17 พ.ค. 2020 เวลา 06:19 • กีฬา
BACK-PASS RULE : กติกากู้โลกฟุตบอล
ตั้งแต่ก่อนช่วงทศวรรษ 1990 เกมฟุตบอลในตอนนั้นยังไม่ไหลลื่นและสนุกเร้าใจเหมือนทุกวันนี้ ถึงแม้จะมีปรัชญาต่างๆมากมายที่เข้ามาสร้างสีสันแก่โลกฟุตบอล ณ ขณะนั้นก็ตาม จนกระทั่งได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความอัปยศให้แก่วงการฟุตบอลอย่างมากและยิ่งไปกว่านั้นมันยังกลับเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนส่งผลให้ฟุตบอลในตอนนั้นดูน่าเบื่อและเริ่มเสื่อมถอยลงซึ่งทำให้สมาคมฟุตบอลไม่สามารถนิ่งดูดายได้อีกต่อไปแล้วจึงเป็นเหตุทำให้พวกเขาต้องออกโรงมาทำอะไรสักอย่าง และนั่นก็คือที่มาของกติกาใหม่ Back-Pass Rule ที่จะเข้ามาเปลี่ยนเกมลูกหนังไปตลอดกาล
Back pass หรือ การจ่ายบอลคืนผู้รักษาประตูในช่วงก่อนทศวรรษ 1990 นั้นผู้รักษาประตูสามารถรับบอลจากฝ่ายเดียวกันด้วยมือได้เลยทันทีจึงทำให้ผู้รักษาประตูในสมัยนั้นมักจะไม่มีทักษะในการใช้เท้าสักเท่าไหร่ แต่ทว่าได้มีกุนซือบางคนที่เห็นช่องโหว่จากกฎกติกาแบบเก่าจึงทำให้พวกเขาได้นำมันมาใช้ในการถ่วงเวลาเพื่อหวังเก็บผลการแข่งขันในช่วงท้ายเกมหรือบ้างก็ใช้ในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเสียบอลซึ่งมันส่งผลให้เกมฟุตบอลนั้นดูน่าเบื่อและขาดสีสันไปพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎใดๆทั้งสิ้นได้ จนกระทั่งได้เกิดสองเหตุการณ์ที่สร้างความอัปยศแก่วงการฟุตบอลและไม่ใช่แค่นั้นมันยังส่งผลกระทบต่อตัวกีฬาฟุตบอลเลยก็ว่าได้
การจ่ายบอลคืนหลังจากอีกฟากของสนาม
บอลลอยโด่งไป
ผู้รักษาประตูรับลูกได้สบายๆ
เหตุการณ์ดังกล่าวมีดังต่อไปนี้
เหตุการณ์ที่ 1 ศึกฟุตบอลโลก 1990
ในทัวร์นาเมนต์นั้นมีประตูเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2 ลูกต่อเกมซึ่งถือว่าน้อยที่สุดตั้งแต่มีการแข่งขันมาและมันถือเป็นสถิติที่เลวร้ายอย่างมากต่อวงการฟุตบอล เมื่อทัวร์นาเมนต์ที่เป็นเหมือนการเชิดหน้าชูตาของวงการกลับกลายเป็นเกมที่แสนน่าเบื่อที่เกิดจากการเล่นเกมรับที่มากจนเกินไปของทีมส่วนใหญ่ในการแข่งขันนั้นและการเล่นฟาวล์รุนแรงจนมีใบแดงถึง 16 ใบ ซึ่งถือเป็นสถิติที่มากที่สุดตั้งแต่เคยมีการแข่งขันมาและยิ่งไปกว่านั้นมันดันมากกว่าครั้งที่เคยมากที่สุดถึงเท่าตัว
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้เมื่อความอัปยศที่แท้จริงที่เข้ามาสร้างความสั่นสะเทือนต่อตัวกีฬาฟุตบอลนั่นก็คือการจ่ายบอลคืนผู้รักษาประตูเพื่อหวังถ่วงเวลานั่นเอง ซึ่งมันทำให้เกมลูกหนังขาดความสวยงามและช่างน่าเบื่อซะเหลือเกินและที่สำคัญแนวทางการเล่นแบบนี้กลับมาเกิดในศึกการแข่งขันใหญ่อย่างฟุตบอลโลกนั่นจึงทำให้วงการฟุตบอลต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงไปพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในครั้งนั้นจะถูกสื่อและผู้คนรุมประนามว่าเป็นฟุตบอลโลกที่แย่ที่สุดตลอดกาลก็ตามแต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนกฎใดๆอยู่ดี
เหตุการณ์ที่ 2 ศึกนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 1992 ระหว่างทีมชาติเดนมาร์กและทีมชาติเยอรมัน
แชมป์ยูโรสมัยแรกของทีมชาติ เดนมาร์ก
