15 พ.ค. 2020 เวลา 07:00
เฮนดรี้ VS รอนนี่ : คู่ปรับวงการสนุกเกอร์ที่ไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้
"ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ รอนนี่ โอซัลลิแวน นั้น จะให้ใช้คำว่าเพื่อนก็คงจะมากเกินไป" ... นี่คือคำพูดของ สตีเฟ่น เฮนดรี้ นักสนุกเกอร์ที่คว้าแชมป์โลกมากที่สุดในโลก
ทั้ง เฮนดรี้ และ รอนนี่ คือสุดยอดในยุคของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย แต่คำถามคือถ้าต่างคนต่างพีกมาปะทะกัน ใครล่ะคือ G.O.A.T. หรือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
วงการอื่นๆ คุณอาจจะได้คำตอบที่แบเบอร์ ... แต่สำหรับวงการสนุกเกอร์นั้นยากหน่อย พวกเขาไม่ใช่เพื่อนกันและต่างฝ่ายก็ต่างเชื่อว่า "ผมเก่งกว่า" และมันมีเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่ยอมปริปากยอมรับว่าตนเองสู้ไม่ได้แม้แต่น้อย...
ติดตามความสัมพันธ์ในแบบคู่แข่งเต็ม 100% ของ เฮนดรี้ และ รอนนี่ ได้ที่นี่
2 เด็กน้อยผู้ขายวิญญาณให้ สนุกเกอร์
ก่อนที่จะตัดสินและหาคำตอบว่าใครเก่งกว่าใคร และความสัมพันธ์ระหว่าง สตีเฟ่น เฮนดรี้ และ รอนนี่ โอซัลลิแวน เป็นเช่นไร เราต้องมองหาสิ่งที่เหมือนกันในตัวของพวกเขาให้เจอก่อน และแน่นอนว่าการเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในยุคของตัวเอง ย่อมต้องแลกมาด้วยความพยายามที่คนธรรมดานึกภาพไม่ออก "เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย" คือคำกล่าวที่เหมาะกับทั้ง เฮนดรี้ และ รอนนี่ อย่างแท้จริง
Photo : yumblog.co.uk
เฮนดรี้ จากสก็อตแลนด์ได้รับฉายาว่า "โกลเด้น บอย" ด้วยการเทิร์นโปรตั้งแต่อายุ 16 ปี ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาได้โต๊ะสนุ๊กเป็นของขวัญคริสต์มาสตอนอายุ 12 ปี หลังจากนั้นเขาก็เล่นแต่สนุกเกอร์ และทิ้งกีฬาทุกอย่างที่เคยเล่นไปจนหมดสิ้น จนสุดท้ายเขาสร้างศาสตร์แขนงใหม่ให้วงการสนุกเกอร์ขึ้นมา นั่นคือสนุกเกอร์เกมรุกที่เล่นเร็ว ยิงไว แต่เป็นการเล่นที่ผ่านกระบวนการทางความคิดแบบเฉียบขาด จนได้ฉายาว่าหนึ่งในนักสนุกเกอร์ที่วางแผนและกลยุทธ์เก่งที่สุดในเวลาต่อมา
ขณะที่ รอนนี่ โอซัลลิแวน นั้น คือเด็กนรกแห่งวงการสนุกเกอร์ของจริง เด็กชายชาวอังกฤษเล่นสนุ๊กตั้งแต่ 7 ขวบ เขาเป็นคนที่มีความอัจฉริยะคิดเล่นลูกพลิกแพลง ช็อตเหนือความคาดหมาย และยากที่ใครจะไล่เขาจน ซึ่งทั้งหมดผ่านการฝึกแบบสุดโหดจนกลายเป็นความเชี่ยวชาญที่สามารถจัดการอุปสรรคบนโต๊ะสนุ้กได้อย่างรวดเร็ว เฮนดรี้ ที่ว่าเร็วแล้ว ยังขึ้นชื่อไม่เท่าที่ รอนนี่ เป็น คิดเร็ว ทำไว แม่นจริง คือสโลแกนของเขาก็ว่าได้ และนั่นทำให้เขาได้ฉายาว่า "เดอะ ร็อคเก็ต" โดยมีที่มาจากการแทงเร็วอย่างกับจรวดนั่นเอง
ทั้งคู่เทิร์นโปรตอนอายุ 16 ปี เหมือนกัน และเป็นเด็กที่มีความนิ่ง มีวิสัยทัศนของผู้ชนะแบบเต็มเปี่ยม ตัวของ เฮนดรี้ นั้นอยากจะเป็นเบอร์ 1 ของโลกและมั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ด้วยความพยายามอันสูงส่ง ซ้อมหนักแทบตายเพื่อผลลัพธ์ที่แสนง่ายดายในการแข่งขันจริง เขาอยากสยบโลกด้วยความหยิ่งผยองแบบแชมเปี้ยน
Photo : www.dailymail.co.uk | PA
ขณะที่ รอนนี่ นั้นอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น หมอนี่คือเด็กอัจฉริยะที่สามารถทำเซ็นจูรี่เบรกได้ตั้งแต่ 9 ขวบ และเติบโตมาพร้อมๆ กับปัญหาครอบครัวที่พ่อและแม่ต้องติดคุกและสู้คดีความ เหลือให้เขาต้องคอยปกป้องดูแลน้องสาวไปพร้อมๆ กับการเปิดร้านเซ็กซ์ทอยเพื่อหารายได้ ซึ่งความลำบากนี้เองทำให้เขาพยายามฝึกอย่างหนักไม่แพ้ เฮนดรี่ แต่สิ่งที่แตกต่างเล็กน้อยคือชีวิตที่ขรุขระนั้นส่งผ่านมาถึงสไตล์การเล่นในแบบของนักสู้
คนหนึ่งสู้เพื่อความต้องการเป็นมือ 1 ในการตอบสนองความกระหายส่วนตัว อยากเป็นเหมือน ไทเกอร์ วู้ดส์, มิชาเอล ชูมัคเกอร์ และแชมเปี้ยนส์ในวงการต่างๆ ของโลก
1
ขณะที่อีกหนึ่ง สถานการณ์ชีวิตบีบบังคับให้ถอยไม่ได้ จึงจำเป็นต้องทุ่มสุดแรงเกิดเพื่อความอยู่รอด ... แม้แรงถีบของ เฮนดรี้ และ รอนนี่ จะแตกต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ไม่ต่าง เพราะทั้งคู่ต่างก็พยายามอย่างเอาเป็นเอาตายจนกลายเป็นปรมจารย์ในยุคของตนเองทั้งสิ้น ...
คำถามโลกแตก
จากที่กล่าวมาในข้างต้นนั้นแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามการหาคำตอบชัดๆ ว่าสุดท้ายแล้วใครยิ่งใหญ่กว่าใครแบบชัดเจน 100% มันกลับกลายเป็นคำถามที่ตอบได้ยากยิ่งเสียเหลือเกิน เพราะช่วงเวลาพีกของทั้งคู่คลาดเคลื่อนกันไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น วันที่ เฮนดรี้ พีกที่สุด รอนนี่ ก็เพิ่งเข้าสู่วงการสนุกเกอร์ และในวันนี่ รอนนี่ พีกที่สุด เฮนดรี้ ก็มีแชมป์ติดไม้ติดมือมากมาย ซึ่งพอจะคาดเดาได้ว่า ไฟแห่งความกระหายก็คงไม่เท่าตอนที่เขาอยากจะพิสูจน์ตัวเองเหมือนตอนขึ้นรุ่นมาใหม่ๆ แน่
Photo : www.the42.ie
