3 พ.ค. 2020 เวลา 11:55 • ความคิดเห็น
"วางรองเท้า-สิ่งของจองคิว เข้าแถวแบบไทยไทย" หนึ่งในประเด็นเกี่ยวกับไทยที่ถูกพูดถึงบ่อยสุด และเป็นต้นแบบในการวางของต่อคิวในจีนทีเดียว
1
ต่อแถว จองคิว แบบไทยไทย ถือเป็น หนึ่งในประเด็นเกี่ยวกับไทย กลายเป็นกระแสไวรัลในสังคมออนไลน์จีน อยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่น คำค้น "泰国人的排队方式 วิธีเข้าแถวของคนไทย"
และล่าสุด เมื่อวันที่ 30เมษายน ถึง 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา การวางของต่อแถวจองคิวแบบฉบับคนไทย ก็เป็นกระแสในโซเชียลจีนอีกครั้ง ในคำว่า "泰国市民用拖鞋排队领食物 คนไทยใช้รองเท้าจองคิว-เข้าแถวรอรับอาหาร-ของแจก (ในช่วงวิกฤติ COVID-19)"
เวลาที่มีประเด็นเหล่านี้เป็นกระแสและถูกนำเสนอผ่านโซเชียลจีน คอมเม้นคนจีนส่วนใหญ่บอกว่า "อะเมชซิ่งจริงๆ" แล้วก็คอมเม้นกันแนวฮาๆ มองว่าการต่อคิวแบบนี้น่ารักดี หลายคนบอก "เอารองเท้าต่อคิวแบบนี้ กลิ่นตลบอบอวลแน่ๆ ถ้าเป็นในจีน คงทำไม่ได้ เพราะอาจเป็นการรมควันพิษ 555" มีคนจีนคนหนึ่งเขียนว่า "มีรองเท้ากลิ่นทุเรียนไหม ถ้ามีก็น่าต่อคิวแบบนี้นะ "
นอกจากนี้ มีคนจีนบางส่วนคอมเม้นบอกด้วยว่า ถ้าในจีนคงไม่เห็นแบบนี้ เพราะคนจีนไม่ค่อยจะต่อคิวกันเท่าไหร่ พร้อมบอกว่าไทยมีความซื่อสัตย์ และต่อคิวตลอด เวลาทำอะไร และก็มีจำนวนไม่น้อยที่มาคอมเม้นว่า "ในจีนก็มีประมาณนี้"
แต่รู้ไหมครับ จริงๆแล้วที่จีนเอง ก็มีการเอาของวางเข้าแถว จองคิวนะ
สำหรับที่จีนก็ไม่น้อยหน้า มี "เก้าอี้จองคิว" เหมือนกัน
โดยเป็นภาพเหตุการณ์ที่พบได้บ่อยอยู่นะ อย่างภาพที่อ้ายจงนำมาโพสต์ในบทความนี้ เป็นภาพที่เพื่อนในจีนของอ้ายจงส่งมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง โดยที่แผนกตรวจของโรงพยาบาลแห่งนี้จะเปิดทำการและรับคิวอย่างเป็นทางการตอน 7.30 แต่เป็นที่รู้กันดีว่าคนเยอะมากๆ ส่วนใหญ่เลยรีบมากันตั้งแต่ 6-6.30น. เช้าตรู่กันเลยทีเดียว ซึ่งก็จะลากเก้าอี้มาต่อคิวไว้ บางคนก็มานั่งรอบนเก้าอี้นั่นแหล่ะ (ดีกว่ารองเท้าจองคิว ตรงที่อันนี้นั่งได้นะ :-D )
พอนางพยาบาลมาเปิดรับคิวอย่างเป็นทางการตอน 7.30 พอทุกคนได้คิวแบบที่ตั้งใจแล้ว ก็พร้อมใจกันเอาเก้าอี้ไปเก็บเข้าที่เป็นระเบียบเรียบร้อยดังเดิม
ภาพจาก Chinanews.cn
นอกจากในโรงพยาบาล ชาวจีนจำนวนมากมักเอากระเป๋า,สิ่งของ รวมถึงยืนต่อแถวด้วยตนเองตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อต่อคิวเข้าอ่านหนังสือในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยหรือหอสมุดของเมืองต่างๆเช่นกัย โดยเฉพาะช่วงที่เตรียมตัวสอบเข้าเรียนต่อระดับบัณฑิตศึกษา และสอบเข้ารับราชการจีนที่แข่งขันสูงมาก
โดยคนจีนจำนวนไม่น้อย มองว่าการศึกษาระดับปริญญาตรีไม่เพียงพอต่อการแข่งขันหางานในจีน ดังนั้นต้องเรียนต่อระดับปริญญาโท (บัณฑิตศึกษา) เป็นอย่างน้อย เพื่อกรุยทางให้หางานได้มากขึ้น
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #กระแสไทยในจีน #ชีวิตในจีน
โฆษณา