8 พ.ค. 2020 เวลา 11:30 • ไลฟ์สไตล์
'เงินสำรองฉุกเฉิน' สำคัญแค่ไหน ในวิกฤติ 'โควิด-19'
ประเมินความสำคัญของ "เงินสำรองฉุกเฉิน" เกราะป้องกันสุขภาพการเงินช่วงวิกฤติ "โควิด-19" และวิธีเตรียมพร้อมรับมือกับทุกวิกฤติ
'เงินสำรองฉุกเฉิน' สำคัญแค่ไหน ในวิกฤติ 'โควิด-19' I กราฟิกโดย ณัชชา พ่วงพี
“เงินสำรองฉุกเฉิน” เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารเงินส่วนบุคคลที่ทุกคนควรวางแผนเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ และแทบทุกเรื่องต้องมีเรื่องเงินเข้าไปเกี่ยวข้อง
เช่นเดียวกับสภาวะวิกฤติ “โควิด-19” ในครั้งนี้ ที่แม้จะไม่ใช่วิกฤติเศรษฐกิจโดยตรง แต่การปรับพฤติกรรม และการทำงานเพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อโควิด-19 ส่งผลสืบเนื่องไปถึงระบบเศรษฐกิจน้อยใหญ่ และส่งผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมถึงต้องมี “เงินสำรองฉุกเฉิน”
เงินสำรองฉุกเฉิน คือการเก็บเงินสำรองไว้ในรูปแบบของเงินสด หรือฝากในบัญชีออมทรัพย์ที่สามารถนำออกมาใช้ได้ง่ายที่สุดหากมีสถานการณ์บางอย่างที่จำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน แบบไม่คาดคิด เช่นการขาดรายได้ เจ็บป่วยกะทันหัน ฯลฯ
วิธีการคำนวณเงินสำรองฉุกเฉินแบบที่ง่ายที่สุด คือ ควรมีไม่เงินไม่น้อยกว่า 4-6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
การสะสมเงินสำรองฉุกเฉินของแต่ละคนมากน้อยแต่ต่างกันออกไป ตามความจำเป็นในการใช้เงินของแต่ละบุคคล โดยวิธีการคำนวณเงินสำรองฉุกเฉินแบบที่ง่ายที่สุด คือ ควรมีไม่เงินไม่น้อยกว่า 4-6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
เช่น ทุกๆ เดือนเรามีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 12,000 บาท ก็ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 48,000-60,000 บาท หรือมากกว่านั้น เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่า ในอนาคตเราจะเจอเรื่องไม่คาดฝันอะไรอีกบ้าง
เช่นเดียวกันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มนุษย์เงินเดือนเริ่มขาดรายได้ กลุ่มฟรีแลนซ์ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเริ่มมีรายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และขาดสภาพคล่องอย่างหนัก เพราะไม่มีเงินสำรองฉุกเฉินไว้ใช้ระหว่างเผชิญสถานการณ์ไม่คาดฝันเหล่านี้เลย
ทว่า จุดที่ทำให้หลายคนไม่มี “เงินสำรองฉุกเฉิน” สำหรับบางเป็นเพราะไม่ได้วางแผนการเงินตั้งแต่แรก แต่สำหรับบางคนคือพยายามแต่ไม่สำเร็จ เพราะความยากของการเก็บเงินสำรอง ก็คล้ายกับการเก็บเงินอื่นๆ ที่ต้องอาศัยวินัย ความตั้งใจ และการอดกลั้นต่อสิ่งของล่อตาล่อใจให้ได้
ณ เวลานี้ เราคงไม่ได้พูดถึงการสร้างเงินสำรองฉุกเฉินระหว่างที่กำลังเผชิญวิกฤติ แต่เป็นเทคนิค และวิธีการเตรียมตัว สำหรับคนที่อยากสร้างเงินสำรองฉุกเฉินไว้เป็นตัวช่วยในยามคับขันในอนาคตข้างหน้า โดย 3 เทคนิคในการเก็บเงินสำรองที่ใครๆ ก็ทำได้ หากเริ่มต้นลงมือทำ
หักเงินแยกสำหรับเป็นเงินสำรองฉุกเฉินเป็นประจำ
หักเงิน 5-10% จากเงินเดือนทุกเดือน หรือทุกครั้งที่มีรายได้เข้ามาทันที เพื่อเก็บแยกกับเงินส่วนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง เช่น กรณีคนที่มีเงินเดือนประจำ 15,000 บาท (หักเงิน 5% = 750 บาท/เดือน หักเงิน 10% = 1,500 บาท/เดือน) กรณีทำอาชีพอิสระ ได้รับเงินค่าจ้างหรือรายได้มา 3,000 บาท (หักเงิน 5% = 150 บาท/ครั้ง หักเงิน 10% = 300 บาท/ครั้ง) การหักเงินแยกเก็บไว้อย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีที่ทำให้สามารถเก็บเงินได้สม่ำเสมอแบบไม่รู้สึกว่ากระทบต่อชีวิตประจำวันจนเกินไป และฝึกวินัยในการบริหารเงินส่วนบุคคลที่จะนำไปสู่การบริหารเงินอื่นๆ ได้แบบสบายๆ
เก็บในที่ที่เอามาใช้ยากกว่าปกติ
อุปสรรคหนึ่งของการเก็บเงินคืออดใจไม่ไหวเมื่อเห็นว่าตัวเองพอที่จะซื้อของที่อยากได้แบบสบายๆ ฉะนั้นการนำเงินส่วนที่ต้องการเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินไว้ใน บัญชีที่ไม่มีบัตรเอทีเอ็ม ไม่เชื่อม E-Banking หรือจะฝากคนในครอบครัวที่มั่นใจว่าเก็บเงินอยู่มือและไว้ใจได้ก็ไม่ใช่เรื่องผิด
โฆษณา