21 เม.ย. 2020 เวลา 09:02 • สุขภาพ
ยุทธศาสตร์ของจีนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากพิษโควิด
ตอนที่1 : คุมการระบาดให้อยู่และคลายการ lockdown โดยเร็วที่สุด
จีนเป็นจุดเริ่มต้นการระบาดของไวรัสโควิด และในช่วง 1-2 เดือนแรก ผล กระทบแรงมากถึงขนาดต้องปิดเมือง ปิดประเทศ ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั่ว โลก เหมือนคนนั่งดูปัญหาของจีน
ผ่านมา 2 เดือน จีนคุมไวรัสอยู่ ผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศในแต่ละวันเหลือแค่หลักหน่วย บางช่วงก็เหลือศูนย์ติดต่อกันหลายวัน ขณะที่สถานการณ์โลกสาหัสสากรรจ์ ติดเชื้อกันกว่า 2.5 ล้านคน ตายไปกว่า 1.7 แสนคน ประเทศต่างๆ ต้องประกาศแผนเยียวยาเศรษฐกิจ อัดฉีดเงินช่วยเหลือธุรกิจและประชาชนกันขนานใหญ่ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึง 10-20% ของGDP แต่จีนยังนิ่งสงบ ยังไม่มีการประกาศแผนเยียวยาชุดใหญ่ใดๆ
จีนคิดอะไรอยู่ ยุทธศาสตร์ของจีนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากพิษโควิดเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่น่ารู้และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมทั้งหมด
ยุทธศาสตร์ของจีนในเรื่องนี้ สรุปได้ 3 อย่าง คือ
1. ใช้มาตรการเด็ดขาดคุมเชื้อให้อยู่ และให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดำเนินได้ใหม่โดยเร็วที่สุด
2. ใช้มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่าที่จำเป็น
3.ทุ่มเทพลังเตรียมพร้อมสำหรับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว
โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ใช้มาตรการเด็ดขาดคุมเชื้อให้อยู่ และให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดำเนินการได้ใหม่โดยเร็วที่สุด
จีนถูกตำหนิมากว่าปกปิดข้อมูลการระบาดในช่วงแรก และรับมือไวรัสช้าไปทำให้เชื้อระบาดไปทั่วโลก
เมืองอู่ฮั่น
เรามาดูการรับมือไวรัสของจีน
23 มกราคม ในขณะที่เพิ่งพบผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพียง 845 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองอู่ฮั่น รัฐบาลกลางของจีนตื่นตัวประกาศมาตรการขั้นเด็ดขาดปิดตายเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีประชากรถึง 11 ล้านคน ห้ามรถไฟ เครื่องบิน รถบัส แม้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางเข้าออกจากเมือง และเนื่องจากวันตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันที่ 25 มกราคม ซึ่งช่วงตรุษจีนของทุกปี บริษัท ห้างร้าน โรงงานในจีนจะปิดทำการหมดราว 2 สัปดาห์ แรงงานจากชนบทที่มาทำงานในเมืองใหญ่รวมราว 300 ล้านคน จะเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด
ก่อนปิดเมืองอู่ฮั่น คนราว 5 ล้านคน ก็ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว และนำเชื้อไปแพร่ทั่วประเทศด้วย รัฐบาลจีนจึงขยายมาตรการ lockdown ไปทั่วประเทศ และสั่งให้บริษัทห้างร้าน โรงงานต่างๆ ซึ่งมีกำหนดการเปิดดำเนินการในปลายเดือนมกราคม ขยายระยะปิดทำการไปจนถึง 10 กุมภาพันธ์
จีนอาศัยเวลาที่ได้จากการ lockdown ประเทศนี้ เร่งทำความเข้าใจไวรัสโควิด ผลิตวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั้งหน้ากากอนามัย ชุดตรวจหาผู้ติดเชื้อ ชุดป้องกันของแพทย์ เครื่องช่วยหายใจ สร้างโรงพยาบาลสนาม ฯลฯ จัดระบบการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ สร้างระบบการควบคุมการระบาด โดย วางระเบียบ กฎเกณฑ์โรงงาน ธุรกิจ ร้านค้าที่จะเปิดดำเนินการใหม่ สร้าง app บนมือถือให้ประชาชนทุกคน มี QR code ที่บอกความเสี่ยงของแต่ละคน สีเขียว คนที่ไม่มีเชื้อ ไม่มีความเสี่ยง สีเหลือง มีความเสี่ยงบ้างเล็กน้อย สีแดงคือคนที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ ต้องกักตัวเอง ห้ามเดินทางไปไหน
ตั้งแต่ 23 มกราคม จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันทวีจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว จากวันละหลักร้อยกลายเป็นหลักพัน และถึงจุดพีคสูงสุดในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่มีผู้ติดเชื้อใหม่ 3,900 คน หลังจากปิดเมืองอู่ฮั่นและ lockdown ประเทศอย่างเข้มข้นได้ 12 วัน จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันก็เริ่มลดลง จนเหลือราว 2,000 คน ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ และจีนตั้งหลักได้แล้ว ระบบต่างๆ พร้อม รัฐบาลจีนจึงยอมผ่อนคลายการควบคุมให้ธุรกิจเริ่มดำเนินการใหม่ได้
