอห์น แลเทอรัน (St. John Lateran)
ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชก็ได้เริ่มทรงสร้างโบสถ์แห่งใหม่
2
การก่อสร้างใช้เวลาตั้งแต่ค.ศ.360-380 (พ.ศ.903-923) โดยโบสถ์แห่งใหม่นี้คือ “มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ (St. Peter's Basilica)”
1
มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ (St. Peter's Basilica)
มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ได้ถูกสร้างขึ้นใกล้กับบริเวณที่ร่างของเซนต์ปีเตอร์ถูกฝัง โดยบริเวณนี้อยู่บนเขาใกล้กับแม่น้ำไทเบอร์ ในจุดที่เรียกว่าวาติกันฮิลล์
1
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ พระสันตะปาปาก็ยิ่งมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ
จักรพรรดิหลายพระองค์มักจะพระราชทานสิ่งต่างๆ ให้แก่คริสตจักร และพระสันตะปาปาก็มักจะทำหน้าที่เป็นผู้รักษาสันติภาพ คอยไกล่เกลี่ยเมื่อยามที่เผ่าอื่นๆ โจมตีกรุงโรม
2
พระสันตะปาปานั้นมีอำนาจมาก อาจจะมีอำนาจแทบไม่ต่างจากจักรพรรดิหรือกษัตริย์เลยด้วยซ้ำ โดยพระสันตะปาปามีอำนาจปกครองดินแดนขนาดใหญ่ เรียกว่า “รัฐสันตะปาปา (Papal States)” ซึ่งรัฐสันตะปาปานั้น ปัจจุบันก็คือประเทศอิตาลี
2
พระสันตะปาปาที่ทรงอำนาจ
แต่ถึงจะทรงอำนาจ แต่วาติกันก็มักถูกโจมตีจากเผ่าต่างๆ ที่ต้องการจะขโมยสมบัติ
1
ในศตวรรษที่ 9 “สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 4 (Pope Leo IV)” ทรงมีรับสั่งให้สร้างกำแพงใหญ่รอบๆ ตึกที่ปัจจุบันคือวาติกันเพื่อปกป้องเมือง
4
กำแพงนั้นมีความหนาถึง 12 ฟุต สูง 40 ฟุต และมีหอคอยและหน้าต่างเล็กๆ เพื่อให้ทหารสามารถยิงธนูใส่ผู้รุกราน
สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 4 (Pope Leo IV)
กำแพงใหญ่นี้เป็นก้าวแรกในการสร้างเมืองของคริสตจักร ที่ๆ พระสันตะปาปาจะปลอดภัย
กำแพงวาติกัน
แต่กำแพงนี้ไม่สามารถหยุดผู้รุกรานได้ ก่อนที่ผู้นำคริสตจักรจะปลอดภัยอย่างแท้จริง ก็จำเป็นต้องมีกำแพงที่ใหญ่กว่านี้
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
โฆษณา