28 เม.ย. 2020 เวลา 13:18 • ปรัชญา
# ชีวิตที่ไม่เท่าเทียม
หากคุณรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างแสนเลวร้าย เสียจริง และยากที่จะรับไว้ อ่านเรื่องราวต่อไปแล้วนี้ คุณอาจจะได้พบคำตอบและทางออกก็เป็นได้
ระบายความรู้สึก
ในขณะที่ เวนดี้ สิ้นหวังและท้อใจกำลังยืนคุยกับ รอนด์ เพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานกว่า 5 ปี เวนดี้ก็ได้พบว่า มุมมอง ในชีวิตของเธอได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่เธอถามคำถามกับ รอนด์ ไปว่า “นี้...ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นายจะสามารถมีความสุขได้มากกว่าที่เคย ทั้งที่นายทำงานเพิ่มถึง สองงาน อีกทั้งยังต้องดูแลพ่อแม่ และครอบครัวของตัวนายเองอีก แม้ว่าจะหาเงินได้มากกว่า 1000 เหรียญต่อเดือนก็ตาม นายคิดอะไรของนายอยู่เนี้ย”
เมื่อได้ฟังแบบนั้น รอนด์ จึงตอบ เธอไปว่า “ ความคิดของฉันเปลี่ยนไป หลังจากที่ฉัน ได้พบเห็นประสบการณ์หนึ่งที่ยากจะลืมได้ในประเทศนั้น ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เรื่องเล่าของชายที่แสนเศร้า
มันเป็นวันที่แสนเศร้าสำหรับฉันมาก เพราะในตอนนั้นฉันผิดหวังกับชีวิตของตัวเองเป็นอย่างมาก ฉันจึงตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศนั้น ซึ่งในระหว่างที่ได้อยู่ที่นั่น ฉันก็ได้เห็น หญิงคนหนึ่งใช้มีดเล่มใหญ่ตัดมือขวาของลูกตัวเองทิ้งไป
แล้วเสียงเด็กที่กรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานอย่างมากก็ดังตามขึ้นมา เด็กคนนั้นอายุน่าจะประมาณ 4 ขวบได้” เวนดี้ จึงถามแทรกขึ้นมาในทันทีว่า “ทำไมแม่ของเด็กถึงทำอย่างนั้นล่ะ
เป็นเพราะความซุกซน หรือว่ามือของเด็กติดเชื้อหนักมากรึเปล่า ใช่รึเปล่า รอนด์” เธอถามด้วยความตกใจและเศร้าใจเป็นอย่างมาก
จริงหรือเปล่า
รอนด์ จึงเล่าต่อไปว่า “ไม่ใช่เลย เวนดี้ แม่ของเด็กทำไปเพียงเพราะว่า เธอสิ้นหวังในชีวิต เธอจึงทำให้ลูกของตัวเองพิการลูกเธอจะได้ออกไปหาเงินตามถนน และในตลาดได้ ซึ่งในวันเดียวกันนั้น
ฉันไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่พบเจอมาได้เลย ภาพเหล่านั้นยังคงติดตา ติดใจฉันไม่เคยลืมเลือน แม้ฉันจะพยายามปฏิเสธมันมากแค่ไหน
แต่มันก็คือเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นแล้ว บนส่วนหนึ่งของโลกใบนี้” เมื่อได้ฟังแบบนั้น เวนดี้ ก็ได้แต่เงียบและนั่งจดจ่อ ฟังต่อไป
ตั้งตารอ
รอนด์ จึงเล่าต่อว่า “จนกระทั่งวันหนึ่ง ในระหว่างที่ฉันกำลังนั่งทานขนมปังไปได้สักครึ่งก้อน ฉันก็เหลือบไปเห็นเด็กกลุ่มหนึ่ง พวกเขามีประมาณ 5-6 คนได้ วิ่งกรู กันเข้าไปที่ก้อนขนมปังชิ้นเล็ก ๆ ที่คนนั่งก้อนหน้านี้ ทำตกพื้น
ฉันเห็นขนมปังนั้นเลอะเทอะไปด้วย ฝุ่นและเศษดินทรายเต็มไปหมด แต่ด้วยความหิวโหยพวกเขากับแย่งกันกินโดยไม่สนใจความสกปรกเลยแม้แต่น้อย
จากเหตุการณ์วันนั้น ฉันจึงบอกกับ มัคคุเทศก์ ของฉันให้ช่วยนำทางไปที่ร้านเบเกอรี่ที่ใกล้ที่สุดที แล้วเมื่อฉันไปถึงฉันก็ซื้อขนมปังทุกก้อนที่ฉันพบในร้านแห่งนั้น ซึ่งเจ้าของร้านก็ยังมีน้ำใจขายทุกอย่างให้ฉัน
คิดมุมกลับ
ในราคาที่ถูกอีกด้วยนะ ฉันใช้เงินไป 100 เหรียญ เพื่อแลกกับขนมปังประมาณ 400 กว่าก้อน และใช้เงินอีก 100 เหรียญ เพื่อซื้อของใช้ที่จำเป็นต่าง ๆ หลังจากนั้นฉันก็เอาของทั้งหมดขึ้นรถบรรทุกแล้วขับไปตามถนน
เพื่อแจกจ่ายขนมปังและสิ่งของจำเป็นให้กับเด็ก ๆ เหล่านั้น ขณะนั้นเอง ฉันก็ได้ค้นพบว่า ฉันเป็นคนที่โชคดีเหลือเกินที่ได้เกินเป็นคน โชคดีเหลือเกินที่ร่างกายครบ 32 โชคดีเหลือเกินที่มีงาน
มีครอบครัวที่น่ารัก โชคดีเหลือเกินที่ได้มีโอกาสบ่นว่าอาหารมื้อนี้อร่อยหรือไม่อร่อย โชคดีเหลือเกินที่ได้ใส่เสื้อผ้าสะอาด ๆ
และยังมีความรู้สึกอีกมากมายตามมา หลังจากที่ฉันได้เห็นเด็ก ๆ ที่หิวโหยอิ่มท้อง” หลังจากที่ รอนด์ พูดจบ เวนดี้ ก็ได้แต่ถามตัวเองว่า “ในตอนนี้ ชีวิตของฉันเลวร้ายจริง ๆ หรอ”
ดังคำที่กล่าวไว้ว่า “ในคราใดที่เหนื่อย ท้อแท้ และสิ้นหวัง จงสร้างแรงบันดาลใจครั้งใหม่ขึ้นมาให้ได้อยู่เสมอ แล้วความทุกข์เหล่านั้นจะหายไป”
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
โฆษณา