ทีมชาติเดนมาร์กสามารถคว้าแชมป์แห่งชาติยุโรปได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ของชาติได้ แต่ความสำเร็จเหล่านี้ก็ต้องแรกมาด้วยความอัปยศด้วยกันทั้งสิ้น โดยทีมชาติเดนมาร์กได้ใช้การจ่ายบอลคืนหลังไปที่ผู้รักษาประตูอยู่บ่อยครั้งด้วยจุดประสงค์ที่มากกว่าแค่การถ่วงเวลาแต่ทำไปเพื่อครองบอลควบคุมเกมโดยเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ถูกบีบให้กดดันเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเสียบอลก็จะจ่ายคืนหลังทันทีให้ผู้รักษาประตูรับลูกไว้และถ้าขึ้นเกมด้วยการต่อบอลไม่ได้ก็ส่งคืนให้ผู้รักษาประตูใช้การโยนบอลยาวในการขึ้นเกมแทน
ซึ่งทำให้เกมนั้นเป็นเกมที่ช้าไม่มีสีสันและช่างน่าเบื่อเอามากๆ แต่อย่างไรก็ตามเดนมาร์กชุดนั้นก็สามารถคว่ำทีมชาติเยอรมันไปได้ถึง 2-0 ซึ่งเกมนี้เป็นตัวจุดชนวนให้สมาคมฟุตบอลต้องเริ่มตั้งคำถามแล้วว่ากฎกติกาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นมันดีพอแล้วหรือเปล่าหรือมันกำลังจะทำลายกีฬาฟุตบอลกันแน่
ผลกระทบจากสองเหตุการณ์อัปยศเหล่านี้ส่งผลให้กรอบเขตโทษของผู้รักษาประตูนั้นเปรียบเสมือนแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามที่ไม่อาจมีผู้เล่นคนไหนเข้าไปแตะต้องได้ทำให้เกมการเล่นฟุตบอลที่แท้จริงกลับถูกจำกัดอยู่แค่กลางสนามเพียงเท่านั้นพอบอลไปถึงกรอบเขตโทษทุกอย่างก็เป็นอันจบสิ้นวนเวียนไปมาจนน่าเบื่อ
และเพื่อป้องกันไม่ให้กีฬาฟุตบอลต้องแปดเปื้อนไปมากกว่านี้สมาคมฟุตบอลจึงต้องออกโรงมาแก้ไขเรื่องดังกล่าวโดยการตั้งกฎ Back-Pass ขึ้นในปี 1992 ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานกว่าร้อยปีแล้วตั้งแต่ปี 1866 ที่กฎการล้ำหน้าและกฎการจ่ายบอลไปข้างหน้าได้ถือกำเนิดขึ้น
(สามารถอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงกฎกติกาเมื่อร้อยกว่าปีก่อนได้ที่ https://www.blockdit.com/articles/5e8403033beb580c9e4f8858/# )
ซึ่งกฎ Back-Pass จะไม่อนุญาตให้ผู้รักษาประตูใช้มือรับลูกจ่ายคืนหลังได้ แต่จะรับลูกจ่ายคืนหลังได้ก็ต่อเมื่อเกิดจากการไม่มีเจตนาในการจ่ายบอลคืนหลังของผู้เล่นฝ่ายเดียวกันอย่างในกรณีการสกัดบอลฝ่ายตรงข้ามแล้วบอลดันกลิ้งไปหาผู้รักษาประตู ผู้รักษาประตูก็สามารถรับลูกได้รวมถึงลูกจ่ายที่ไม่ได้มาจากเท้าแต่ที่มาจากส่วนอื่นของร่างกายได้แก่ หัว และ หน้าอก เป็นต้น ผู้รักษาประตูก็สามารถรับลูกได้เช่นกัน
หลังจากนั้นด้วยการมาถึงของกฎ Back-Pass ทำให้เกมฟุตบอลนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงซึ่งส่งผลไปหลายต่อหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการถ่วงเวลาแบบเดิมๆก็หายสาบสูญไปจากโลกฟุตบอล, ขอบเขตพื้นที่ในการเล่นฟุตบอลก็เพิ่มขึ้นจากแค่กลางสนามเป็นเต็มพื้นที่สนามซึ่งรวมถึงกรอบเขตโทษด้วย จึงทำให้อภิสิทธิ์ต่างๆที่ผู้รักษาประตูเคยได้รับก็ถูกริบคืนไปด้วยเช่นกัน
ซึ่งมันส่งผลให้มีผู้เสียผลประโยชน์อยู่มากมายอย่างเช่น ผู้เล่นที่เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูในตอนนั้นก็ต้องพบกับฝันร้ายกันไปทุกคน เมื่อผู้รักษาประตูหลายคนไม่อาจปรับตัวได้ในเวลาสั้นๆจึงทำให้มีบางกรณีที่ผู้รักษาประตูเกิดได้รับบาดเจ็บขั้นรุนแรงอย่างในกรณีของแอนดี้ ดิบเบิ้ล อดีตผู้รักษาประตูของแมน ซิตี้ โดยในระหว่างที่เขาพยายามจะหยุดบอลด้วยเท้าแต่ด้วยความที่ไม่เคยชินทำให้เกิดพลาดท่าทำให้ขาหักไปอย่างน่าใจหาย
แอนดี้ ดิบเบิ้ล นายทวารผู้โชคร้าย
ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากฎใหม่ที่เข้ามานั้นมันช่างยากต่อพวกเขาซะเหลือเกิน เมื่อคนที่เคยฝึกฝนฝึกซ้อมการใช้มือมาทั้งชีวิตแต่ดันต้องมาเปลี่ยนแปลงฉับพลันมาใช้เท้าด้วยแบบนี้ มันจึงทำให้ผู้รักษาประตูในยุคนั้นพบกับความลำบากไม่ใช่น้อย
และในขณะเดียวกันกุนซือที่ชื่นชอบสไตล์ Long Ball หลายคนก็ไม่ได้อภิรมย์สักเท่าไหร่กับกฎใหม่นี้มากนักเพราะมันได้ลดประสิทธิภาพสไตล์การเล่นของพวกเขาลงไปพอสมควรเนื่องจากกฎใหม่นี้บีบให้ผู้รักษาประตูไม่อาจเป็นตัวหลักในการขึ้นเกมด้วยการโยนยาวได้บ่อยครั้งเหมือนแต่ก่อนได้อีกแล้วทำให้จำนวนการโยนบอลยาวนั้นลดลงไปพอสมควร
การขึ้นเกมของสไตล์ Long Ball ที่ถูกลดทอน (ภาพ 2D)
การขึ้นเกมของสไตล์ Long Ball ที่ถูกลดทอน
แต่ในทางกลับกันกฎ Back-Pass ได้ช่วยให้เกมฟุตบอลดูสนุกดูไหลลื่นและน่าตื่นเต้นขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นเท่าตัว ซึ่งมันส่งผลให้ถือกำเนิดแนวทางการเล่นแบบใหม่ขึ้นได้แก่
ผู้รักษาประตูที่โดดเด่นการใช้เท้าได้ถือกำเนิดมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซึ่งมันส่งผลกระทบในด้านบวกต่อปรัชญา Tiki Taka ที่นิยมการค่อยๆต่อบอลจากแดนหลังขึ้นหน้าทำให้มีประสิทธิภาพในการครอบครองบอลได้นานขึ้น
ด้วยพื้นที่การเล่นที่เพิ่มขึ้นทำให้นักฟุตบอลได้กลายสภาพไปเป็นนักกีฬามากขึ้นกว่าสมัยก่อนที่ต้องวิ่งเยอะกว่าแต่ก่อนฟิตกว่าที่เคยเป็นซึ่งมันส่งผลให้การวิ่งเพรซซิ่งกดดันนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่หน้ากรอบเขตโทษอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อไม่สามารถจ่ายบอลคืนผู้รักษาประตูแบบตรงๆได้อีกแล้วจึงทำให้การขึ้นเกมของผู้เล่นนั้นเสี่ยงต่อการเสียบอลและอาจโดนสวนกลับเร็วได้ง่ายแต่เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกสวนกลับเร็วเพราะฉะนั้นผู้รักษาประตูที่มีความเร็วในการออกมาตัดบอลได้ดีจึงเป็นสิ่งจำเป็นเป็นอย่างมาก
จากเรื่องราวทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ากฎ Back-Pass เปรียบเหมือนผู้กอบกู้โลกฟุตบอลให้พ้นจากหายนะและมันยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดผู้รักษาประตูแบบฉบับ Sweeper Keeper ที่สามารถใช้เท้าได้คล่องแคล่วแถมยังมีความเร็วที่ออกมาตัดบอลได้ดีอีกด้วยอย่าง มานูเอล นอยเออร์, เอแดร์ซอน, อลิสซอน เบ็คเกอร์ และ มาร์ค อังเดร แทร์ สเตเก้น เหล่าบรรดา Sweeper Keeper ระดับพระกาฬและรวมถึงนักฟุตบอลนอกกรอบเขตโทษก็ได้กายพันธุ์ไปเป็นเหมือนนักกีฬาที่ต้องวิ่งตลอดทั้งเกมมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งทุกอย่างล้วนจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีกฎ Back-Pass ที่เข้ามาเปลี่ยนโลกฟุตบอลให้เป็นกีฬายอดนิยมอันดับหนึ่งอย่างทุกวันนี้
เหล่าบรรดา Sweeper Keeper ระดับพระกาฬ
นักฟุตบอลที่เป็นเหมือนนักกีฬามากยิ่งขึ้น
โฆษณา