"ในช่วงยุค 90's ผมไม่เคยมีเวลาสังสรรค์กับผู้เล่นคนอื่นๆ เลย ผมได้รับฉายาว่า 'ไอซ์แมน' ซึ่งมองย้อนกลับไปมันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น ผมรู้สึกว่าผมเป็นเหมือนสัตว์ที่โดนฝึกมาเพื่อให้ออกไปคว้าชัยชนะในการแข่งขัน" เฮนดรี้ กล่าวถึงช่วงเวลาที่เขาพีกสุดๆ ด้วยการคว้าแชมป์โลก 7 สมัย และแชมป์อื่นๆ อีกมากมายรวมไปถึงการครองมือ 1 ของโลกยาวนานถึง 7 ปี
"มองย้อนกลับไปมันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น" ย้ำตรงคำพูดนี้อีกสักครั้ง ซึ่งมันชัดเจนว่าในวันที่เขาประสบความสำเร็จมากพอ เขาก็มีความรู้สึกอิ่มกับการคว้าแชมป์ไปพอสมควร ด้วยการคลาดเคลื่อนของเวลา ทำให้ข้อสงสัยว่าใครเก่งกว่ากัน ใครยิ่งใหญ่กว่ากันนั้น เป็นคำถามที่คลาสสิกพอๆ กับการหาเบอร์ 1 ในวงการกีฬาอื่นๆ เลยทีเดียว เพราะคำตอบมันไม่มีผิดมีถูก ขึ้นอยู่กับว่าคนตอบจะชอบใครมากกว่าเท่านั้นเอง
จิมมี่ ไวท์ อดีตสุดยอดนักสนุกเกอร์ก็เคยตอบคำถามนี้ ซึ่งแม้แต่ตัวของ ไวท์ ที่เคยดวลกับทั้ง 2 คนยังคงให้คำตอบแบบกั๊กๆ ไม่ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วใครคือผู้ชนะกันแน่
Photo : www.irishtimes.com
"ต้องบอกว่าวงการสนุกเกอร์ได้เจอกับนักกีฬาระดับเหลือเชื่อคนแรกคือ สตีฟ เดวิส และหลังจากนั้น สตีเฟ่น เฮนดรี้ ก็เข้ามาท้าชิงยุคสมัยนั้นและพาวงการสนุกเกอร์ก้าวไปอีกระดับ ซึ่งตัวผมเองก็คาดไม่ถึงว่าจะมีใครเก่งขนาดนี้ จนกระทั่งหลังจากหมดยุคของเขาและมี รอนนี่ โอซัลลิแวน เข้ามา" จิมมี่ ไวท์ ให้สัมภาษณ์กับ ยูโรสปอร์ต หลังจากกล่าวจบประโยคนั้น เขาถูกตามต่อว่าสรุปแล้วใครเก่งกว่าใคร ไวท์ ก็ตอบในเชิงเปรียบเทียบว่า
"เมื่อคุณพยายามจะเปรียบเทียบ เฮนดรี้ กับ รอนนี่ แล้ว ผมว่ามันเหมือนกับการเอา มูฮัมหมัด อาลี กับ ไมค์ ไทสัน มาเทียบกัน ซึ่งแต่ละคนก็มียุคของตัวเองที่พวกเขาเอาชนะคนอื่นๆ ได้ง่ายและคว้าแชมป์มากมาย"
มาถึงตรงนี้ ไวท์ โดนผู้สัมภาษณ์ไล่จนจนมุมด้วยการให้เขาเลือกว่า ขอคนเดียว ... ใครคือเบอร์ 1? ไวท์ จึงเริ่มให้คำตอบในแบบที่เอียงไปทาง รอนนี่ มากกว่า
Photo : ProSnookerBlog
"ในยุค 90 เฮนดรี้ เจอคู่แข่งเก่งๆ ไม่กี่คนรอบตัวเขา ผมมองว่าเขาจะสบายกว่า รอนนี่ เล็กน้อย เพราะหลังจากนั้นไม่นานเหล่าสุดยอดนักสนุ้กก็พร้อมกันแจ้งเกิดทั้ง จอห์น ฮิกกิ้นส์, มาร์ค เจ วิลเลี่ยมส์, พอล ฮันเตอร์ และแน่นอน รอนนี่ โอซัลลิแวน ซึ่งจากเหตุผลนี้ผมขอตอบว่า รอนนี่ คือ G.O.A.T. ของวงการสนุกเกอร์ที่แท้จริง และเชื่อว่าถ้าคุณถาม เฮนดรี้ เขาก็น่าจะบอกแบบนั้น"
ซึ่งแม้คำตอบนี้จะมีชื่อของ รอนนี่ มาเป็นอันดับแรก แต่สุดท้ายมันก็วนกลับไปเรื่องเดิมคือ "เวลาที่ดีที่สุดของทั้งคู่นั้นต่างกัน" จึงฟันธงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวของ เฮนดรี้ เองไม่คิดว่าเขาจะเป็นรอง รอนนี่ แม้ว่าสถิติเฮดทูเฮดจะเป็นรอง (เจอกัน 56 ครั้ง รอนนี่ชนะ 30 เฮนดรี้ชนะ 21 เสมอ 5) ก็ตาม
ความผยองของแชมป์โลก 7 สมัย
เฮนดรี้ นั้นเป็นคนที่มีความจองหองและผยองในแบบของแชมเปี้ยนตัวจริงเสียงจริง คำพูดของเขาค่อนข้างโผงผาง วิจารณ์คนอื่นแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่แฟนๆ สนุกเกอร์ให้ความนิยมในตัวของ รอนนี่ ที่มีความแบดบอยออกแนวพระเอกจอมกวนมากกว่า (เจ้าตัวยอมรับเอง) แม้ว่า เฮนดรี้ จะมีแชมป์โลกถึง 7 สมัยก็ตาม
Photo : www.dailymail.co.uk
"บางทีผมและ สตีฟ เดวิส อาจจะดูไม่น่าสนใจพอ สิ่งที่เราทำคือฝึกซ้อมแล้วเล่นชนะแมตช์ ขณะที่รอนนี่ ในช่วงแรกๆ เขามีมาดของแบดบอย เหมือนกับ จิมมี่ (ไวท์) และ อเล็กซ์ ฮิกกินส์ (ตำนานนักสนุ้กยุค 70's-80's) จากนั้นเขาก็เริ่มคว้าแชมป์ได้เรื่อยๆ แต่นั่นกลับไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด เพราะมีแฟนๆ ไม่น้อยที่ไม่สนใจว่าเขาจะคว้าแชมป์กี่รายการ แต่ต้องการให้เขาสร้างความบันเทิงไปเรื่อยๆ มากกว่า" เฮนดรี้ กล่าว
"เขาต้องแบกรับความคาดหวังของกองเชียร์ไว้ ทำให้เกิดความกดดัน กองเชียร์อย่างน้อย 95% ต้องการให้คุณชนะ แต่หากเกิดความผิดพลาดขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ความเกร็งก็จะเพิ่มขึ้นเพราะไม่อยากให้ผู้ชมผิดหวัง น่าสนใจว่ารอนนี่จะทำอย่างไรหากกองเชียร์ต่อต้านเขา ... แต่เรื่องแบบนั้นไม่มีวันเกิดขึ้น" เฮนดรี้ กล่าวเชิงปลงและน้อยใจในเวลาเดียวกัน
แต่ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น เฮนดรี้ ก็ยังคงเป็นเขาคนเดิมนั่นคือไม่สามารถกล่าวชื่นชมใครว่าเก่งกว่าตัวเองได้ 100% เขาอาจจะยอมรับว่า รอนนี่ คือนักสนุ้กขวัญใจแฟนๆ เล่นสนุก, ลีลาเร้าใจ และมาดเท่ แต่สุดท้ายแล้ว เฮนดรี้ ยังเชื่อว่าเรื่องของฝีมือ รอนนี่ ไม่น่าจะสู้ตัวเขาในวันที่พีกที่สุดได้
Photo : www.expressandstar.com
"ถ้าเราเจอกันในช่วงเวลาที่ต่างคนต่างดีที่สุด ผมคิดว่าผมจะชนะเอาชนะเขาได้ ถ้าเราเล่นกันแบบ 4 เซสชั่น (four-session match : หมายถึงแมตช์ที่แข่งกัน 33-35 เฟรม อย่างในศึกชิงแชมป์โลกรอบรองกับรอบชิง จนต้องแบ่งเป็น 4 เซสชั่น 2 วันแข่ง) ผมเชือดเขาได้แน่ เพราะผมเป็นพวกที่ปรับตัวได้เร็ว ผมมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งมาก ส่วนตัวของเขานั้นต้องยอมรับว่าเขามีพรสวรรค์สูงกว่าผม วัดจากระยะเวลาในการกวาดหมดโต๊ะดูก็ได้ รอนนี่ สามารถใช้เวลาแค่ 4 นาทีครึ่งสำหรับ แม็กซิมั่มเบรก ส่วนสถิติที่ดีที่สุดของผมในการทำแม็กซิมั่มคือ 9 นาที" นี่คือคำตอบของ เฮนดรี้ ที่ถึงแม้เขาจะบอกว่าเขาเป็นคนชนะ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังพูดถึงบางจุดที่เขาสู้ รอนนี่ ไม่ได้ และ 1 ในนั้นคือพรสวรรค์นั่นเอง
ปล่อยมันไว้ให้คลาสสิกอย่างนั้น
วงการกีฬามีศึกชิงเบอร์ 1 ให้เราเห็นมามากมาย ฟุตบอลมี โรนัลโด้ กับ เมสซี่, เทนนิส มี เฟเดอเรอร์ กับ นาดาล ซึ่ง 4 คน 2 คู่นี้มีความเป็นเพื่อนกันในระดับหนึ่งถึงแม้จะเป็นคู่แข่งกันก็ตาม โดยเฉพาะในรายของ เฟเดอเรอร์ กับ นาดาล นั้นสามารถใช้คำว่าซี้ได้เลย
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง เฮนดรี้ และ รอนนี่ เข้าขั้นความสัมพันธ์แบบคู่แข่งเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะตอนที่ยังเล่นอยู่ด้วยกัน (เฮนดรี้ แขวนคิวปี 2012) ที่เจอกันมาหลายครั้งต่อหลายครั้ง แต่การเจอหน้ากันของทั้งคู่ก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่าสรุปแล้วโกรธ, เกลียด หรือ เคารพกัน?
Photo : www.theguardian.com
"พูดตรงๆ นะ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ รอนนี่ นั้นจะให้ใช้คำว่าเพื่อนก็คงจะมากไป เพราะตัวของเขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีอารมณ์แปรปรวนและซับซ้อน มีหลายครั้งที่เราพยายามคุยกันดีๆ และดูเหมือนความสัมพันธ์จะโอเคขึ้น แต่สุดท้ายแล้วตกอีกวันเขากลับเดินผ่านคุณด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่มีทักมีทายได้ ... นั่นล่ะคือสิ่งที่เราเป็น" เฮนดรี้ เล่ามุมของเขา
ขณะที่ รอนนี่ ก็ไม่ปฎิเสธ ในวัยหนุ่มนั้นเขาเจอกับปัญหาเรื่องครอบครัวมากมาย และกลายเป็นคนมีอารมณ์แปรปรวนรับมือยาก จึงทำให้เขาไม่ค่อยมีเพื่อน และความจริงนี้ถูกยืนยันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่เขานับถือคำสอนของศาสนาพุทธเรื่องการปล่อยวาง จนถึงกับมีข่าวว่าในอนาคตเขาอยากมาบวชที่เมืองไทยเลยทีเดียว
"ผมเสพติดอะไรหลายๆ อย่างทั้ง ยา, อาหาร, ผู้หญิง และการพนัน ผมไปสุดทุกด้าน ... ผมอาจจะเคยทะเยอทะยานเหยียบย่ำคนอื่นๆ แต่ต้องยอมรับว่าผมไม่ได้ทำไปให้ตัวเองดูแย่ แต่ผมทำเพราะผมต้องการแสวงหาการเป็นเบอร์ 1 ให้กับตัวเอง" รอนนี่ โอซัลลิแวน ในวัย 43 ปี ย้อนกลับไปมองช่วงเวลาที่เกิดขึ้นกับเขาในอดีต
เหตุผลที่หาคำตอบไม่ได้?
อ่านมาถึงตรงนี้คุณอาจจะสงสัยว่า สุดท้ายแล้วคำตอบก็ไม่ชัดเจนขึ้นเลยว่าใครเก่งกว่ากัน และจะอ่านมาทำไมตั้งยืดยาว ... แต่อย่างน้อยมีอีกมุมหนึ่งที่จะทำให้คุณเข้าใจว่า ทำไมการเถียงกันระหว่าง เฮนดรี้ และ รอนนี่ จึงไม่ลงตัว และไม่มีใครยอมรับอีกฝ่ายเลย
Photo : theoldgreenbaize.com
เหตุผลก็คือต่างคนต่างใช้ชีวิตกับสนุกเกอร์จนสุดทาง แต่ละต้องสูญเสียชีวิตส่วนตัวไปในการแลกกับความยิ่งใหญ่ในวงการสอยคิว
เฮนดรี้ และ รอนนี่ ให้สัมภาษณ์ไปในทางเดียวกันว่า ความทะเยอทะยานทำให้พวกเขามองไม่เห็นคนรอบข้าง คิดแต่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งแม้ปลายทางจะเป็นเช่นจริงๆ แต่พวกเขาทั้งคู่ต่างคิดเหมือนกันว่าตนเองได้ทำอะไรที่สุดโต่งจนเกินไป
รอนนี่ เริ่มเล่ามุมมืดของเขากับ BBC ว่า "เมื่อผมเข้าสู่โลกของสนุกเกอร์ มันเหมือนกับผมเดินเข้าสู่อุโมงค์ที่ลึกและมืดพอจะปิดกั้นทุกๆ คนรอบตัว ยิ่งผมรู้สึกสนุกและเร้าใจผมก็ยิ่งขุดอุโมงค์เข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันนี่แหละที่สำคัญที่สุด เราเองก็ต้องเข้าอกเข้าใจคนอื่นๆ บ้าง"
1
ขณะที่ เฮนดรี้ ก็ไม่ต่างกันสักนิด สนุกเกอร์ทำให้เขาเปลี่ยนไปเยอะ ใช้ชีวิตด้วยความมุ่งมั่นทะเยอทะยานจนกลายเป็นความเครียด ไม่สนิทกับใครจนกลายเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ถูกเลี้ยงขึ้นมาเพื่อเอาชนะนั่นเอง
Photo : insolvencyandlaw.co.uk
แม้ปลายทางต่างคนก็ต่างลดความตึงและปล่อยชีวิตให้หย่อนลงบ้าง แต่ของอย่างนี้มันเปลี่ยนกันยาก พวกเขามีชีวิตอยู่เพื่อเป็นผู้ยิ่งใหญ่ หายใจเข้าและออกเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง อยู่ 20 กว่าปี ดังนั้นการจะให้บอกว่า "ผมสู้หมอนี่ไม่ได้ 100%" คงเป็นคำพูดที่ทำลายสิ่งที่ตัวเองสร้างมาตลอดชีวิตก็ว่าได้ ซึ่งคงไม่มีอยากจะพูดแบบนั้นแน่ แม้ว่าในของตนเองอาจจะมีคำตอบแบบเซอร์ไพรส์ๆ ซ่อนไว้ก็เป็นได้
ท้ายที่สุด มันถูกแล้วที่ไม่มีใครยอมบอกว่าอีกคนหนึ่งเก่งกว่าตนเอง ... เพราะนั่นแหละคือสิ่งที่ทั้งคู่เป็น และทำให้คำถามในการหาเบอร์ 1 ของโลกสนุกเกอร์ เป็นคำถามคลาสสิกที่พร้อมทำคนให้เถียงและทะเลาะกันได้เสมอไม่เว้นแม้กระทั่งทุกวันนี้ ...
บทความโดย ชยันธร ใจมูล
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา