5.คนหนักในอามิส คือพวกบ้าสมบัติ ตีค่าทรัพย์ว่าสำคัญกว่าความรู้ ทำให้ไม่ขวนขวายในการแสวงหาปัญญาเท่าที่ควร
6.คนจับจด คือพวกทำอะไรเหยาะแหยะไม่เอาจริง
7.นักเลงสุรา คือพวกขี้เมา ขาดสติ หมดโอกาสที่จะเรียนรู้
8.คนที่มีนิสัยเหมือนเด็ก คือพวกชอบเอิกเกริกสนุกเฮฮาจนเกินเหตุขาดความรับผิดชอบ
วิธีฝึกตนให้เป็นพหูสูต
1.ฉลาดเลือกเรียนแต่สิ่งที่ควร
2.ตั้งใจเรียนวิชาที่ตนเลือกแล้วอย่างเต็มความสามารถ
3.มีความกระตือรือร้นที่จะศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
4.ต้องหาความรู้ทางธรรมควบคู่ไปกับความรู้ทางโลกด้วย
5.เมื่อเรียนแล้วก็จำไว้เป็นอย่างดี พร้อมที่จะนำความรู้ไปใช้ได้ทันที
ข้อเตือนใจ
ถ้ามีความรู้ทางโลกอย่างเดียว ไม่ว่าตนเองจะเป็นคนฉลาดเพียงใดก็มีโอกาสพลาดพลั้งได้ เช่น มีความรู้เรื่องปรมาณู อาจนำไปใช้ในทางสันติเป็นแหล่งพลังงาน หรือนำไปสร้างเป็นระเบิดทำลายล้างชีวิตมนุษย์ก็ได้ เราจึงต้องศึกษาความรู้ทางธรรมไว้คอยกำกับความรู้ทางโลกด้วย ความรู้ทางธรรมจะเป็นเสมือนดวงประทีปส่องให้เห็นว่า สิ่งที่กระทำนั้นถูกหรือผิด ควรหรือไม่ควร
ผู้ที่คิดแต่จะตักตวงความรู้ทางโลก แม้จะฉลาดร่ำรวย มีอำนาจสักปานใดก็ไม่น่ารัก ไม่น่าเคารพ ไม่น่ายำเกรง ไม่น่านับถือ ยังเป็นบุคคลประเภทเอาตัวไม่รอด
โปรดจำไว้ว่า “ความรู้ที่เกิดแก่คนพาล ย่อมนำความฉิบหายมาให้ เพราะเขาจะนำความรู้ไปใช้ในทางที่ผิด ๆ”
เราทุกคนจึงควรจะแสวงหาโอกาสศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม และรู้ให้ลึกซึ้งเกินกว่าการงานที่ตนรับผิดชอบ ความรู้ที่เกินมานี้ จะเป็นเสมือนดวงประทีปส่องทางเบื้องหน้านำไปสู่ความสำเร็จได้โดยง่าย
อานิสงส์การเป็นพหูสูต