21 เม.ย. 2020 เวลา 01:39 • ความคิดเห็น
คำตอบของเสียงกระซิบ "คนจีนเห็นแก่ตัวจริงหรือ?" และเรื่องราวการเรียกร้อง "กฎหมายคุ้มครองคนทำดี-พลเมืองดีในจีน"
จากการที่อ้ายจงนำเสนอเรื่องราวในจีนมาโดยตลอด มีให้เห็นทุกแง่มุมจากจีน และแน่นอนว่ามีหลายเรื่องที่เป็นมุมแง่ดีของจีน จึงอาจขัดต่อมุมมอง เรื่องราวที่เราเคยรับรู้เกี่ยวกับจีนมานาน โดยเฉพาะเรื่องราวFeel good การช่วยเหลือกันของคนจีน มักมีเสียงกระซิบถามผมเสมอว่า
“จีนเป็นแบบนี้จริงหรือ? แค่ส่วนน้อยหรือเปล่า? ปกติที่ได้ยินมาคือ คนจีนเห็นแก่ตัวนะ"
คนไทยจำนวนไม่น้อย ต่างเคยรับรู้และรู้สึกว่า "คนจีนไม่ค่อยช่วยเหลือกัน ขนาดเด็กโดนรถชนต่อหน้า ยังไม่ช่วยเหลือเลย”
วันนี้ผมขอนำเสียงกระซิบ มาทำให้กระจ่างว่า เพราะเหตุใด คนจีนถึงถูกมอง "เห็นแก่ตัว ไม่ช่วยเหลือกัน" ความจริงแล้ว พวกเขาเป็นแบบนั้นจริงหรือ? และตอนนี้สังคมจีนเป็นเช่นไร?ต่างคนต่างอยู่? ตัวใครตัวมัน? หรือพวกเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
ย้อนไปเมื่อประมาณตุลาคม 2554 หรือเมื่อ 9ปีที่แล้ว มีข่าวฮือฮาอย่างมาก ที่ได้รับการกล่าวถึงในวงกว้างทั้งในประเทศจีนและทั่วโลก รวมถึงเมืองไทยด้วย
ข่าวนั้นเป็นข่าวที่ เด็กหญิงวัย2ขวบที่เมืองฝอซาน มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ถูกรถตู้ชนแล้วเหยียบซ้ำ แม้จะมีผู้เดินผ่านไปผ่านมาเห็นเหตุการณ์ แต่ไม่มีใครเข้าช่วยเหลือ ภายหลังมีการเปิดตัวเลขออกมาว่า จำนวนผู้คนที่เดินผ่านและเห็นเหตุการณ์ มีจำนวนถึง 18คน จนกระทั่ง คุณป้าเก็บขยะ มาเห็นเข้าจึงช่วยเหลือ
เหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก คลิปเหตุการณ์นั้นถูกโพสต์ลง Youku เว็บไซต์videoชื่อดังของจีน มีจำนวนคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลายหมื่นความคิดเห็น
โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่เป็นในทำนองที่ว่ารถตู้ที่เหยียบซ้ำโดยไม่เหลียวแล และคนที่ผ่านมาเห็นแต่ไม่ยอมช่วยเหลือ รวมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมพ่อแม่ของเด็กถึงไม่ได้ยินเสียงร้องของลูก ทำไมถึงปล่อยให้ลูกอายุเพียง 2ขวบ อยู่ตามลำพัง เรียกได้ว่าความคิดเห็นส่วนใหญ่ล้วนสงสารเด็ก ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
แต่ในเหตุการณ์จริง ทำไมกลับตรงกันข้าม? ทำไมถึงไม่มีใครช่วยเหลือเด็กเลย? แม้โทรเรียกรถพยาบาลก็ไม่มี
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นทำนองนี้ ต้องบอกว่ามีหลายเหตุการณ์มากๆที่เกิดในจีน และไม่มีใครสนใจให้ความช่วยเหลือ จนทำให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวไทย มองว่า คนจีนนั้นเห็นแก่ตัว ไร้คุณธรรม
จากการศึกษาข้อมูลของอ้ายจง พบว่า สาเหตุคือ เคยมีหลายเหตุการณ์ในจีน ที่ "พลเมืองดีตกเป็นจำเลย"
หลายครั้งมากๆ ที่กฏหมายจีนเอาผิดกับคนที่ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ อย่างเช่น
คดีดังในประวัติศาสตร์จีนคดีหนึ่ง เป็นคดีของชายหนุ่มนามว่า “เผิงยวี่” ถูกศาลเมืองหนานจิงตัดสินว่าเขาคือคนร้าย หลังจากที่เขาช่วยเหลือคุณยาย “สวีโซ่วหลาน" วัย 65ปี ที่พลัดตกลงมาจากรถประจำทาง พาไปส่งโรงพยาบาล และศาลได้ตัดสินว่าเขาผิด โดยให้เหตุผลว่า คนที่ทำผิดย่อมร้อนรนที่จะพาคนเจ็บที่เขาทำร้ายไปยังโรงพยาบาล..
