28 เม.ย. 2020 เวลา 11:58 • ปรัชญา
😇ทุกวันก่อนนอน เราควรแผ่เมตตาให้กับทุกคน รวมไปถึงสรรพสัตว์ทั้งหลาย
.
เพราะทุกคนต่างปรารถนาที่อยากจะให้ตัวเองประสบความสุขความสงบทางใจ ไม่มีความกระวนกระวายใจ สามารถปล่อยวางความโกรธความไม่พอใจได้อย่างง่ายๆ ซึ่งตอนที่เรายังโกรธอยู่ ยังอิจฉาริษยาคนใดคนหนึ่งอยู่นั้น จิตใจจะมีแต่ความร้อนรุ่ม กระวนกระวายใจ และไม่เป็นอันกินอันนอนอย่างเห็นได้ชัด
.
การแผ่เมตตา คือ การแผ่กระแสจิตความรัก ความปรารถนาดีของตนไปสู่ผู้อื่น และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้มีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปโดยปราศจาก ความอิจฉาริษยา และหมายถึง ความมีไมตรีจิตต่อกันด้วยความจริงใจฐานมิตร แม้ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ตนไม่ชอบหรือเป็นศัตรูกันก็ตาม
.
เพราะถ้าหากสามารถแผ่เมตตาไปให้แก่ผู้ไม่ถูกกันได้ นั่นแสดงว่าผู้นั้นได้ยกระดับจิตให้พ้นจากอำนาจความโกรธเคืองหรือความอิจฉาริษยาได้แล้วด้วยเมตตา เพราะเมตตานี้เป็นเครื่องกำจัดกิเลสคือ ความโกรธ ความประทุษร้าย ความไม่ชอบใจด้วยอำนาจของความอิจฉาริษยาเสียได้
.....
😇วิธีการแผ่เมตตา
1.นั่งขัดสมาธิ หลับตาเบาๆพอสบายๆคล้ายกับเราใกล้จะนอนหลับ อย่ากดลูกนัยน์ตา ปรับท่านั่งให้อยู่ในท่าที่สบาย ผ่อนคลายร่างกายทุกส่วน
.
2.นึกรวมเอากระแสความปรารถนาดีต่อทุกๆคน และสรรพสัตว์ทั้งหลาย รวมเป็นดวงกลมใสๆ บริสุทธ์อยู่ที่ศูนย์กลางกาย บริเวณกลางท้องอย่างเบาๆ สบายๆ
.
3.ค่อย ๆ ขยายกระแสความเมตตาออกไปท้างด้านซ้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง ทุกทิศทุกทาง ไปยังคน และสรรพสัตว์ที่อยู่โดยรอบ
.
4.ค่อยขยายกระแสความเมตตาให้ครอบคลุมบริเวณทุกทิศทุกทาง ขยายให้ครอบคลุมตำบล อำเภอ จังหวัด มณฑล ประเทศ โลก จักรวาล อนันตจักรวาล เป็นลำดับ โดยตั้งความปรารถให้เขาเหล่านั้นอย่าได้มีเวรและอย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย และผู้ใดที่ประสบทุกข์ ก็ขอให้พ้นทุกข์ และพบความสุข ที่มีความสุขอยู่แล้วก็ขอให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป
.....
😇ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการแผ่เมตตา คือ
1.ช่วงเวลากลางคืนก่อนนอน หลังจากนั่งสมาธิทุกวันเป็นช่วงที่เรานึกประมวลความดีที่ทำมาทั้งวัน จิตใจจะแช่มชื่นผ่องใส เหมาะที่จะนึกแผ่เมตตาอย่างยิ่ง
.
2.ช่วงหลังจากว่างงาน เพราะในขณะนั้นจิตใจจะปลอดโปร่ง
.
3.ถ้าสามารถทำให้มากครั้งต่อวันได้ ก็ยิ่งจะเป็นกำไรชีวิต เช่น นึกแผ่เมตตาทุกอิริยาบถ ขณะเดินไปตามถนนหนทาง ขณะนั่งรถไปทำงาน หรือขณะนั่งพักผ่อน ณ ที่ใดที่หนึ่ง
.....
😇ผู้แผ่เมตตาเป็นประจำ ย่อมได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.หลับเป็นสุข คือ หลับสบาย หลับสนิท
.
2.ตื่นเป็นสุข คือเมื่อตื่นขึ้นมาก็สบายตัว สบายใจ หายอ่อนเพลีย ไม่มีอาการง่วงติดต่ออีก
.
3.ไม่ฝันร้าย คือ จะไม่ฝันเห็นสิ่งเลวร้ายทำให้สะดุ้งตื่นกลางคัน หรือไม่ฝันหวาดเสียวต่าง ๆ
.
4.เป็นที่รักของคนทั่วไป คือ จะเป็นคนมีเสน่ห์ ไปที่ใดก็ปราศจากศรัตรูผู้คิดร้าย แม้ผู้ไม่ชอบใจก็จะกลับมาชอบได้
.
5.เป็นที่รักของสรรพสัตว์ต่าง ๆ ทำให้ปลอดภัยจากการทำร้ายของสัตว์ทั้งหลาย
.
6.เทวดารักษาคุ้มครอง คือ จะเดินทางไปไหนมาไหนเทวดาจะคุ้มครองให้ความปลอดภัยตลอดเวลา จะไม่ประสบอุปัทวภัยต่าง ๆ ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
.
7.ไฟ ศาสตรา ยาพิษ ไม่แผ้วพาน คือสิ่งเหล่านี้จะทำอันตรายมิได้ จะปลอดภัยจากสิ่งเหล่านี้
.
8.จิตเป็นสมาธิเร็ว หรือจะอ่านหนังสือ จะทำงานอันใดก็ตาม จิตจะไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมตั้งใจได้เร็ว ทำงานนั้นสำเร็จสมประสงค์
.
9.หน้าตาผิวพรรณจะผ่องใสตลอดเวลา แม้จะมีอายุมาก รูปร่างจะไม่สวยงาม หรือไม่ได้แต่งเติมด้วย เครื่องสำอางใด ๆ หน้าตาผิวพรรณก็ผ่องใสน่าดูน่าชมได้เสมอ
.
10. ไม่หลงเวลาตาย คือเวลาใกล้ตาย จะไม่หลงเพ้อ ละเมอ หรือโวยวาย หรือไม่ดิ้นทุรนทุรายเป็นที่น่าเวทนาของผู้พบเห็น จะสิ้นใจอย่างสงบเหมือนนอนหลับไป ฉะนั้น
.....
การแผ่เมตตานี้จัดเป็นสมาธิอย่างหนึ่ง จะทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นประจำมีจิตใจอ่อนโยน เยือกเย็นลงได้ และเมื่อตัวเองได้รับความสุขแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องการให้เพื่อนร่วมโลกได้รับความสุขอย่างนั้นบ้าง จึงได้แผ่กระแสจิตอันเยือกเย็นและอ่อนโยนนั้นไปยังผู้อื่น ผู้ได้รับเมตตาจิตนั้นแล้วก็จะพลอยมีจิตอ่อนโยน เยือกเย็น และได้พบกับความสุขทางใจไปด้วย
.
ด้วยเหตุแห่งการแผ่เมตตาเช่นนี้ จึงทำให้มนุษย์และสัตว์อยู่กันด้วยความมีน้ำใจดีต่อกัน รักใคร่กันฉันพี่น้อง และหันหน้าเข้าหากันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้อยู่กันด้วยความอบอุ่นไว้วางใจกัน ปราศจากความระแวงกันและกัน เป็นเหตุให้ไม่เบียดเบียนกัน แต่จะอุดหนุนเกื้อกูลกันและกันด้วยน้ำใสใจจริง และทำให้มองเห็นว่าการที่มนุษย์หวังดีต่อกันนั้นเป็นทางนำให้โลกเกิดสันติสุขได้ในที่สุด
.............
🌟รับธรรมะดี ๆ ที่เป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจในการปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงความสุขภายในได้ที่นี่
⚡️Line
⚡️Facebook
⚡️YouTube
⚡️Instagram
⚡️Twitter
⚡️Pinterest
⚡️Spotify
⚡️Apple Podcasts
⚡️JOOX
⚡️TikTok
⚡️Blockdit

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา