8 พ.ค. 2020 เวลา 12:00 • ยานยนต์
Carman ยินดีนำเสนอ
EP17 : วิเคราะห์ Toyota CHR Hybrid เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย จัดเต็มทุกอย่างก็ยังขายไม่ดีเพราะยังคงทำบางอย่างผิด
*คำเตือน : บทความนี้มีการใส่ความคิดเห็นของผู้เขียนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมเเละให้เห็นเเง่มุมอีกมุมหนึ่ง มิได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม หากผิดพลาดประการใด ขออภัยครับ
ข้อดี
ส่วนที่เหมือนรุ่นเบนซิน
+ช่วงล่าง SUV ดีที่สุดเท่าที่ Toyota เคยทำมา
+พวงมาลัยดีที่สุดเท่าที่ Toyota เคยทำมา
+ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวทั้งภายนอก-ภายใน
+มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ไม่คับเเคบ
+เบาะนั่งคู่หน้าเเละหลังทรงกระชับนั่งสบาย
ส่วนที่ต่างจากรุ่นเบนซิน
+ราคาใกล้เคียงกับรุ่น 1.8
+ออพชั่นจัดเต็มมากในรุ่น HIGH เเละไม่งกสีตัวถัง
+ประหยัดน้ำมันกว่ารุ่น 1.8 มากๆ
ข้อเสีย
ส่วนที่เหมือนรุ่นเบนซิน
-กั๊กออพชั่นบางตัวมากเกินไป ไม่มีล้ออะไหล่
-พนักพิงศีรษะดันหัวมาก
-บรรยากาศภายในอึดอัดมาก กระจกหลังนี่นั่งเเล้วนึกว่าติดคุก ทัศนวิสัยเเย่มาก
-ช่องเก็บของภายในรถน้อยมาก ไม่อเนกประสงค์เลย
-เเผงประตูคู่หลังวัสดุไม่ดี ลดต้นทุนเกินไป
ส่วนที่ต่างจากรุ่นเบนซิน
-อัตราเร่งทำได้ด้อยกว่าในระดับนึง
-บุคลิกที่สนุกของเกียร์จะหายไป
-ระยะเบรกยาวกว่ารุ่นเบนซิน
ความเดิมตอนที่เเล้ว
หลังจากที่เราได้เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Toyota CHR เบนซินไป ใครยังไม่ได้อ่าน คลิกได้ที่นี่เลยครับ
ย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2017 มีรถ Toyota รุ่นหนึ่งที่เป็นความหวังของเเบรนด์ที่จะเข้ามาเจาะตลาด SUV หลังจากปล่อยให้ Honda ครองตลาดนี้มานานเป็นเวลา 20 ปี
ซึ่งทุกอย่างก่อนเปิดตัวทำท่าดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี รถคันนี้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานใหม่ TNGA(Toyota New Global Architecture)ที่เน้นในเรื่องของการขับขี่ให้ดีกว่า Toyota ยุคก่อน บวกกับดีไซน์ใหม่ที่ถูกใจใครหลายๆคนเป็นอย่างมากเพราะเราจะไม่เคยเห็นรถ Toyota รุ่นไหนหน้าตาโฉบเฉี่ยวเเบบนี้มาก่อน นอกจากนี้ความที่ตัวรถสดใหม่กว่า HRV เเถมเป็น Toyota ด้วย
1
มันก็น่าจะขายดีถล่มทลาย???
เเต่ยอดขายจริงนั้นกลับผิดคาดเพราะในปี 2018 นั้นเเซง Honda HRV ได้อยู่เเค่เเปปเดียวซึ่งเป็นเพราะ HRV กำลังจะ Minorchange นั่นเองครับ
เเต่หลังจาก HRV Minorchange เเละเริ่มส่งมอบในเดือนกรกฎา 2018 ปุ๊ป CHR ก็โดนเเซงยาวๆเลยครับ เรียกว่าเเพ้มาตลอด
เเถมล่าสุดช่วงต้นปี 2020 เเพ้ Mazda CX30 ที่เพิ่งเปิดตัวไปด้วย ทั้งๆที่เป็น Toyota???
มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ผิดพลาดเเล้วละ
โดย CHR มี 2 เครื่องยนต์ให้เลือกนะครับ คือ 1.8 เเละ 1.8 Hybrid
ราคาหลังเปิดตัวมีดังนี้ครับ
รุ่น 1.8 Entry CVT 979,000
รุ่น 1.8 MID CVT 1,039,000
รุ่น 1.8 Hybrid MID E-CVT 1,069,000
รุ่น 1.8 Hybrid HIGH E-CVT 1,159,000
ซึ่งจากข้อมูลบอกว่ายอดจองในช่วงเปิดตัวนั้นเป็นรุ่น Hybrid ถึง 75% รุ่น 1.8 เเค่ 25%
ซึ่งมันก็มีความต่างกันอยู่นะครับระหว่างรุ่น Hybrid กับรุ่น 1.8 ทั้งเรื่องตัวรถเเละที่มาของยอดขาย
วันนี้ผมจะขอพูดถึงรุ่น Hybrid บ้างนะครับ
ข้อดี
-อย่างที่กล่าวไปว่าโครงสร้างใหม่ TNGA เน้นในเรื่องของการขับขี่ เอาใจตลาดยุโรป ดังนั้นช่วงล่างของ CHR จึงออกมาดีเกินคาดครับ ไม่เคยมี Toyota ขับดีเท่านี้มาก่อน ช่วงล่างนั้นนอกจากจะนุ่มเเล้ว ยังมีความหนึบเเละเเน่น พูดง่ายๆว่าใกล้เคียงกับ Mazda CX3 เเละดีกว่า HRV เเบบคนละขุมครับ ส่วนหนึ่งเพราะตัวรถเตี้ยกว่า HRV ทำให้ศูนย์ถ่วงต่ำเเละเป็นผลดีในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์จึงทำให้การทรงตัวของ CHR ทำได้ดีมากๆ อาการโยนเเละความวูบวาบนั้นมีน้อยมาก การควบคุมโช๊คเเละสปริงก็ทำได้ดี ได้เปรียบ HRV เเละ CX3 เพราะสองรายนั้นช่วงล่างด้านหลังเป็นเเบบคานบิด เเต่ CHR เป็นเเบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ไม่มีอาการยุบหรือสร้างความหวาดเสียวเลย ถือว่าเหมาะมากกับผู้ที่ชอบการขับขี่ การเข้าโค้งหนักๆ ผิดคาดสำหรับ Toyota
-พวงมาลัยไฟฟ้าน้ำหนักกำลังพอดี ไม่หนักตึงมือเกินไปหรือเบาโหวงเหวงจนน่ากลัว สั่งงานเเม่นยำดีครับ ในความเร็วสูงถือว่านิ่งมาก มีน้ำหนักหน่วงกลางที่โอเค ไม่มีอาการส่ายหรือเสียวเลย เซ็ตมาได้ดีมากๆสำหรับ Toyota ดีใกล้เคียงกับ CX3 เเละเเน่นอนครับว่านิ่งกว่า HRV รายนั้นน้ำหนักเบาเกินไปในย่านความเร็วสูงครับ
-ดีไซน์ภายนอก-ภายในนั้นฮือฮามากในช่วงเเรกเพราะมันคือ Toyota ที่มีเส้นสายโฉบเฉี่ยวชวนปวดหัว(สำหรับผู้อาวุโส)เเต่ถูกใจวัยรุ่นเเละวัยกลางคนมากๆ ทั้งทรงที่คล้ายๆคูเป้ ตัวรถเตี้ย มีเส้นด้านข้างที่ลากตัดขึ้นจนดูสปอร์ตสวยงาม เเถมภายในดีไซน์ภายในมาเป็น Concept Diamond คือ ทุกชิ้นส่วนจะเป็นดีไซน์คล้ายๆข้าวหลามตัดทั้งสวิตซ์พวงมาลัย ปุ่มเเอร์ ปุ่มเครื่องเสียง ดีไซน์คอลโซล หรือเเม้เเต่เพดานยังเป็นลาย Diamond ซึ่งโดดเด่นไม่เหมือนใคร เเถมโทนสีภายในถ้าเป็นรุ่น MID ขึ้นไปก็จะเป็นสีดำ-น้ำตาล ดูสปอร์ตกึ่งหรูนิดๆ
-เเม้ตัวรถภายนอกจะดูเตี้ย เเต่พื้นที่ภายในไม่อึดอัด กว้างขวางกว่า CX3 เเละ CX30 เป็นรองเพียงเเค่ HRV เเถมเบาะหลังก็ยังมี headroom ที่ใช้ได้เพียงพอสำหรับคนสูง 180 ด้าน legroom ก็ยังถือว่าพอเหลืออยู่สำหรับคนตัวไม่ใหญ่นัก เเน่นอนว่ากว้างขวางกว่า SUV ของ Mazda ทั้ง 2 รุ่น เเละพื้นที่กระโปรงก็ดูใหญ่โตกว่าเช่นกัน เเละเป็นรองเเค่ HRV เหมือนกัน ถือว่านั่งได้ครับ