ตั้งแต่นั้นมาจึงแทบไม่มีคนจีนคนไหนเลยที่กล้าช่วยเหลือผู้อื่นในเหตุการณ์ทำนองนี้ แม้จะเห็นว่าประสบเหตุอยู่ตรงหน้าก็ตาม
นอกจากนี้ ในจีนมักมีคนที่แกล้งหลอกแกล้งเจ็บ เพื่อเรียกค่าเสียหาย จะว่าไปในไทยก็มี อย่างเช่น แกล้งเดินชน ทำไอโฟนตก ซึ่งจริงๆพังอยู่แล้ว แต่หลอกเราว่า เราเป็นต้นเหตุทำให้พัง และพยายามโวยวาย เพื่อให้เรายอมเสียค่าเสียหาย
เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้บ่อยๆ ตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ ใครจะกล้าช่วยเหลือ? ถ้าหากช่วยแล้ว ต้องตกเป็นจำเลย โดยเฉพาะในเมืองจีน เป็นสังคมที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันกันอยู่แล้ว อันเนื่องมาจากความแตกต่างของชนชั้น และจำนวนประชากรที่สูงมาก "รู้จักเอาตัวรอด เป็นยอดดี" จึงอยู่ในทุกอณูความคิดของคนจีน จึงเป็นคำตอบได้อย่างดี ต่อคำถามนี้
เมื่อคนจีนออกมาเรียกร้อง จนเกิด "กฎหมายคุ้มครองคนทำดี"
จากหลายเหตุการณ์ที่มักจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับผู้ช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ ภายในช่วง5ปีมานี้ ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องปฏิรูปกฏหมายเกี่ยวกับกรณีคนช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในประเทศจีน
เมืองเซินเจิ้น ในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) เป็นเมืองแรกในจีนที่มีการออกกฏหมายพลเมืองดี เพื่อคุ้มครองพลเมืองดีผู้ที่ช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แพะรับบาปเกิดขึ้นอีก ซึ่งการออกกฏหมายพลเมืองดีของเซินเจิ้นในครั้งนี้ ถือเป็นต้นแบบเพื่อใช้คุ้มครองพลเมืองดีทั่วประเทศในอนาคต
นอกเหนือจากกฏหมายที่ทางจีนเริ่มออกกฏหมายมาคุ้มครองพลเมืองดี เพื่อทำให้คนจีนกล้าช่วยเหลือผู้อื่นมากยิ่งขึ้น สื่อในจีน ยังมีส่วนช่วยอย่างมาก ในการนำเสนอเรื่องราวคนจีนและสังคมจีน ที่เริ่มมีการช่วยเหลือกันมากขึ้น ยกย่องคนทำดี และประณามคนทำชั่ว ทำให้คนจีนเริ่มซึมซับว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ เป็นการขัดเกลาทางสังคมโดยสื่อ ที่มีพลังอย่างมาก
เมื่อหลายปีก่อน ข่าวนายจ้างชาวจีน กระโดดเข้ากองไฟเพื่อช่วยเหลือลูกน้องที่ติดอยู่ในโรงงานที่ถูกไฟไหม้ แม้สุดท้ายจะต้องสิ้นชีพในกองเพลิง แต่การเสียชีวิตของเขา ไม่สูญเปล่า ข่าวนั้นก่อให้เกิดกระแสในโลกออนไลน์ของจีนเป็นอย่างมาก ทำให้ตระหนักถึงการทำความดี
 
อ้ายจงเชื้อว่า คนจีนโดยพื้นฐานจิตใจ ไม่ได้เป็นคนที่เห็นแก่ตัว ไร้คุณธรรม แต่ "สิ่งแวดล้อม การแข่งขันกันสูง และปัจจัยอื่นๆ" ทำให้พวกเขามักถูกมองว่าเป็นเช่นนั้น ดังจะเห็นได้จากการที่พวกเขาออกมาเรียกร้องให้มีกฏหมายคุ้มครองพลเมืองดี เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุได้อย่างสบายใจ ก็พอจะบ่งบอกได้ว่า ภายในจิตใจที่แท้จริงของคนจีน เป็นเช่นใด
ดังนั้น อยากจะให้ลองเปิดใจ ลองสัมผัสดินแดนมังกรในมุมที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะทุกสิ่งล้วนมีสองด้าน มีดีไม่ดีปะปนกันไป ทุกสังคม ไม่เฉพาะสังคมจีน
และท้ายที่สุดเราจะให้คำตอบของคำถามนี้อย่างไร ก็สุดแท้แต่ประสบการณ์ และการพิจารณาของแต่ละคน แต่ผมขอให้สัญญาใจ จะเป็นสื่อกลางนำเสนอทุกมุมในสังคมจีน ให้ทุกคนได้รับรู้ พิจารณา เพื่อเข้าใจเรื่องราวในดินแดนแห่งนี้ ไม่แน่นะ ทุกคนอาจจะหลงรัก “มังกรตะวันออก” โดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
โฆษณา