12 พ.ค. 2020 เวลา 12:23
วัดราชบูรณะและวัดกระซ้าย ติดอันดับ 8 สถานที่น่ากลัวที่สุดของเอเชีย เรื่องราวอันน่ากลัวเกี่ยวกับอาถรรพ์คำสาปของสมบัติเมืองกรุงเก่า ที่ฝรั่งถึงกับต้องเอาไปสร้างเป็นสารคดีโดย National Geographic
1
ภาพจาก:https://board.postjung.com/1070868
สารคดีชุด "I WOULDN'T GO IN THERE" ของ National Geographic Channel ที่ทำไว้ทั้งหมด 10 ตอน สารคดีชุดนี้ได้ทำการสำรวจเรื่องราวและที่มาของความน่ากลัวบนสถานที่หลายแห่งทั่วเอเชีย ดังนี้
- Hong Kong: Haunted School (ฮ่องกง:โรงเรียนผีสิง)
- Japan: Lost Souls Of Okinawa (ญี่ปุ่น:วิญญาณที่สาปสูญโอกินาวะ)
- Philippines: Haunted Hospital (ฟิลิปปินส์:โรงพยาบาลเฮี้ยน)
- Indonesia: Basement Ghosts (อินโดนีเซีย:วิญญาณที่ห้องใต้ดิน)
- Taiwan: Phantom Prisoners (ไต้หวัน:วิญญาณเหล่านักโทษ)
- Korea: House on the Hill (เกาหลีใต้:บ้านอาถรรพ์บนหุบเขา)
- Malaysia: Haunted Museum (มาเลเซีย:พิพิธภัณฑ์หลอน)
- Thailand: Cursed Treasure (ไทย:คำสาปแห่งกรุสมบัติ)
- Vietnam: Ghost Island (เวียดนาม:เกาะผี)
- India: Port Of No Return (อินเดีย:ท่าเรือลับที่ไม่มีใครได้กลับมา)
ภาพจาก:http://natgeotv.com/asia/iwgit/about
เจาะเวลาหาอดีตจะพาเจาะลึกเรื่องราวตามสารดคีชุดนี้ในตอน Thailand: Cursed Treasure (ไทย:คำสาปแห่งกรุสมบัติ) ณ วัดราชบูรณะและวัดกระซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อย้อนไปหลายสิบปีที่แล้วเมื่อปี พ.ศ. 2499 มีข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ เมื่อขโมยกลุ่มใหญ่ลักลอบขุดกรุวัดราชบูรณะ และมีเหตุการณ์น่ากลัวเกิดขึ้นที่เชื่อว่าเป็นอาถรรพ์คำสาปแห่งกรุสมบัติ หัวขโมยเล่าว่า ขณะทำที่การลักลอบขุดกรุ จู่ๆก็มีลมพัดกรรโชกและฝนตกอย่างแรง แต่ด้วยความโลภก็ยังขุดต่อไปจนเสร็จสรรพ
วัดราชบูรณะ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน หัวขโมยบางคนก็เริ่มเสียสติ นำสมบัติที่ขโมยไปหรือเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์ มาสวมและรำอยู่หน้าตลาดหัวรอ ร้านที่รับซื้อเครื่องทองจากกรุสมบัติไปก็เกิดไฟไหม้จนธุรกิจเจ๊ง หลายคนทรมานด้วยโรคแปลกประหลาด และบางคนก็หายสาปสูญ
เจาะเวลาหาอดีตได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับกรุสมบัติ ณ วัดราชบูรณะแห่งนี้ไว้แล้ว เชิญท่านผู้อ่านครับ⏬⏬⏬
แต่สารคดีชุดนี้ยังได้กล่าวถึงอาถรรพ์ของคำสาปกรุสมบัติของอีกสถานที่แห่ง นั่นคือ วัดกระซ้าย หรือ วัดเจ้าชาย
วัดกระซ้ายเป็นวัดที่มีความน่าสนใจบนหน้าประวัติศาสตร์ วัดกระซ้ายหรือวัดเจ้าชาย ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดวรเชตุเทพบำรุงนอกเกาะเมืองศรีอยุธยาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และอยู่ห่างจากวัดไชยวัฒนารามไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1 กิโลเมตร
ปัจจุบันเหลือหลักฐานสำคัญปรากฏให้เห็นเพียงอย่างเดียวคือ ซากเจดีย์ ทรงกลมบนฐานแปดเหลี่ยม ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทุ่งประเชด
เมื่อคราวสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2310) กองทัพของข้าศึกได้กระจายกำลังส่วนหนึ่งไปตั้งค่ายล้อมกรุงอยู่ตามวัดต่างๆ ที่
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพระนครรวมทั้งวัดกระช้ายแห่งนี้ด้วย
วัดกระซ้าย
เมื่อปี พ.ศ.2510 อาจารย์ น. ณ ปากน้ำ เคยเข้ามาทำการสำรวจวัดกระซ้ายและบันทึกไว้ว่า องค์เจดีย์เป็นเจดีย์สูงใหญ่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่งเห็นตระหง่านแต่ไกล เข้าใจว่าเป็นเจดีย์รุ่นผสมระหว่างเจดีย์ปาละกับ เจดีย์แบบลพบุรี ในองค์เจดีย์ก่อเป็นโพรงคล้ายกับวัดนางคำ ในคลองกุฎีดาว
1
และมีการเจาะช่องลมโดยรอบ น่าจะมีเจดีย์เล็ก สำหรับประดิษฐานสิ่งสักการะบางอย่างไว้ แต่ไม่เหลือร่องรอยอะไรให้เห็นแล้ว นอกจากร่องรอยคนร้ายลักขุดทะลวงตรงคอระฆังเป็นรูกว้างจนทะลุลงไปยังโพรงข้างใน ท่านได้รำพึงสิ่งที่พบเห็นไว้ในบันทึกนี้ว่า
"สมบัติของแผ่นดินที่บรรจุอยู่ในเจดีย์คงมีมิใช่น้อย นึกดูแล้วก็ออกเสียดายจนไม่อยากจะคิดถึง ต้องรีบปลงเสียโดยเร็ว"
มีประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเล่าขานกันมาว่า บริเวณทุ่งแห่งนี้ มีวัดอยู่ 2 วัดเป็นพี่น้องกัน วัดวรเชตุเทพบำรุง หรือวัดวรเชษฐาราม อยู่ทางทิศเหนือ เป็นวัดพี่ ชาวบ้านเชื่อกันว่าคือวัดที่สมเด็จพระเอกาทศรถทรงสร้างถวายแด่สมเด็จพระนเรศวร ส่วนวัดกระช้าย เป็นวัดน้อง ซึ่งชาวบ้านหมายถึงสมเด็จพระเอกาทศรถ
แผนที่วัดกระซ้าย
ซึ่งยังเป็นยังข้อถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ว่าวัดวรเชตุฯ ที่ทุ่งประเชดแห่งนี้ จะเป็นวัดเดียวกับที่สมเด็จพระเอกาทศรถทรงสร้างขึ้น เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระนเรศวร พระเชษฐาธิราชหรือไม่ เพราะยังมีวัดวรเชษฐ์อีกแห่งหนึ่งอยู่ในเกาะเมืองใกล้กับพระราชวังหลวง
วัดกระซ้าย ภาพจาก:https://m.facebook.com/629854510431777/photos/วัดกระซ้าย-หรือ-วัดเจ้าชาย/1447497768667443/
แต่ถ้าเห็นคล้อยตามประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่กล่าวถึง ความเกี่ยวพันระหว่างวัด 2 วัดกลางทุ่งประเชดดังกล่าวข้างต้นแล้วก็อาจเป็นไปได้ว่า วัดที่สมเด็จพระเอกาทศรถทรงสร้างถวายสมเด็จพระนเรศวร น่าจะหมายถึงวัดวรเชตุฯ ที่ทุ่งประเชด ประกอบกับชื่อวัดกระซ้ายเพี้ยนมาจากคำว่าเจ้าชาย ก็ยิ่งทำให้คล้อยตามความเชื่อของชาวบ้านว่าวัดนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับผู้สร้างที่เป็นเชื้อพระวงศ์ ซึ่งอาจหมายถึงสมเด็จพระเอกาทศรถก็เป็นได้
จนสันนิษฐานว่า ชื่อวัดเจ้าชาย ต่อมาคงเรียกเพี้ยนกันไปตามภาษาปากของชาวบ้านจนกลายเป็น"วัดกระซ้าย"
วัดกระซ้ายเป็นที่ร่ำลือถึงความน่ากลัว วันดีคืนดีจะเห็นคนนุ่งขาวห่มขาวเดินบนคันนาเป็นขบวนใหญ่มุ่งตรงไปที่องค์เจดีย์ บ้างก็เล่าว่าเคยมีคนมาหานก ตกปลา ในบริเวณวัดกระซ้ายแห่งนี้ แต่ก็ต้องกลับไปตัวเปล่าทุกครั้ง
1
บ้างก็เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้มีกรุสมบัติอาถรรพ์ที่มีปู่โสมเฝ้าทรัพย์อยู่ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์หัวขโมยลักลอบขุดกรุ เจาะบริเวณพระเจดีย์เข้าสู่โพรงภายใน แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันโพรงภายในถล่ม หัวขโมยนอนตายอยู่ในโพรงนั้น สภาพอนาถตาค้างเหมือนพบเห็นอะไรบางอย่าง และคอที่หักหมุนได้รอบทิศ จนเป็นที่ร่ำลือถึงความเฮี้ยนกับชาวบ้านในละแวกนั้น
1
รวมทั้งบริเวณนี้ได้มีคนเข้ามาปลิดชีพตนเองด้วยการผูกคอตาย โดยล่าสุดพึ่งเกิดไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค. พ.ศ.2563 ที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง บริเวณพบศพอยู่ตรงบริเวณต้นไม้หลังเจดีย์
ภาพจาก:https://www.amarintv.com/news/detail/24232
https://www.amarintv.com/news/detail/24482
แต่ความน่ากลัวยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เมื่อคนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ต่างให้ข้อมูลว่า วัดกระซ้ายแห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีคนมาผูกคอตายเป็นประจำหลายศพ บ้างก็เชื่อว่าเพราะอาถรรพ์ บ้างก็เชื่อว่าเพราะผู้ตายได้มาดูถูกท้าทายต่อสิ่งเร้นลับในวัด จึงถูกนำมาเป็นตัวตายตัวแทน
และนี่คือเรื่องราวความน่ากลัวที่ร่ำลือดังไกลถึงขนาดที่ National Geographic Channel นำมาสร้างเป็นสารคดี
ท่านผู้อ่านล่ะครับ คิดว่าอย่างไร ?
โปรดใช้วิจารณญาณ
❤️กดไลค์ กดแชร์ ติดตามเป็นกำลังใจ❤️
🙏ขอบพระคุณครับ🙏
อ้างอิง:
หนังสือ: อยุธยาที่ไม่คุ้นเคย โดย ปวัตร์ นวะมะรัตน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา