17 พ.ค. 2020 เวลา 05:24 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ปัญหา Double-Spending กับการก่อกำเนิดขึ้นของ Blockchain
1
จากการที่เคยพุ่งทะยานไปจนถึงจุดสูงสุดของมูลค่า Bitcoin ที่เป็น Crypto Currency ที่มีมูลค่าสูงสุด ซึ่งทำให้มีผู้คนร่ำรวยไปเป็นจำนวนมาก และในขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนที่ขาดทุน จนหมดตัว กับการซื้อขายสกุลเงิน ดิจิตอลอย่าง Bitcoin
ปัญหา Double-Spending กับการก่อกำเนิดขึ้นของ Blockchain
Satoshi Nakamoto นั้น ได้ทำการสร้าง Bitcoin และทำการ design ส่วนของ reference สำหรับการให้คนอื่นมา implement ต่อ ซึ่งเค้าได้ทำการสร้าง database ตัวแรกของ blockchain รวมถึงได้ทำการแก้ปัญหาสำคัญของ digital currency คือ การแก้ปัญหาในเรื่อง double-spending
ปัญหา Double-Spending คืออะไร?
ปัญหา double spending นั้นเป็นปัญหาที่สำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี blockchain ซึ่งเงินในรูปแบบ digital นั้น เราสามารถที่จะใช้ token เดียวกันในการจ่ายเงินได้มากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งเนื่องจาก digital token นั้นอยู่ในรูปแบบของ file digital ซึ่งสามารถที่จะทำซ้ำหรือปลอมแปลงขึ้นมาได้ง่าย เช่นเดียวกับรูปแบบของเงินปลอม ซึ่งปัญหาของ Double-Spending นั้นหากไม่ได้รับการแก้ไขอาจนำมาซึ่งอัตราเงินเฟ้อได้ในระยะยาว และอาจจะทำให้ไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานในที่สุด
ตัวอย่างง่าย ๆ ให้เห็นภาพของปัญหา Double-Spending
สมมติว่าเรามีนาฬิกา 1 เรือน หากเราอยากจะมอบให้ใคร เราก็จะมอบนาฬิกาเรือนนั้น ให้คนๆนั้นได้คนเดียว แต่เมื่อการส่งนาฬิกาให้กันอยู่ในรูปแบบดิจิตอล เช่น ไฟล์ภาพนาฬิกา เราก็สามารถส่งภาพนาฬิกาได้ ทาง facebook , Line หรือ email ให้มีหลายคนได้ในเวลาพร้อมกัน ด้วยเหตุนี้ Blockchain จึงต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “ผู้ตรวจสอบการทำธุรกรรมซ้อน” หรือ Miner ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกเลือกขึ้นมาในเครือข่ายของ Blockchain นั้นๆ นั่นเอง
1
การพัฒนา Bitcoin
เริ่มต้นจากในเดือนตุลาคมปี 2008 Nakamoto ได้ทำการส่ง paper ไปยัง metzdowd.com โดยเขาได้อธิบายเกี่ยวกับ bitcoin digital currency โดยมีหัวข้อของ paper คือ “Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System” ซึ่งหลังจากนั้นในเดือนมกราคม ปี 2009 ทาง Nakamoto ได้ทำการปล่อยตัว software version แรก โดยได้เริ่มสร้าง units แรกของ bitcoin ในรูปแบบของ bitcoin cryptocurrency และได้ปล่อยไปยัง website opensource ชื่อดังอย่าง sourceforge.net ในวันที่ 9 มกราคมปี 2009
3
ซึ่ง Nakamoto ได้อ้างว่าเขาได้เริ่มพัฒนา code ของ bitcoin ในปี 2007 ซึ่งการออกแบบตั้งแต่ตอนแรกนั้นเขาได้ออกแบบให้มีการรองรับประเภทของธุรกรรมได้หลากหลายรูปแบบ เขาจึงใช้ solution ที่เป็นรหัสเฉพาะตั้งแต่เริ่มต้น โดยผ่านการใช้ predicative script
2
หลังจากนั้น Nakamoto ได้ทำการสร้าง website bitcoin.org และได้เริ่มหาความร่วมมือจากนักพัฒนาคนอื่น ๆ จนกระทั่งกลางปี 2010 เขาได้เริ่มส่งมอบตัว sourcecode ให้กับ Gavin Andresen และได้ทำการโอน อีกหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับ bitcoin ไปยังสมาชิกที่มีความสามารถโดดเด่นใน community ของ bitcoin และเริ่มที่จะหยุดการมีส่วนร่วมกับโครงการดังกล่าว
1
โดย Nakamoto นั้นได้ทิ้งข้อความที่สำคัญไว้ใน block แรกของ bitcoin คือ “The Times 3 January 2009 Chancellor on binkout for bailout for the bank” จึงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่า block แรกของ bitcoin นั้นมีการถือกำเนิดขึ้นใน วันที่ 3 มกรามคม ปี 2009 เวลา 18:15:05 GMT ซึ่ง block แรกนี้ถือเป็น block ประวัติศาสตร์ของ bitcoin เพราะจะไม่เหมือนกับ block อื่น ๆ ที่ create ตามมาภายหลังจนถึงปัจจุบัน เพราะ เป็น block เดียวที่ไม่มี References อ้างไปถึง block ก่อนหน้า ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้เริ่มมีการทดสอบ transaction ตั้งแต่ในช่วงกลางเดือนมกราคม ปี 2009 และก็เริ่มมีคนมาสร้างเหมืองทำ bitcoin ต่อมาจวบจนถึงปัจจุบัน
1
ซึ่งจากข้อมูลที่เปิดเผยของ transaction log ที่เป็น address ของ Nakamoto นั้นประเมินว่าเขามีปริมาณ bitcoins อยู่ที่ 1 ล้าน bitcoins ซึ่ง ณ วันที่ 17 ธันวาคม ปี 2017 ที่ราคาขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของ bitcoin นั้นทำให้เขามีทรัพย์สินเป็นมูลค่ากว่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่รวยเป็นอันดับที่ 44 ของโลกโดยทันที
3
ช่องทางติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
โฆษณา