-เบาะนั่งคู่หน้านั้นมีเบาะรองนั่งที่ค่อนข้างยาวกว่าเบาะ Toyota สมัยก่อนๆ รองรับส่วนขาได้ดีขึ้น เเถมพนักพิงหลังนั้นมีขนาดใหญ่มากก็ทำให้โอบรับเเผ่นหลังเเละล็อคตัวได้ดีมากเวลาขับขี่ เเถมเบาะฝั่งคนขับในรุ่น MID มีระบบดันหลังไฟฟ้ามาด้วย ทำให้การรองรับหลังทำได้ดีขึ้นไปอีก ส่วนเบาะหลังนั้นก็มีพนักพิงหลังที่มีมุมเอนพอดี ช่วยให้ภาพรวมเบาะนั่งทำได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนที่ต่างจากรุ่นเบนซิน
-ราคารุ่น Hybrid นั้นต้องบอกเลยว่าใกล้เคียงกับรุ่นเบนซินเเบบน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะรุ่น MID ราคาต่างจากรุ่นเบนซินเเค่ 30,000 เเต่ได้ทั้งเครื่องยนต์ hybrid ไหนจะออพชั่นทั้งพวกไฟหน้า LED ระบบไฟหน้าปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ Ambient Light
เเถมด้วยระบบเชื่อมต่อกับมือถือด้วย Toyota Connect เเถมสามารถเลือกสีตัวถังเเบบสีเเดง,สีเขียวเเละสีฟ้าซึ่งทั้ง 3 สี มาพร้อมหลังคาดำ เเค่นี้ก็ถือว่าคุ้มมากเเล้วนะครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาษีสรรพสามิตที่รุ่น Hybrid เสียเเค่ 4% เเต่รุ่นเบนซินเสีย 20% จึงทำให้ส่วนต่างราคานั้นน้อยมาก
-ในรุ่น HIGH นั้นสารพัดออพชั่นทั้งหลายจะมากองอยู่ที่รุ่นนี้ครับ ทั้งระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ระบบนำทาง, ระบบฟอกอากาศ Nanoe, กระจกหลังตัดเเสงอัตโนมัติ, ระบบเเจ้งเตือนมุมอับสายตา BSM, ระบบเตือนเมื่อรถถอยหลัง RCTA ,ระบบเเจ้งเตือนอาการเหนื่อยล้า DAA เเละเเถมด้วย
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense
-ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
Automatic High Beam
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเเปรผัน Dynamic Radar Criuse Control
-ระบบเตือนการชนพร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ Pre-Collision System
-ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมดึง
พวงมาลัยกลับ Lane Departure Warning with Steering Assist
ซึ่งระบบข้างต้นที่กล่าวมา HRV รุ่นท็อปมีมาให้เเค่ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกหลังตัดเเสงอัตโนมัติ ระบบเเสดงภาพมุมอับสายตา Honda Lanewatch เเละเเค่นั้น
-ด้วยความที่เป็น Hybrid เเน่นอนครับ ประหยัดกว่ารุ่นเบนซินเเบบคนละเรื่อง ทะลุ 20 km/l สบาย ยิ่งถ้าเป็นในเมืองความเร็วต่ำๆระบบก็ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาทำงานอยู่
เเล้วก็ยิ่งประหยัดเข้าไปอีก ส่วนต่างเรื่องการกินน้ำมันในเมืองบางทีอาจต่างมากกว่าเท่าตัว เช่น 9 km/l ในรุ่นเบนซิน 25 km/l ในรุ่น Hybrid
ทีนี้เรามาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่า
-ในรุ่น Hybrid ทั้งรุ่น MID เเละ HIGH ไม่มีเบาะคนขับปรับไฟฟ้า, ไม่มีไม่มีที่ชาร์จหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลังคอลโซลกลางเลยเเละไม่มีที่เท้าเเขนที่เบาะหลัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรจะมีได้เเล้วครับ เเถมล้ออะไหล่ก็ไม่มี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องของมลพิษ ถ้าหากปล่อย CO2 เกิน 100 g/km จะต้องเสียภาษีเเพงขึ้น เเต่ CHR เบนซินเเจ้งเอาไว้ที่ 100 พอดี จึงทำให้ต้องถอดล้ออะไหล่ออกไป
-เบาะคู่หน้านั้นพนักพิงศีรษะคู่หน้าดันหัวมาก เเม้อาจจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยที่รองรับกระดูกสันหลัง เเต่ก็ควรจะลดองศาความเอียงลงครับ หรืออาจะทำเเบบรถสมัยก่อนที่ปรับองศาความเอียงของพนักพิงศีรษะเพื่อลดอาการดันหัวครับ
-เเม้พื้นที่ภายในจะไม่ได้เเย่ เป็นรองเพียง HRV เเต่ปัญหาที่พบคือ อึดอัดมากครับ โดยเฉพาะเบาะหลังที่ต้องบอกว่านึกว่านั่งอยู่ในคุก เหมาะมากถ้าใครจะเล่นซ่อนเเอบนะครับ ซ่อนที่เบาะหลังปุ๊ป คนหาหาไม่เจอเเน่นอน สาเหตุที่อึดอัดเพราะเบาะคู่หน้ามีขนาดเเละความสูงที่ใหญ่มากทำให้คนข้างหลังมองไม่เห็นข้างหน้า ตำเเหน่งเบาะหลังที่กดเตี้ยจากความสูงของหลังคา วัสดุหุ้มเพดานที่ใช้เเบบสีดำ เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำ พลาสติกที่ท้ายรถเป็นสีดำ เท่านี้ก็อึดอัดมากเเล้วนะครับ เเต่ Hilight คือ กระจกหน้าต่างครับ ด้วยดีไซน์ที่กระจกตัดสั้นๆ เเล้วเเผงประตูเป็นสีดำทึบ
ปุ๊ป จบครับ มองข้างนอกไม่เห็นเลยสาเหตุอาจเป็นเพราะเดิมนั้น CHR ถูกวางเเผนให้เป็นรถคูเป้มาเเต่ต้น จึงบิดดัดโครงสร้างไปมากกว่านี้ไม่ได้มากนัก หรือถ้าดัดให้กระจกหลังใหญ่ เส้นสายภายนอกก็จะไม่สวย
เเบบนี้ นอกจากนี้ทัศนวิสัยก็เเย่มาก เพราะเสาหลังบังหมด มองอะไรเเทบไม่เห็น ซึ่งจุดนี้เป็นจุดอ่อนหลักเลย ทำให้เบาะหลังจากเดิมที่ไม่ได้เเย่ พอมาเจอบรรยากาศเเบบนี้ปุ๊ป ทำให้หลายคนส่ายหน้าเบินหนี เป็นจุดหลักที่ทำให้ CHR ขายไม่ดี
-เป็นรถ SUV ซะเปล่า เเต่ช่องเก็บของภายในรถนั้นน้อยมากครับ มีเเค่กล่องคอลโซลหน้ากับที่วางเเก้วคอลโซลกลาง เเละที่วางเเก้วกับของอีกเล็กๆน้อยๆที่เเผงประตู พูดง่ายๆว่าใครคาดหวังความอเนกประสงค์นี่ต้องทำใจเลยครับ มันตอบโจทย์ไม่ได้เลย
-วัสดุภายในเหมือนจะดีนะครับ หุ้มวัสดุ Soft Touch บนคอลโซลหน้าเต็มพื้นที่ เเละเเผงประตูคู่หน้าก็หุ้มหนังมาให้ ปัญหาคือเเผงประตูคู่หลังเป็นพลาสติกเน้นๆเลยครับ ลดต้นทุนเกินไปสำหรับรถราคานี้ จุดนี้เหมือน Honda Civic FC 1.8 เลย ราวกับไม่เน้นผู้โดยสารหลังเเถมตำเเหน่งที่ท้าวเเขนก็ต่ำไปด้วย เหมาะกับคนตัวเล็กๆที่สูงไม่เกิน 160
ส่วนที่ต่างจากรุ่นเบนซิน
-1.8 ลิตร+มอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังรวมก็ 122 เเรงม้า เเน่นอนครับว่าเมื่อเทียบกับรุ่นเบนซินที่มี 140 เเรงม้า Hybrid อืดกว่าชัดเจน อาจจะดีก็เเค่ตอนออกตัวเพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วย เเต่อัตราเร่งนั้น...ถามว่าพอๆกับรถรุ่นอะไร ให้นึกถึง Honda City หรือ Toyota Vios สมัยปี 2007-2012 อะครับ คือพอให้ใช้งานทั่วไปได้ เเต่ไม่ใช่ให้เอาไปเร่งเเซงเเบบทันใจเหมือนรุ่นเบนซินหรือคู่เเข่งคันอื่นๆในตลาด
-ด้วยความที่เป็นเกียร์ E-CVT เเน่นอนว่ามันเป็นเกียร์ที่ไม่มีการล็อคอัตราทด มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ก็ไม่มี ดังนั้น บุคลิกเกียร์ CVT ที่ถวายชีวิตในรุ่นเบนซินก็จะหายไป ใครที่อยากให้รุ่น Hybrid มีการไล่รอบเครื่องยนต์ เกียร์ที่จัดจ้าน เหยียบปุ๊ปพุ่ง
ก็ต้องทำใจครับว่า"ไปเรื่อยๆสบายๆ"
-ระบบเบรกนั้นถูกเซ็ตเเป้นเบรกมาให้ระยะเบรกยาวกว่ารุ่นเบนซิน ดังนั้นการเบรกจะไม่กระชับเท่า เเละอาจต้องเผื่อระยะมากกว่าสักนิดนึง เเป้นเบรกไม่ได้ทันใจมากขนาดนั้น
สรุป-เด็กที่รอบคอบขึ้น รอบนี้เขียนชื่อชั้นเลขที่เเล้ว เเต่ดันเขียนผิด
ที่ผมได้เคยกล่าวไปใน EP16 ในบทสรุปของ Toyota CHR ว่าเด็กที่สอบได้เต็มเเต่ดันลืมเขียนชื่อชั้นเลขที่ เพื่อให้อ่านบทสรุปสั้นๆนี้ได้เข้าใจขึ้น ให้คลิกย้อนไปอ่านบทสรุป EP16ได้ที่นี่เลยครับ https://www.blockdit.com/articles/5ead1ffed8efc30c997894b2
1
พอมาในรุ่น Hybrid เขาเป็นเด็กที่เรียบร้อยขึ้น สุขุมขึ้น ไม่ใจร้อนเท่า รู้จักการวางเเผน
เเถมเขียนชื่อชั้นเลขที่เเล้ว เเต่ก็ดันโชคร้ายยังเขียนผิดอยู่ดี
กล่าวคือเขาให้ออพชั่นมาเพียบเลยในรุ่น Hybrid ก็กึ่งๆว่าเหมือนจะทำสิ่งที่สำคัญที่สุดเเล้วนะ เเต่กระนั้นก็ยังมีสิ่งที่สำคัญที่สุดกว่าอีก คือ การเช็คชื่อชั้นเลขที่ให้ถูกต้อง
เพราะ CHR Hybrid ก็ยังคงไม่ตอบโจทย์คำว่า SUV สำหรับคนไทยอยู่ดีเพราะคำว่าอเนกประสงค์ยังไม่มี ดังนั้นสิ่งที่ CHR ยังขาดก็คือจุดนี้นั่นเอง
หากเทียบกับรุ่นเบนซิน CHR Hybrid ก็คือรถที่เพิ่มสารพัดออพชั่น อัตราเร่งนุ่มนวลขึ้น(อืดขึ้น) ประหยัดน้ำมันขึ้นมาก ราคาต่างกันนิดเดียว
ซึ่งใครต้องการรถที่ออพชั่นครบๆ หน้าตาล้ำ ชื่นชอบสมรรถนะของช่วงล่างเเละพวงมาลัยรวมถึงการบังคับควบคุมที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้เน้นอัตราเร่งที่จัดจ้าน ต้องการความประหยัดน้ำมัน เเถมใช้ในเมืองเป็นหลัก
CHR Hybrid คือคำตอบครับ
เเละทั้งหมดนั่นละครับ คือ การเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Toyota CHR Hybrid
อย่าลืมนะครับ ถ้าชอบบทความเเบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ กดฟอลโลว์กันนะครับ
ช่องทางการติดตามอื่นๆ
FB :Carman
IG : Blockdit_Carman
ไปกดไลค์ กดติดตามกันได้นะครับ
ติดตามบทความย้อนหลังของ Carman ที่นี่
ใครมีความรู้สึกยังไง, มีข้อเสนอเเนะสามารถคอมเม้นลงมาที่ด้านล่างนี้เลยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ
เวลาใหม่!!!
ติดตามบทความใหม่ทุก EP ของ Carman
ทุกวันจันทร์เเละวันศุกร์ เวลา 19.00
วันนี้ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
เครดิตข้อมูลเเละรูปภาพ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา