15 พ.ค. 2020 เวลา 09:33 • ประวัติศาสตร์
EP.3จบ อากริพพินา ต้นเหตุของฉายา นีโร จักรพรรดิจอมกระหายเลือด
"จักรพรรดินีโรมัน สังหารทุกคนที่เข้ามาขัดขวางพระนาง"
จักรพรรดินีโร แสดงโดย Hans Matheson ในเรื่อง Nero 2004
เพราะคลอดิอุสไม่เชื่อฟังอากริพพินาอีกต่อไป พระนางต้องหาทางกำจัดเขา
เพื่ออนาคตที่ยิ่งใหญ่ของลูก(?)
ขณะนั้นคลอดิอุสเองก็ ตาสว่าง พระองค์พึ่งตระหนักได้ว่า ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลต่างๆ แต่ก็สายเกินไป อากริพพินาจัดการคลอดิอุสด้วยเห็ดพิษ โดยใส่ลงไปในอาหารที่จัดขึ้นในงานเลี้ยง คลอดิอุสจึงมีอายุได้63ปีพอดี
จากนั้นอากริพพินาเร่งดำเนินการตามแผน ปลอมแปลงเอกสารต่าง โดยการตัดต่อข้อความ เพื่อผลักดันให้นีโรได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ
ทุกอย่างเป็นไปตามสมใจปราถนาของอากริพพินา นีโรได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ และตามธรรมเนียนโรมันโบราณ จักรพรรดินีจะได้รับตำแหน่งนักบวชสตรีผู้มีอำนาจในการบูชาจักรพรรดิ และเข้าไปฟังประชุมสภาได้โดยไม่ต้องผ่านหลังม่าน
ว่ากันตามประวัติศาสตร์ แต่เดิมความฝันของจักรพรรดินีโร คือการได้เป็นนักดนตรี เขาไม่ได้อยากเป็นกษัตริย์ ช่วงเวลาที่นีโรได้ย้ายไปอยู่กับแม่ เขาควรจะรู้สึกดีใจ แต่ในความเป็นจริง กลับรู้สึกผิดหวัง และโกรธแค้นอยู่ในใจ เพราะเหมือนโดนหลอกใช้ จากแม่ ผู้ซึ่งอ้างว่า 'ทำเพื่อลูก' ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามในช่วงที่นีโรได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ เขาตั้งใจอย่างมากที่จะเป็นกษัตริย์ที่ดี ไม่ให้เป็นเหมือนลุง หรือจักรพรรดิคาลิกุลาเด็ดขาด(ก็เหมือนกับตอนที่คาลิกุลาบอกว่า จะไม่เป็นเหมือนไทเบอริอุส พ่อบุญธรรมของเขาเหมือนกัน)
รูปปั้นอากริพพินาสวมมงกุฏให้ลูกชายตัวเอง
ในตอนแรกของการประชุมสภา นีโรพยายามเข้าใจ'ความเจ้ากี้เจ้าการ'ของแม่ แต่หลังออกว่าราชการไปเรื่อยๆ นีโรเริ่มมีการเติบโต และมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
ในขณะเดียวกันนีโรก็รับคลอเดีย แอคเต้(Claudia Acte)ผู้หญิงที่รักเมื่อครั้งที่เคยลำบากด้วยกันกลับมาและแต่งตั้งเป็นมเหสี แต่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกใจอากริพพินาเป็นอย่างมาก เพราะแอคเต้เคยเป็นอดีตทาสมาก่อน
ความสัมพันธ์ของอากริพพินาและจักรพรรดินีโร เริ่มห่างเหินขึ้นเรื่อยๆ พระนางคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับลูกของตัวเอง เพราะพระนางเป็นคนยื่นบัลลังก์ทองนี้ให้ จักรพรรดิควรทำตามคำสั่งของจักรพรรดินี ผู้เป็นแม่มากกว่า
และจุดแตกหักก็มาถึง เมื่ออากริพพินาไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ จึงตัดสินใจหันไปสนับสนุนบริทานิคัส ผู้ที่จักรพรรดิคลอดิอุสเคยวางตัวให้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป พร้อมทั้งขู่นีโรอีกว่า หากยังไม่ยอมฟังคำสั่งของแม่ พระนางจะเอาหลักฐานสิทธ์การขึ้นครองบังลังก์ของคลอดิอุสฉบับจริงมาเปิดเผย ถึงครานั้นนีโรคงไม่พ้นโทษประหาร เพราะแอบอ้างสิทธิ์การเป็นจักรพรรดิ
จักรพรรดินีโรและอากริพพินา ในเรื่อง Nero's weekend 1956
จักรพรรดินีโรรู้นิสัยแม่ของตัวเองดี การขู่ครั้งนี้ของอากริพพินา เป็นสัญญาณเตือนครั้งสุดท้าย แต่เขาจะนิ่งเฉยต่อไปได้อย่างไร
สิ่งหนึ่งที่อากริพพินาลืมไป ว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น จักรพรรดินีโรในวัยเพียง18ปี เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ได้จัดงานเลี้ยงใหญ่ขึ้น แน่นอนว่าบริทานิคัสได้ถูกเชิญมาด้วย
และในคืนนั้นเองบริทานิคัสได้ถูกวางยาจนถึงแก่ความตาย ด้วยเห็ดพิษชนิดเดียวกับที่อากริพพินาใช้สังหารคลอดิอุสหรืออาของพระนางนั่นเอง!!!
อากริพพินาต่อว่าจักรพรรดินีโรที่วางยาสังหารบริทานิคัส
นี่คือการประกาศสงครามแม่ลูก ว่าจักรพรรดินีโรคือศัตรูของอากริพพินาโดยสมบูรณ์
จักรพรรดิหนุ่มวัย18-22 และอากริพพินาวัย40-43 ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่สามารถหวนกลับคืนมาได้อีกแล้ว เจอหน้ากันก็บึ้งตึงใส่กัน จะ(ปั้น)ยิ้มให้ก็ต่อเมื่อต้องเข้าร่วมพิธีสำคัญเท่านั้น
ค.ศ.55 จักรพรรดินีโรบีบบังคับแม่ของตัวเองให้ออกจากวังหลวง และอาศัยในที่ที่จัดไว้ให้เป็นพิเศษ
เท่านั้นยังไม่พอ นีโรได้ตัดกำลังและเกียรติยศทั้งหมดของอากริพพินาที่เคยมีมา มากไปกว่านั้นคือ ถอดถอนองค์รักษ์ชาวโรมันและเยอรมันของพระนางออกไปทั้งหมดด้วย
นับว่าเป็นการถอนรากถอนโคนอย่างแท้จริง
ไม่รู้ว่าอากริพพินายังไม่หยุดหรือนีโรกันแน่ที่กลัวแม่ของตัวเอง เขาถึงกับเนรเทศแม่แท้ๆออกไปจากทุกวัง อยู่ได้แค่ในคฤหาสน์ริมน้ำย่าน มิเซนุ่ม(Misenum)เท่านั้น
Misenum ในปัจจุบัน
ถึงแม้จะเนรเทศแม่ของตัวเองออกไปแล้ว จักรพรรดินีโรก็ยังกระวนกระวายใจเหมือนเดิม ความกดดันจากอากริพพินาที่เข้ามาวุ่นวายและพยายามใช้อิทธิพลทุกรูปแบบเพื่อทำให้นีโรกลายเป็นลูกไก่ในกำมือ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก การเข้ามาแทรกแซงการปกครอง หรือผลักดันคนอื่นขึ้นมาเป็นจักรพรรดิแทน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อากริพพินาทำ มีผลต่อ'สภาพจิตใจ'ของนีโรทั้งสิ้น ความกดดันลึกๆนี้ทำให้เขาคิดว่า ต้อง'กำจัดอากริพพินา'ไปพ้นๆชีวิตตัวเองบ้าง
อากริพพินากำลังจมน้ำ
นีโรมองดูศพพระมารดา
การตัดสินใจกำจัดอากริพพินาให้พ้นๆทางสักที แม้นักประวัติศาสตร์จะเขียนไม่ค่อยตรงกัน แต่ก็สรุปออกมาได้ว่า จักรพรรดินีโรต้องการฆ่าแม่ของตัวเอง โดยจัดฉากให้อากริพพินาเสียชีวิตในกระแสน้ำระหว่างเดินเรือ พูดง่ายๆก็คือ ทำให้จมน้ำตาย
สภาพของนีโรเมื่ออากริพพินาตาย
แต่อากริพพินาไม่ได้ตายง่ายๆ พระนางว่ายน้ำเข้าฝั่งมาได้ นีโรจึงส่งนักฆ่าไปสังหารทันที
ในปีค.ศ.59 ถือเป็นการปิดฉากอากริพพินา จักรพรรดินีผู้โหดร้ายแห่งโรมัน
แต่สำหรับจักรพรรดินีโร ไม่ได้จบอยู่แค่นั้น แม้ว่าจะมีบุคคลชั้นนำแห่งโรมเข้ามาแสดงความยินดีที่นีโรสามารถรอดพ้นน้ำมือการสังหารของพระมารดามาได้ แต่ว่ากันว่า วันที่เผาศพอากริพพินานั้น นีโรไม่พูดอะไรเลยสักคำ แถมยังรู้สึกขนลุกตลอดเวลา
หลังจากนั้นอาการหลอนของจักรพรรดินีโรเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆจนถึงขีดสุด นีโรเห็นวิญญาณของอากริพพินายังวนเวียนอยู่รอบตัว ถึงขนาดต้องให้หมอผีชาวเปอร์เซียมาช่วยไล่วิญญาณให้ แต่ก็ไม่เป็นผล
ชีวิตของจักรพรรดินีโรหลังจากนี้คือเหลวแหลก ไม่ต่างอะไรกับจักรพรรดิคาลิกุลา ผู้เป็นลุงของเขาเลย แค่เปลี่ยนจากคาลิกุลา จักรพรรดิวิปริต เป็นนีโร จักรพรรดิกระหายเลือดเท่านั้นเอง
#TheEnd
ปล.อ้างอิงจากหนังสือราชินีจอมโหด ผู้แต่ง รวิโรจน์
ตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2558
โฆษณา