2 พ.ค. 2020 เวลา 02:00 • ธุรกิจ
คนเกินครึ่งที่ตัดสินใจลาออกจากงานนั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากงาน เเต่มีสาเหตุมาจาก "คน" โดยเฉพาะกับหัวหน้า
1
เพราะเจ้านายนี่เเหละ คือ คนชี้เป็นชี้ตาย ว่าตัวพนักงานจะรุ่งหรือจะร่วง
โดยปัญหาเรื่องเจ้านาย จะถูกเเบ่งออกเป็น 2 ส่วน ใหญ่ ๆ คือ
1.ปัญหาเชิงโครงสร้าง
2.ปัญหาที่ตัวบุคคล
- ปัญหาเชิงโครงสร้าง
เป็นปัญหาที่เเก้ยากเเละขึ้นบ่อยในองค์กรส่วนใหญ่
โดยปัญหาเชิงโครงสร้างนั้นมีสาเหตุมาจากวัฒนธรรมองค์กร ที่เจ้านายมีสิทธิ์เด็ดขาดมากเกินไป
ซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ คนทำงานจะไม่ได้ทำงานเพื่อเป้าหมายขององค์กร เเต่ทำงานเพื่อให้เจ้านายมีความสุข
1
ถ้านึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงการทำงานในระบบราชการ ที่คนทำงานส่วนใหญ่นั้น “ไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชน เเต่ทำงานเพื่อให้ถูกใจนาย” เป็นการทำงานเเบบ “ดีครับนาย สบายครับผม เหมาะสมครับท่าน”
2
จนเกิดเป็นคำพูดในหมู่พนักงานที่ชอบคุยกัน ว่า “งานถูกต้อง เเต่ไม่ถูกใจ”
1
กลายเป็นว่าศักยภาพของพนักงานจะถูกจำกัดด้วยความสามารถของเจ้านาย เพราะถ้าอะไรที่ทำเกินหน้าเกินตาเจ้านาย เจ้านายก็จะไม่ชอบ
1
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีอย่างยิ่งเพราะความจริงเเล้ว ในยุคนี้ “ลูกน้องควรต้องเก่งกว่าหัวหน้า ทีมถึงจะไปได้เร็ว”
เพราะบทบาทของหัวหน้าที่เเท้จริง คือ “คนคอยคุมเกม คุมจังหวะการทำงานในทีม ให้ทีมนั้นสามารถทำงานไปในทิศทางที่ถูกต้อง”
เหมือนทีมฟุตบอล ที่นักเตะส่วนใหญ่นั้นจะเก่งกว่าโค้ช เเต่บทบาทของโค้ชไม่ใช่การลงไปเเข่งกับนักเตะ เเต่คือการวางเเผนเเละคุมเกมเพื่อให้ทีมนั้นชนะต่างหาก
ซึ่งวิธีเเก้ ของปัญหาเชิงโครงสร้าง คือ ต้องลดอำนาจของเจ้านายลง เพื่อให้อำนาจของคนอื่นมีมากขึ้น เเละสุดท้ายอำนาจก็จะไปตกอยู่ที่คนทำงานหน้างานมากขึ้นเอง
ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องยากเเละเจ็บปวด เเต่ถ้าจะให้องค์กรเดินหน้าไปได้ มันก็ต้องเเก้กันทั้งระบบ
เพราะวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สำคัญกว่ากลยุทธ์ สำคัญกว่าทุกอย่าง บริษัทที่วัฒนธรรมองค์กรเเย่ ทุกอย่างก็จะเละไปหมด เเต่ถ้าวัฒนธรรมองค์กรดี ทุกอย่างก็จะดีไปหมดเช่นกัน
1
- ปัญหาเชิงตัวบุคคล
ปัญหาเชิงบุคคลนั้น ส่วนใหญ่มาจากลักษณะนิสัยของหัวหน้าเอง วิธีเเก้ คือ หัวหน้าต้องรู้จักสำรวจตัวเอง เเล้วปรับตัว เเต่ถ้าทำไม่ได้ วิธีที่ง่ายกว่าก็คือ เปลี่ยนหัวหน้าไปเลย ซึ่งส่วนใหญ่วิธีที่ลูกน้องจะเปลี่ยนหัวหน้าคือ “การเลื่อยขาเก้าอี้”
1
ซึ่งถ้าเกิดเหตุการ์เเบบนี้ขึ้นบอกเลยว่ามันจะจบไม่สวย ดังนั้น ใครที่เป็นหัวหน้า หรือ กำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้า ลองสำรวจดูครับว่าตัวเองมีคุณสมบัติของ เจ้านายห่วยๆ ดังต่อไปนี้หรือเปล่า
1) ความคิดเห็น ตัวเองเป็นใหญ่
มีคำพูดนึงบอกว่า “คนที่เป็นหัวหน้า ควรพูดให้น้อยที่สุด เเละพูดคนสุดท้าย” เพราะถ้าคนเป็นหัวหน้าพูดเยอะเเละพูดก่อน ลูกน้องจะไม่อยากพูดเเล้ว
3
คือ ลูกน้องทำงานเตรียมพรีเซ็นท์มาอย่างดี เเต่พอถึงเวลาประชุมจบ หัวหน้ากลับตัดสินใจตามที่ตัวเองคิดมา โดยไม่สนใจเหตุผลของลูกน้องเลย
ซึ่งสิ่งที่น่ากลัว คือ คนส่วนใหญ่ ไม่รู้ตัว ว่าตัวเองเป็นคนเเบบนี้
เพราะฉะนั้น หนึ่งในสิ่งที่เป็นตัววัดความสำเร็จของหัวหน้า ก็คือ “ลูกน้องกล้าพูด เเละ 9hv’กล้าพูดทุกคน”
2) การขโมยเครดิตลูกน้อง
หัวหน้าไม่จำเป็นต้องขโมยเครดิตของลูกน้องเลย เพราะเมื่อลูกน้องทำได้ดีมันเป็นเครดิตของคุณอยู่เเล้ว เฉพาะฉะนั้น ควรเอาเครดิตทั้งหมดไปให้ลูกน้อง ไม่ใช่ขโมยมันมาเป็นของตัวเอง
1
3) โยนความผิดให้ลูกน้อง
พอโปรเจคออกมาดีก็ไหลตามน้ำ เเต่ถ้าเมื่อไหร่มันเจ๊งหรือลูกน้องทำผิด ก็จะโยนความผิดให้ลูกน้องทันที
1
เเละ ช็อตโยนความผิด ที่มักเจอบ่อยที่สุด คือ ตอนพรีเซ็นต์งาน
1
คือถ้าในระหว่างพรีเซ็นต์งาน เเล้วโดนหัวหน้าของหัวหน้าอีกทีคอมเม้นท์มา ก็จะหันไปโยนความผิดให้ลูกน้องทันที
1
4) ดุลูกน้องตัวเองต่อหน้าลูกค้า
3
ซึ่งความจริงเเล้ว ลูกค้าโคตรเกลียดเลย หัวหน้าที่ชอบดุลูกน้องต่อหน้าลูกค้า
1
5) หัวหน้าไม่ยอมตัดสินใจ
ส่วนใหญ่เป็ยพวกชอบเเทงกั๊ก คือ ให้ลูกน้องทำไปก่อน ถ้าออกมาดีก็จะไหลตามน้ำ เเต่ถ้าออกมาไม่ดี ก็จะได้มีพื้นที่ในการถอย
1
ซึ่งทีมไหนที่หัวหน้าไม่ตัดสินใจ มันจะทำให้งานไม่เดิน
2
6) ไม่ยุติธรรม
1
การให้ประโยชน์กับคนนึง โดยอีกคนเสียผลประโยชน์ โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ
7) หัวหน้าที่บ้า KPI เกินไป
หัวหน้าที่ บ้า KPI เเบบไร้สติ จะไม่มีการยืดหยุ่น
เช่น อยากได้ยอดขายโต 70% โดยไม่ดูความสามารถของทีม ความสามารถองค์กร จนกลายเป็นว่าเอาเเต่ยึดติดอยู่กับ KPI ของตัวเอง จนไม่นึกถึงความรู้สึกของลูกน้อง พูดง่ายๆคือ ไม่เห็นพนักงานเป็นมนุษย์ เเต่เห็นเป็นเครื่องที่คอยผลิตผลประโยชน์ให้ตัวเองอย่างเดียว
8) บริหารเเบบจุกจิก
“จุกจิก” กับ “ใส่ใจในรายละเอียด” มันจะมีเส้นบางๆ กั้นอยู่
ดังนั้น ต้องหาความพอดีให้เจอ ซึ่งความยาก คือ เส้นบางๆ ตรงนี้ของคนมันไม่เท่ากัน
บางคนปล่อยให้ทำงานเองได้ เเต่บางคนปล่อยไม่ได้ ดังนั้น ไม่ควรเอามาตรฐานของคนหนึ่งไปใช้กับอีกคนหนึ่ง ซึ่งมันต้องอาศัยการมีศิลปะในการบริหารคน
1
ดังนั้น ดูเเลอยู่ห่างๆ ไม่ใช่ไปกำกับทุกอย่าง โดยไม่เปิดโอกาสให้ลูกน้องเเสดงความสามารถเลย
- คนเป็นหัวหน้าจะถูกปิดกั้นด้วยกำเเเพงของ “ความจริง” เพราะลูกน้องจะไม่กล้าพูดไม่กล้าบอกอะไรเพราะเขากลัว
- คนเป็นหัวหน้าจะถูกปิดกั้นด้วยกระจกของ “อีโก้” ที่มักเห็นตัวเองตัวใหญ่ที่สุดเสมอ
1
- เเละคนเป็นหัวหน้าจะถูกปิดล้อมด้วย “คนที่โกหก” ซึ่งเขาไม่ได้ตั้งใจจะโกหก เเต่เขาคิดว่ามันคือสิ่งที่ หัวหน้าอยากฟัง
เพราะฉะนั้น ถ้าวันนี้คุณเป็นหัวหน้าก็สำรวจตัวเองให้ดีว่ามี 8 ข้อที่กล่าวมาไหม
เเละถ้าวันนึงคุณต้องขึ้นไปเป็นหัวหน้าขึ้นมา ก็ขอให้ระวังสิ่งเหล่าพวกนี้ ลองถามตัวเองว่า อะไรบ้างที่เราไม่ชอบ เเละก็อย่าทำมันเเบบนั้นกับคนอื่นเช่นกัน เเละคุณจะได้เป็นเจ้านายที่ดีต่อไปในอนาคตอย่างเเน่นอน
1
อยากรู้เรื่องอะไร อยากอ่านบทความเเบบไหน ส่งคำถามมาให้ "สมองไหล" ได้ง่ายๆ เพียง “กดลิ้ง” ข้างล่างนี้ได้เลย
โฆษณา