10 พ.ค. 2020 เวลา 11:58 • กีฬา
ทำความรู้จัก เรนาโต้ เคลิช ʀᴇɴᴀᴛᴏ ᴋᴇʟɪć ว่าที่กองหลังใหม่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
บุรีรัมย์ ยุไนเต็ด เพิ่งโล๊ะต่างชาติออกเกือบยกชุด หลังไทยลีก ต้องพักเบรกหนี โควิด-19 และจะกลับมาเตะอีกครั้งในเดือนกันยายน โดยทางไทยลีก เปิดโอกาสในสโมสรต่างๆ ลงทะเบียนนักเตะใหม่ได้ไม่จำกัดจำนวน
หลังจากบุรีรัมย์ ได้แยกทางกับ อันเดรส ตูเญซ ก็ตกเปิดข่าวเตรียมหากองหลังไซส์ยุโรปเข้ามาเสริมทัพ โดยเร่งเป้าไปที่ เรนาโต้ เคลิช กองหลังชาวโครเอเชีย ซึ่งโค้ชทีมต้นสังกัดของ เคลิช ก็ออกมายืนยันผ่าน glas-slavonije สื่อจากโครเอเชียว่า นักเตะดังกล่าวตกลงสัญญาย้ายมาเล่นในไทยลีก เรียบร้อยแล้ว
สำหรับ เรนาโต้ เคลิช กองหลังชาว โครเอเชีย มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนสูงที่สูงถึง 190 เซนติเมตร และอยู่ในช่วงอายุที่กำลังพีคของกองหลังก็คือในวัย 29 ปี ประสบการณ์ทีมชาติเจ้าตัวผ่านการติดทีมชาติโครเอเชียชุดเยาวชนมาแล้วแทบทุกชุด ไล่ตั้ง U-18 (8 นัด 1 ประตู), U-19 (13 นัด), U-20 (3 นัด), U-21 ( 9 นัด)
ซึ่งในรุ่น U-20 เคลิช ติดทีมไปเล่นลงฟุตบอลโลก 2011 รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ที่โคลัมเบีย และได้ลงเล่น 3 เกมเต็มในรอบแบ่งกลุ่ม แม้ไม่สามารถพาโครเอเชีย ผ่านเข้ารอบต่อไปได้ก็ตาม ซึ่งในชุดนั้นก็มีดาวเด่นอย่าง อันเดร ครามาริช ที่ค้าแข้งอยู่กับ ฮอฟเฟนไฮม์ ในบุนเดสลีก้า เยอรมัน ส่วนในรุ่น U-21 เคลิช เคยได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติโครเอเชีย และได้ลงเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักเตะอย่าง ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้ ที่อยู่ในชุดรองแชมป์โลก 2018 หรือกระทั้ง มาร์เซโล่ โบรโซวิช กองกลางของอินเตอร์ มิลาน
ด้านสโมสร เคลิช เติบโตมาในอคาเดมี่ของ ซิบาเลีย ทีมในโครเอเชีย ก่อนจะย้ายไปแจ้งเกิดกับ สโลวาน ลิเบอเรช ยอดทีมของเช็ก เคลิช รับใช้ทีมตั้งแต่ 2009-2014 เล่นไปทั้งหมด 121 นัด ยิงไป 6 ประตู และมีส่วนร่วมช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเช็ก ในปี 2011/12 อีกด้วย
ก่อนจะย้ายออกไปหาความท้าทายใหม่กับ ปาโดว่า ในอิตาลี ต่อเดียว ปุสกัส อคาเดเมีย ในฮังการี และซีเอส คราอิโอว่า ในโรมาเนีย ซึ่งกับคราอิโอว่า เคลิช เป็นกำลังพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยของโรมาเนีย และจบด้วยอันดับ 3 ในลีก
เคลิช ยังมีประสบการณ์ลงเล่นในฟุตบอลถ้วยระดับทวีปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (4 นัด) และ ยูโรป้า ลีก (15 นัด) ทั้งกับ สโลวาน ลิเบอเรช และซีเอส คราอิโอว่า ซึ่งการลงเล่นในระดับนี้ทำให้ เคลิช เคยดวลกับทีมดังๆ และนักเตะระดับโลกมาแล้ว ไล่ตั้งแต่ เอซี มิลานในยุด 2017/18 ได้ดวลกับนักเตะอย่าง ซูโซ่, ฮาคาน คัลฮาโนกลู, อังเดร ซิลวา หรือเจอกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ในฤดูกาล 2018/19 ได้เผชิญหน้ากับนักเตะอย่างเอมิล ฟอร์สเบิร์ก หรือยุสซุฟ โพลเซน (น่าเสียดายที่ ติโม แวร์เนอร์ ไม่ได้ลงสนามทั้งสองเกมที่ทั้งคู่เจอกัน) หรือดวลกับ เซบีย่า ในยูโรป้า 2013/14 ที่อูไน เอเมรี่ คุมทีมอยู่ โดยในตอนนั้น เคลิช เคยเจอกับนักเตะอย่าง เควิน กาเมโร่, อันโตนิโอ เรเยส และคาร์ลอส บัคก้า ซึ่งในปีนั้น เคลิช พาสโลวาน ลิเบอเรช เสมอเซบีย่า 1-1 ได้ทั้งสองนัดที่เจอกัน ก่อนที่ เซบีย่า จะก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีกสมัยแรกของทีม และอีก 2 สมัยติดต่อกัน
หลังจากลงเล่นในโรมาเนีย ร่วม 4 ฤดูกาล 110 นัด เคลิช ตัดสินใจยกเลิกสัญญา และมีข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรยักษ์ใหญ่ในโครเอเชียต้องการตัว เคลิช ไม่ว่า เอ็นเค ริเยก้า หรือไฮจ์ดุ๊ก สปลิต แต่ เคลิช เลือกกลับมาเล่นให้กับทีมแรกที่เขาเคยฝึกซ้อมอย่าง ซิบาเลีย โดยเคลิช บอกว่านี่คือหนึ่งในความฝันของเขาที่จะได้กลับมาเล่นให้กับทีมในวัยเด็กอย่าง ซิบาเลีย แม้ว่าทีมกำลังประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก และจมอยู่อันดับบ๊วยของลีกรองโครเอเชีย ก่อนลีกจะต้องปิดจากเหตุกาณ์โควิด-19
“ผมมาที่นี่ด้วยค่าเหนื่อยที่น้อยที่สุดเท่าที่ผมจะตกลงกับสโมสรได้ ผมไม่ได้มาเพื่อเงิน ผมมีความฝันที่จะลงเล่นในหับทีมชุดใหญ่ของ ซิบาเลีย ตอนนี้ฝันของผมกำลังจะเป็นจริง ผมมีความสุขมากๆ ที่เมืองของผม”
น่าเสียดายที่ เคลิช ลงสนามช่วย ซิบาเลีย ได้เพียง 3 นัด เนื่องด้วยเหตุการณ์โควิด-19 และเขาเซ็นสัญญากับ ซิบาเลีย ไว้เพียงครึ่งฤดูกาลหลังเท่านั้น และเขาก็ตัดสินใจเก็บสตั๊ดข้ามน้ำข้ามทะเลมาค้าแข้งในเมืองไทย กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งตามรายงานระบุว่า เคลิช จะมาเดินมาหลังหมดสัญญาในเดือน มิถุนายน
โฆษณา