24 เม.ย. 2020 เวลา 11:00 • ไลฟ์สไตล์
ข้าวแลกปลา : ทางรอดในวิกฤติ 'โควิด-19' ของกลุ่มชาติพันธุ์
ชาวปกาเกอะญอและชาวเลต่างก็หันมาพึ่งพาตนเองให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติ "โควิด-19" ไปด้วยกัน ด้วยการนำทรัพยากรที่มีอยู่เยอะในท้องถิ่นอย่าง ข้าว และ ปลา นำมาแลกเปลี่ยนกันโดยไม่ต้องใช้เงิน
บทความโดย ทีมข่าวกรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ข้าวแลกปลา : ทางรอดในวิกฤติ I กราฟิกโดย วิชัย นาคสุวรรณ
การประกาศใช้มาตรการปิดจังหวัดและห้ามเดินทางเข้าออกพื้นที่ เป็นผลกระทบจากวิกฤติ "COVID 19" ที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันที่พึ่งพารายได้หลักจากการท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โรงแรมหลายแห่งต้องปิดตัวลง รวมถึงตลาด ร้านค้าต่างๆ ก็ปิดตัวในช่วงนี้เช่นกัน ทำให้ประชาชนรายได้ลดลง คนหาเช้ากินค่ำตกงานและแทบไม่มีเงินซื้อข้าวกิน
ไม่ต่างจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องใช้มาตรการปิดจังหวัดเพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดของ "COVID 19" เช่นเดียวกัน ซ้ำร้ายยังมีปัญหาหมอกควันและไฟป่าที่มีความน่ากังวลไม่แพ้กัน ทำเอาประชาชนทำมาหากินไม่ได้ รายได้หดหายจนไม่รู้จะต้องหาเงินที่ไหนมาซื้ออาหารประทังชีวิต
แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ เมื่อคนไทยกลุ่มชาติพันธุ์อย่าง ชาวราไวย์ในจังหวัดภูเก็ต และ ชาวปกาเกอะญอในจังหวัดเชียงใหม่ ไม่รอให้ปัญหาบานปลายไปมากกว่านี้ พวกเขาลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหาปากท้องท่ามกลางวิกฤติ "โควิด-19" บนพื้นฐานด้านภูมิปัญญาและวัฒนธรรมด้วยการนำปลาจากท้องทะเลไปแลกกับข้าวสารจากดอยสูง เป็นการแลกเปลี่ยนอาหารซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องใช้เงินซื้อ!
ปลาของชาวราไวย์
กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลที่เคยมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นพนักงานโรงแรม ลูกจ้าง และแรงงานรับจ้างทั่วไป ต่างไม่มีงานทำ และแม้ชาวเลจะยังคงออกเรือหาปลาได้แต่ก็ขายไม่ได้ ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลขาดรายได้ที่จะใช้จ่ายในยามวิกฤติ
'สนิท แซ่ชั่ว' ชาวเลในชุมชนราไวย์ จ.ภูเก็ต หนึ่งในผู้ร่วมเสวนาออนไลน์เรื่อง “ชุมชนเกื้อกูล ข้าวแลกปลา ปกาเกอะญอและชาวเล” ที่จัดโดยสำนักข่าวชายขอบร่วมกับเพจ The Reporters อธิบายถึงการแลกเปลี่ยนอาหารครั้งนี้ว่า
“ชาวเลมีปลาแต่ขายไม่ได้เพราะถูกปิดทั้งสะพานสารสินและตำบลราไวย์ เราได้ปลามาทุกวัน จึงเป็นไปได้มั้ยว่าเอาปลาไปแลกกับข้าวของชาวกะเหรี่ยงซึ่งเป็นข้อเสนอที่ดีมาก เพราะตอนนี้ปลาขายได้แค่ในพื้นที่ราไวย์ ซึ่งขายได้ไม่มาก แต่ปลาขึ้นมาวันละนับร้อยกิโลกรัม ดังนั้นการทำปลาตากแห้งนำไปแลกกับข้าวจึงเป็นไอเดียที่ดี”
ข้าวของปกาเกอะญอ
ขณะที่ 'ชิ สุวิชาน' ศิลปินชาวปกาเกอะญอ และนักวิชาการศูนย์การจัดการภูมิวัฒนธรรม วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า คนปกาเกอะญอเป็นมนุษย์กินข้าว เราต่อสู้เพื่อที่จะมีสิทธิ์ปลูกข้าวในแผ่นดินของเรา ในทุกพิธีกรรมของเราตั้งแต่เกิดจนตายมีข้าวเข้าไปเกี่ยวข้อง เราอยู่บนดอยเป็นเศรษฐีข้าว ไม่ใช่เศรษฐีเงิน ใครมาบ้านเราเราให้กินข้าวได้เต็มที่
“พอได้ทราบเรื่องราวของพี่น้องชาวเลที่ไม่สามารถระบายปลาได้ เช่นเดียวกับคนทางเหนือไม่สามารถไปหาปูปลาได้ทัน เพราะตอนนี้ต่างช่วยกันไปดับไฟไหม้ป่าทั้งหมู่บ้าน บางทีดับแล้วติดขึ้นมาอีก ก็ต้องออกไปดับอีก เมื่อเราเห็นปัญหาของเพื่อน และอาหารแห้งเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องเอาเข้าป่า ถ้าเราได้กินปลาจากพี่น้องที่กินข้าวของเรา มันได้คุณค่ามหาศาล”
ชิ สุวิชาน ยังกล่าวอีกว่า ได้ตั้งเป้ารวบรวมข้าวไว้ 300-400 ถัง หรือ 3,000-4,000 กิโลกรัม โดยจะส่งไปที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เพื่อส่งต่อให้มูลนิธิชุมชนไทนำส่งต่อไปให้ชาวเล โดยต้องการให้ข้าวไปถึงชาวเลโดยเร็วที่สุดภายใน 2 สัปดาห์
โฆษณา