การที่จะเข้าใจสถานการณ์ในจีนได้ถูกต้อง เราต้องแยกสถานการณ์ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งมีอู่ฮั่นเป็นเมืองเอก ออกจากพื้นที่ส่วนอื่นๆ
ในวันนี้ (21 เมษายน 2563) ผู้ติดเชื้อรวมในจีนเท่ากับ 82,758 คน โดยอยู่ในมณฑลหูเป่ยถึง 68,128 คน อยู่ในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศจีนอีกรวมเท่ากับ 14,630 คน
หักมณฑลหูเป่ยแล้ว ประชากรจีนในพื้นที่อื่นๆ มีมากกว่าประเทศไทยราว 20 เท่า ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบแล้ว ก็เหมือนกับว่าในพื้นที่เหล่านั้นที่มีประชากรพอๆกับประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยราว 700 คนเท่านั้น ขณะที่จีนเริ่มคลายการ lockdown จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันจำนวนราว 2,000 คนนั้นกว่า 80% อยู่ในมณฑลหูเป่ย พื้นที่อื่นๆ ที่มีประชากรพอๆ กับประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ไม่ถึง 20 คน
ทางการจีนเริ่มคลายการ lockdown ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด โรงงานแต่ละแห่งจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ ต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อครบถ้วน และผ่านการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่แล้วเท่านั้น ทั้งการวัดอุณหภูมิพนักงานก่อนเข้าโรงงาน การมีหน้ากากอนามัยเพียงพอแจกให้พนักงานทุกคนทุกวัน ความสะอาด ระบบระบายอากาศของโรงงาน ระบบการแจกและการทานอาหาร หอพักพนักงาน ห้องน้ำ ลิฟต์ต้องมีการควบคุมจำนวนคนเข้า ตีเส้นที่พื้นที่ให้ยืนตามช่อง มีกล่องกระดาษทิชชู่ติดที่ผนังลิฟต์ให้ดึงมาใช้ก่อนกดปุ่มลิฟต์ ใช้เสร็จมีถังขยะให้ทิ้ง สรุปคือ ตรวจทุกจุดที่มีโอกาสจะทำให้เกิดการระบาดของเชื้อได้ใหม่
แม้บริษัทใหญ่อย่าง Foxconn ผู้รับจ้างผลิตไอโฟนและอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก มีคนงานในจีนถึงกว่าล้านคน เมื่อยื่นขออนุมัติเปิดทำการครั้งแรก ยังไม่ผ่าน ต้องไปปรับปรุงให้ได้มาตรฐานก่อนจึงเปิดได้
หากหักช่วงปิดตรุษจีนออกไปซึ่งปิดเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว ธุรกิจต่างๆในจีนต้องหยุดดำเนินการเพิ่มขึ้นจริงๆ แค่ 10 วันเท่านั้น คือ 1-10 กุมภาพันธ์ แต่ว่าหลังเปิดดำเนินการก็ไม่ใช่ทุกอย่างจะปกติหมดทันที เพราะค่อยๆ เปิดอย่างสุขุมรอบคอบ ระมัดระวัง โรงภาพยนตร์ บาร์ ผับ ยังคงปิดจนถึงปัจจุบัน
หลังคลาย lockdown ได้ราว 2 สัปดาห์ เมื่อโรงงานส่วนใหญ่เปิดทำการแล้ว การติดเชื้ออยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ ผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวัน นอกจากไม่เพิ่มขึ้นแล้วยังลดลงกว่าก่อนคลาย lockdown ราวครึ่งหนึ่ง ทางการจีนก็เริ่มดำเนินการ step ต่อไป คือ อำนวยความสะดวก สนับสนุนการดำเนินการของโรงงานต่างๆ ให้กลับสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุด โรงงานบางแห่งคนงานไม่พอ เพราะพนักงานที่กลับเยี่ยมบ้านยังกลัวอยู่ ไม่กลับมาทำงาน ทางการถึงขนาดให้ นักศึกษาปวช.,ปวส. ไปทำงานแทน
มณฑลหูเป่ย ซึ่งการระบาดหนักสุด เริ่มอนุญาตให้เปิดการดำเนินการเมื่อ 11 มีนาคม ส่วนเมืองอู่ฮั่นซึ่งผู้ติดเชื้อมากที่สุด เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อ 25 มีนาคม และเปิดให้เดินทางเข้าออกจากเมืองได้อีกครั้งเมื่อ 8 เมษายนที่ผ่านมา
โรงงานต่างๆ ที่เปิดดำเนินการแล้ว โดยเฉลี่ยใช้เวลาราว 1 เดือน กว่าที่จะดำเนินการผลิตได้ในระดับปกติ ทั้งการตามพนักงานเก่ากลับมาทำงาน การรอให้ชิ้นส่วนวัสดุต่างๆ จากซัพพลายเออร์พร้อม
“โดยสรุป จีนใช้เวลาราว 1 เดือนครึ่งในการควบคุมการระบาดและฟื้นฟูการผลิตให้กลับสู่สภาพใกล้เคียงเดิม”
ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองรักษาประเทศไทยและชาวโลกทั้งปวง
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา