19 พ.ค. 2020 เวลา 07:28 • สุขภาพ
หมอขอเล่าขอสัมภาษณ์ :นพ.จอมชัย ลือชูวงศ์ หมอหนุ่มมากความสามารถผู้เป็นทั้ง อาจารย์หมอ ผู้บริหาร นักธุรกิจ เเละ นักลงทุนพอร์ท ระดับ 9 หลัก ถึงความเห็นเกี่ยวกับ ผลกระทบของ covid-19 เเละ New normal ทางการเเพทย์ที่อาจจะเปลี่ยนโลกทาง การเเพทย์ไปตลาดกาล !!!!!
1
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ทางโทรศัพท์กับ พี่หมอจอม ผู้ซึ่งนอกจาก จะประกอบอาชีพหมอเเล้วยังสามารถ เป็นเจ้าของธุรกิจเเละนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จไปพร้อมๆกัน ซึ่งผมเคยสัมภาษณ์ ''หมอจอม'' ไปเเล้วครั้งนึง ซึ่งเป็นหัวข้อเกี่ยวกับ ประวัติชีวิตเเละการทำงานที่ผ่านมา ติดตามได้ทางลิ้งค์นี้เลยครับ
นอกจากนี้ ช่วงต้นเดือน มกราคม ทางคณะของหมอจอม ก็เป็นกลุ่มคนไทยกลุ่มเเรก ที่ได้ไปดูงานที่ บริษัท Ping An health and technology บริษัท health tech อันดับ 1
ของโลก ซึ่งในช่วงสถานการณ์ การระบาดของ covid-19 platform ทางการเเพทย์ ของบริษัท Ping An อย่าง
Ping An good doctor ได้มีจำนวนผู้ใช้งานอย่างก้าวกระโดด เเละกำลังมาเเรง จนอาจจะเป็น New normal
ของการเเพทย์ยุคใหม่เลยทีเดียว !!!
ผมจึงไม่พลาดที่จะขออนุญาตสัมภาษณ์ พี่หมอจอม อีกครั้งเกี่ยวกับ ผลกระทบของ covid-19 ในเเง่มุมต่างๆรวมถึง เทคโนโลยีใหม่ที่อาจจะเป็น New normal ทางการเเพทย์อีกด้วยครับ
หมอขอเล่า : สวัสดีครับ พี่หมอจอม ยินดีมากครับที่พี่ให้เกียรติมาสัมภาษณ์อีกครั้งนึง
หมอขอเล่า : เนื่องจากพี่จอม เป็นทั้ง หมอ นักธุรกิจ เเละ นักลงทุน วิกฤติ covid-19 ในครั้งนี้ พี่จอมมองว่าส่งผลกระทบสังคมเเละธุรกิจภาพรวมอย่างไรบ้างครับ
หมอจอม : วิกฤติ covid ในครั้งนี้ส่งผลกระทบ ต่อสังคมเเทบ ทุกด้าน ทั้งความสูญเสียทางด้านสุขภาพ และชีวิต เเละผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งในด้านเศรษฐกิจ ก็มีผลกระทบในเเทบทุกวงการเรียกได้ว่า เสียหายกันถ้วนหน้า เเต่อย่างไรก็ดี ก็มีกลุ่มบริษัททางเทคโนโลยี ที่ไม่ได้รับผลกระทบ หรือ อาจจะได้รับประโยชน์ด้วยซ้ำ ซึ่งกลุ่มนี้ก็คือ กลุ่มเทคโนโลยี platform ต่างๆในต่างประเทศ เช่น Amazon alibaba grab จะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นตกกันทั่วโลก แต่มีกลุ่มบริษัท technologyพวกนี้ ที่ยังทำ new high สวนกับภาวะตลาดได้
หมอจอม: กลุ่มธุรกิจ platform เหล่านี้เป็น trend ของโลกเราอยู่เเล้ว ซึ่งประจวบเหมาะ กับที่ เกิดการระบาดของ covid-19 ก็เหมือนเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงเร็วขึ้น
หมอจอม : เเต่ในส่วนของอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็ล้วนได้รับผล กระทบกันถ้วนหน้าในระยะสั้น ไม่เว้นเเม้เเต่ อุตสาหกรรม ทางการเเพทย์ เเต่ในระยะยาว พี่เชื่อว่าปัญหาCOVID มันก็ต้องจบไป เดี๋ยวผ่านไปคนก็ลืมมัน แต่บาดแผลจากมันช่วงนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัทต่างๆ ก็ต้องขึ้นกับว่าบริษัทไหน ปรับตัวได้ดีกว่ากัน
หมอจอม: เเต่ในทุกวิกฤติจะมีโอกาสเปลี่ยนเเปลง เป็น Game changer เสมอ จะมีผู้ชนะใหม่เกิดขึ้น เหมือนตอน วิกฤตปี 2540 ที่เกิดการเปลี่ยนมือ จากเดิม กลุ่มเศรษฐีอันดับต้นๆในยุคนั้น ที่มักจะเป็น เจ้าของ ธุรกิจอสังหา หรือ กลุ่ม ธนาคาร ก็เปลี่ยนมือมาเป็น ธุรกิจค้าปลีก โทรคมนาคม หรือ ภาคบริการอื่นๆเช่นท่องเที่ยว เป็นต้น เรียกว่าวิกฤต มักเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทิศทางเศรษฐกิจและธุรกิจ ย้ายไปสู่กลุ่มที่เป็น trendใหม่ของประเทศนั้นๆ
หมอขอเล่า : เเล้วธุรกิจเบเกอรี่ของพี่จอมกระทบเเค่ไหนครับ ??
หมอจอม : ธุรกิจเบเกอรี่ของพี่ ก็มียอดขายที่ลดลงนะครับ เเต่ดีที่ได้ปรับตัวในเรื่อง delivery ผ่านทาง Grab เเละ foodpanda มาก่อนนานแล้ว ซึ่งช่วยในเรื่องยอดขายได้มาก ส่วนในเรื่องการโดนปิดร้านจากมาตรการ lockdown พี่ก็โดน ปิดไป 2 สาขาที่อยู่ในห้างเซนทรัล ส่วนสาขาที่เหลือที่อยู่ใน Big-c และstand alone ยังเปิดอยู่ โดยภาพรวมธุรกิจยังพอไปได้นะครับ เพราะ ทางร้านปรับตัวตั้งเเต่เดือน กุมภาพันธ์ เเละเราก็ไม่มีการลดหรือปลดพนักงานนะครับ
หมอขอเล่า : เนื่องจากผมทราบว่าพี่จอมได้ ไปดูงานที่บริษัท Ping An health and technology ซึ่งเท่าที่ผมติดตามข่าว ผลิตภัณฑ์ platform ทางการเเพทย์อย่าง Ping An good doctor ก็เป็น platform ที่มาเเรง ในช่วงมีการระบาดของ covid-19 จนบางท่านถึงกับ กล่าวว่าอาจจะเป็น New normal ทางการเเพทย์ด้วยซำ้ พี่จอมมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ ????
https://www.levelupthailand.com/post/pingan-doctor-china
หมอจอม : ก่อนอื่นพี่ขอเล่าถึง บริษัท Ping An health and technology หน่อยนะครับ Ping An health เป็นบริษัทลูกของ บริษัท Ping An insurance ซึ่งเป็นบริษัท ประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ จีน เเละ เป็นอันดับสองของโลก ซึ่ง กลุ่มบริษัท cp ของประเทศไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย (ที่พี่ได้ไปดูงานครั้งนี้ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือจากทางบริษัทCP โดยท่านประธานสุภกิต และคุณอายักษ์ วิชัย วชิรพงษ์เป็นผู้ช่วยเหลือติดต่อให้) ตัว Ping an health ก็เป็น บริษัทเทคโนโลยีทางการเเพทย์ที่ใหญ่อันดับหนึ่ง ของโลก โดยผลิตภัณฑ์ของ Ping An health ก็คือ Platform ทางการเเพทย์ ระหว่าง หมอกับคนไข้ ที่สามารถให้ติดต่อกันโดยที่ไม่ต้องเจอกันโดยตรง ซึ่งพอตรวจรักษาเสร็จ ตัว platform นี้ก็สามารถส่งยารักษาผ่านทาง delivery หรือออกเป็นใบสั่งยาให้ไปซื้อยาที่ร้านขายยาใกล้ๆได้
หมอจอม : ซึ่งตัว platform นี้จะคอยเก็บข้อมูลการรักษาเเละป้อนให้ AI ได้เรียนรู้ โดยปัจจุบันคนไข้ที่ใช้ platform นี้ จะเจอหมอคนเเรก ก็คือ หมอที่เป็น AI ซึ่งสามารถรักษาโรคง่ายๆไม่ซับซ้อนเเละสามารถจ่ายยาได้ด้วย ส่วนถ้าเป็นโรคที่ซับซ้อน ทาง AI ก็จะติดต่อให้พบหมอผู้เชี่ยวชาญจริงๆต่อไป
หมอจอม : ซึ่งความถูกต้องในการรักษา ของ AI ของ Ping An health เค้าเคลมว่าอยู่ในระดับ 99 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว(เพราะ รักษาโรคง่ายๆส่วนถ้าโรคซับซ้อนจะส่งให้พบหมอที่เป็นคนจริงๆรักษา) โดยที่ AI ชนิดนี้ก็จะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้ข้อมูลจาก platform มากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะค่อยๆพัฒนาตัวในการรักษาโรคที่ยากขึ้น เเต่อย่างไรก็ตาม โรคที่ต้องมีการทำหัตถการ ทาง platform นี้ยังใช้ในการรักษาไม่ได้นะครับ
1
หมอจอม: ประเด็นนี้น่าสนใจมาก เพราะความคิดที่ว่า เเพทย์จะไม่มีวันโดน disruption อาจจะไม่ถูกต้องเเล้ว เพราะได้เริ่มมี AI ทางการเเพทย์เเล้ว โดยตัว platform ของ Ping An health เป็นเเค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าพูดเรื่องdisruption พี่ยกตัวอย่างเช่นเเพทย์หลายสาขาอาจเสี่ยงจะโดน disruption เป็นกลุ่มแรกๆ เช่นงานด้านพยาธิวิทยา หรือการอ่านfilm xray หรือการรักษาที่มีguidlineชัดเจนเปะๆ พวกนี้เค้าสามารถเทรนAI ให้ประมวลผลแทนได้ อย่างในจีนช่วงที่COVIDระบาดหนักๆ เค้าใช้ CT chest ในการ screeningเคส เพราะเร็ว และแม่นยำ และที่สำคัญเค้าสอนAI จนสามารถแปลผล CT ได้เองเลย
หมอจอม : การระบาดของ covid-19 ก็ทำให้เกิดการใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกต่างๆในวงการเเพทย์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การนัดหมายทางอินเตอร์เน็ต การส่งยาทาง delivery ถึงบ้าน ลดความเเออัดในโรงพยาบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็น New normal ในวงการเเพทย์ เเละ จะเป็นการกระตุ้นให้เกิด การสร้างเเละการใช้ platform ทางการเเพทย์อย่างเเพร่หลายในอนาคต ในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปีอย่างเเน่นอน
หมอขอเล่า :ในสถานการณ์การระบาดของ covid-19 ณ ตอนนี้ ในความเห็นของพี่ เราควรหาทางออกในสถานการณ์นี้อย่างไร
หมอจอม: เท่าที่พี่เห็น ณ ตอนนี้จะมีความเห็นเกี่ยวกับ สถานการณ์ตอนนี้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มนึง จะเห็นว่า ควร lock down ให้ปริมาณเคสเหลือ 0 เลยหรือน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ส่วนอีกกลุ่มจะมีความเห็น ว่า ยกเลิก lockdown ได้เเล้ว พอรับได้กับจำนวนเคสที่เพึ่มในระดับนึง ซึ่งกลุ่มนี้มักจะเป็น นักธุรกิจ หรือ กลุ่มคนหาเช้ากินคำ่
หมอจอม : ตัวพี่เป็นทั้ง หมอ เเละ นักธุรกิจ จึงเข้าใจความเห็นทั้งสองกลุ่ม พี่จึงคิดว่าเราควร balance ทั้งสองอย่าง ทั้งเศรษฐกิจ เเละ การควบคุมการระบาดให้สมดุล ไม่สุดโต่งด้านใดด้านนึงจนเกินไป
หมอจอม : เรื่องการควบคุมโรค พี่มีความเห็นส่วนตัวและมั่นใจมากว่าประเทศไทยเราคุมได้ดีแน่นอน เพราะหมอเราเก่ง พี่ขอเล่าประสบการณ์เรื่องนี้ ตัวพี่เองก็อยู่ในทีมบริหาร ของโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ ช่วงต้นเดือนกุมภา ตอนนั้นเคสรวมสะสม ในเมืองไทยประมาณ หลักร้อยเท่านั้น แต่ท่าน ผอ.ศูนย์ศรีพัฒน์ (ผศ.นพ.ธนินนิตย์)ได้เรียกทีมบริหารไปประชุมวางแผน สร้างscenarioว่าถ้าการระบาดเป็นหลักหมื่นหลักเเสนเคส ต้อง เตรียมตัวอย่างไร จัดสรรเตียงตรงไหนบ้าง จะใช้ทรัพยากรบุคคลยังไง คือเรียกว่าวางแผนรับมือตั้งแต่ยังแทบไม่มีเคสในเชียงใหม่เลย ทำให้พี่คิดว่าระบบ สาธารณสุขของประเทศไทยเเข็งเเกร่งมาก มีความสามารถในการรองรับผู้ป่วยติดเชื้อได้ในระดับต้นๆของโลก อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นด้วยเรื่องอากาศที่ร้อน เเละความตระหนักของคนไทย ทุกวันนี้คนไทย99%ใส่maskกันหมด พี่ว่า การที่จะระบาดหนักๆเเบบในยุโรป หรือ อเมริกาน่าจะเกิดขึ้นได้ยาก
หมอจอม : การที่ประเทศไทยมีการระบาดในช่วงที่ผ่านมา ความเห็นพี่คิดว่ามีแหล่งที่ทำให้เชื้อกระจายมากได้สองกลุ่มใหญ่ๆ คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา เเละ กลุ่มพื้นที่เเออัด อย่าง สถานบันเทิง เเละ สนามมวย ซึ่งพี่คิดว่าถ้าเราป้องกัน การเกิด super spreader ในสองกลุ่มนี้ได้ เราจะสามารถควบคุมการระบาดได้ ส่วนกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆในประเทศ พี่เห็นว่าควรเปิดให้ทำกิจกรรมได้เเล้ว ป้องกันเเค่กิจกรรมที่เสี่ยง 2 กลุ่มที่ว่ามาก็พออาทิเช่น การรับคนจากต่างประเทศเข้ามาต้องมีstate quarantine 14วัน อันนี้พี่เห็นด้วย ส่วนพวกสถานบันเทิง/สนามมวย พวกนี้ควรปิดไว้ก่อน เป็นต้น
หมอจอม : พี่เห็นว่าเราควรใช้โมเดลในการควบคุมการระบาดเเบบประเทศไต้หวัน ที่ชีวิตประจำวันคนในประเทศ โดยภาพรวมยังปกติ เเต่ยังควบคุมการระบาดให้อยุ่ในระดับ
ที่รับได้
หมอขอเล่า : เเล้วพี่จอมไม่กลัวsecond wave เหรอ ???
หมอจอม : ส่วนตัวพี่ เรื่องตัวโรค พี่ไม่กลัวsecond waveเท่าไรนะครับ พี่คิดว่าถึงมีประเทศไทยน่าจะสามารถควบคุมได้ ที่พี่กลัวคือ second waveปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่เป็นscaleระดับโลก การที่ทั่วโลกlock down ยืดเยื้อและกิจการถูกปิดนานๆ จะทำให้เกิด ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ตามมาด้วย มากๆเข้าก็จะเกิดปัญหาสังคม อาจจะตามมาด้วย ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จนอาจะเกิดปัญหาสงครามได้ !!!! เหมือนตอน great depression ที่เกิดเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก เป็นส่วนหนึ่งที่นำมาสู่สงครามโลกครั้งที่สองด้วย
หมอจอม : อย่างตอนนี้กลุ่มที่น่าเป็นห่วง พี่ว่าคือยุโรป เดิมก่อนCOVIDเศรษฐกิจเค้าก็มีปัญหามากอยู่แล้ว หนี้ครัวเรือนสูงมาก พอเจอCOVID เข้าไปหนักเลย หลังจากนี้ที่ต้องตามมาแน่ๆคือเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง รัฐบาลต้องตัดสวัสดิการประชาชน รัฐวิสาหกิจบางอย่างอาจต้องขาย ประชาชนเดือดร้อน ทีนี้อาจเกิดปัญหาสังคม ตามมาด้วยการเมืองในประเทศนั้นๆ มากเข้าก็มีปัญหาการเมืองระหว่างประเทศตามมา สนธิสัญญาอะไรที่มีกันไว้ก็เบี้ยวก็ฉีกกัน เรียกว่าแต่ละประเทศต้องเอาตัวเองรอดไว้ก่อน ใครตายช่างมัน ซึ่งสุดท้ายมันจะเกิดปัญหาได้ อย่างสมัยgreat depressionที่ทำให้เศรษฐกิจยุโรปถดถอย เยอรมันก็หนักกว่าชาวบ้านเพราะมีสนธิสัญญาแวร์ซาย จนประชาชนทนไม่ไหว เลยเกิดการเปลี่ยนแปลงและฉีกสนธิสัญญาโดยพรรคนาซี
หมอจอม: ซึ่ง ปัจจุบัน สงครามอาจจะไม่ได้จะเป็นการสู้รบหมายเอาชีวิตอย่างเดียวอาจจะเป็นการก่อสงครามด้วยวิธีอื่น เช่น สงครามการค้า หรือ สงคราม ทางเทคโนโลยีต่างๆเป็นต้น ซึ่งพี่ว่าจุดนี้ต้องจับตาดูกันไว้ ภาวะวิกฤติ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
หมอขอเล่า : เนื่องจาก ณ ปัจจุบันมีคนพูดถึง เรื่อง New normal กันมาก ในมุมของพี่จอมประเทศไทยหลังจากนี้ จะมีโอกาสอะไรใหม่ๆ ที่จะมาสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ให้เรากลับมาโตมากๆเหมือนอดีตได้อีกมั้ย
หมอจอม : ในความเห็นส่วนตัวของพี่ การที่เราจะเป็นผู้นำด้านอะไร เราควรหาจุดเด่น จุดเก่งและข้อได้เปรียบของเราก่อน เรื่องนี้ควรบรรจุเป็นยุทธศาสตร์ชาติของจริงเลย คือต้องจำเพาะเจาะจงไปเลยว่าอีก 20 ปี เราอยากให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านไหน ซึ่งไม่ใช่คิดมาลอยๆแต่เราต้องสำรวจว่าเราพร้อม เราเก่งเรื่องนั้นจริงๆถึงจะสู้เค้าได้ พี่ยกตัวอย่างเรื่องเทคโนโลยีที่เราบอกกันว่าthailand 4.0 แต่เราต้องยอมรับว่าเราไม่เก่งเรื่องนี้ คนเรายังไม่พร้อม พี่ได้ไปดูงานบริษัทtechใหญ่ๆที่จีน หรือของusa เค้าล้ำไปไกลมาก ทั้งทรัพยากรบุคคล ทั้งecosystemและsupply chainของเค้า ถ้าเราบอกว่าเราอยากเป็นผู้นำtechnology สนับสนุนstart up แต่คนเราไม่พร้อม มันจะกลายเป็นการเสียเปล่าซะเปล่าๆ
หมอจอม : ส่วนตัวพี่คิดว่า ประเทศไทยมีจุดเด่นอยู่ 3 ข้อ คือ
1. การท่องเที่ยว การท่องเที่ยวในประเทศไทยติดอันดับต้นๆสถานที่ที่คนอยากไปเเทบทุกปี เราโชคดี ที่เรามีธรรมชาติที่สวยงาม เหนือมีภูเขาใต้มีทะเล มีวัฒนธรรมเเละการบริการที่ดีเยี่ยม ยากที่จะหาประเทศอื่นมาทดเเทนได้ อันนี้เป็นจุดแข็งที่ธรรมชาติสร้างให้ เรียกว่าborn to be เลย
หมอจอม : 2. อุตสาหกรรมอาหาร คนไทยเราเหมือนมียีนส์อัจฉริยะในการทำอาหารนะ เท่าที่พี่คุยกับเพื่อนต่างประเทศทุกคนบอกว่าอาหารไทยอร่อยหมด ขนาดคนจีน มากินอาหารจีนในเมืองไทยก็บอกว่าที่ไทยอร่อยกว่าจีน คนอิตาลีมากินอาหารอิตาลีที่ไทยก็บอกว่าที่ไทยอร่อยกว่าอิตาลี คือเรียกว่าคนไทยมีพรสวรรค์ด้านนี้แต่กำเนิด แต่เดิมเราทำแบบเล็กๆ คนไทยเราตกงานนึกอะไรไม่ออกก็เปิดร้านข้าวแกงได้ละ แต่ต่อไปเราควรส่งเสริม ทำจริงๆจังๆเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงอาหาร และอุตสาหกรรมส่งออกอาหาร เป็นครัวของโลก อย่ามองว่าขายอาหารได้เม็ดเงินน้อย ที่จริงอุตสาหกรรมอาหารเป็นธุรกิจที่ high margin มาก และรายได้ไม่ได้มาจากแค่ขายอาหาร แต่การที่นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ มันทำให้ภาคธุรกิจรากหญ้าในประเทศโตไปด้วยกันหมด เงินตกถึงรากหญ้าจริงๆ
หมอจอม : 3. การเเพทย์ ต้องยอมรับว่าวงการแพทย์เรามีประสิทธิภาพสูงมาก ได้รับการยอมรับระดับโลก ส่วนหนึ่งพี่คิดว่าอาจจะเป็น เพราะ เด็กเรียนเก่งในประเทศไทยมีค่านิยมที่จะเรียนหมอ เลยทำให้เด็กหัวกระทิของไทยไปเป็นหมอซะเยอะ
หมอจอม : ซึ่งการที่ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของ COVID-19ได้ดี ก็เป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยมีจุดเเข็งในด้านนี้จริงๆ ถ้ามีใครมาถามว่าประเทศไทย สามารถเป็น HUB ทางการเเพทย์ของภูมิภาคได้ไหม???
หมอจอม : ส่วนตัวพี่คิดว่าเป็นได้สบาย และควรสนับสนุน เเล้วจะสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมหาศาลถ้ารัฐบาลไทยส่งเสริม ดูตัวอย่างข้อมูลปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีจำนวน health tourism ราวๆ 60,000 คน แต่สร้างรายได้ให้ประเทศประมาณ 200,000ล้านบาท เฉลี่ยประมาณ 400,000บาทต่อคน ซึ่งโดยปกตินักท่องเที่ยวต่างชาติ ถ้ามาเที่ยวทั่วๆไปจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000บาทต่อคน
หมอจอม : ตรงนี้เป็นอีกจุดที่หากภาครัฐส่งเสริม จะทำให้อุตสาหกรรมการแพทย์เติบโตได้ระดับโลก ว่าที่จริงแล้ว ภาครัฐมีhidden assetที่มีค่ามหาศาลอยู่คือ หมอ
เรามีหมอเก่งๆอยู่ใน รพ.รัฐมาก ต้องชื่นชมหมอเหล่านี้ที่ทำงานหนัก แต่รายได้น้อยกว่าเอกชนเยอะมาก ทำให้เกิดปัญหาสมองไหล ว่าที่จริงแล้ว รพ.เอกชนใหญ่ๆดังๆ ก็ได้หมอจากรพ.รัฐที่เก่งๆไปร่วมงานทั้งนั้น พี่คิดว่าหากภาครัฐเข้าใจและเปิดใจ การปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มserviceของรพ.รัฐ ที่ให้บริการกลุ่มpremiumเป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นการดึงให้คนเก่งๆอยู่ในระบบราชการอยู่ พี่เชื่อว่าคนไข้ส่วนมากก็ยังอยากไปหาหมอที่ รพ.รัฐเพราะหมอมีประสบการณ์มาก แต่การที่เดิมมีคนไข้แออัดทำให้การบริการไม่ดีเท่าที่ควร คนกลุ่มpremiumจึงเลือกไป รพ.เอกชน
หมอจอม: อย่างเช่น รพ.ศริริราช ปิยการุณ หรือ ศูนย์ศรีพัฒน์ที่พี่ทำงานอยู่ ก็จะสามารถดึงรายได้เข้าสู่ภาครัฐได้จำนวนมาก
หมอจอม : ส่วนโรงพยาบาลเอกชนก็ให้เน้นไปที่รักษา ชาวต่างชาติเป็นหลัก สร้างอุตสาหกรรมเป็น medical hub และ medical tourism เช่น บินมาเปลี่ยนข้อเข่าเทียม, มาทำ IVF หรือ ศัลยกรรมเสริมความงามต่างๆ ซึ่งด้วยชื่อเสียงของการเเพทย์เมืองไทย เเละ ถ้ามีการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ดี สิ่งเหล่านี้จะทำรายได้ให้ประเทศไทยอย่างมหาศาลเเละเป็นจุดเด่น ของเศรษฐกิจไทยได้อย่างเเน่นอน
หมอจอม : อุตสาหกรรมทั้ง3อย่างที่พี่ว่ามา ทั้งการท่องเที่ยว อาหาร และการแพทย์ ล้วนเป็นอุตสาหกรรม high margin (กำไรสูง) ต่างจากอุตสาหกรรมโรงงานรับผลิตที่กำไรน้อย เน้นประหยัดต้นทุน อย่าง20 ปีที่ผ่านมาเราโตด้วยส่งออก เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และคอมพิวเตอร์อันดับต้นของโลก แต่ผ่านมา20ปี เรายังไม่มีแบรนด์รถยนต์ของไทยเลย แล้วพอวันนี้ค่าแรงเราแพงขึ้น เค้าก็ย้ายฐานผลิตไปที่อื่นที่ถูกกว่า เราต้องยอมรับว่าเราไม่เก่งเรื่องนี้ ภาครัฐต้องเข้าใจ และเริ่มต้นวางยุทธศาสตร์ใหม่ที่เป็นอุตสาหกรรมในอนาคตและเราเก่งเรื่องนั้น
หมอขอเล่า : เต็มอึ่มมากครับวันนี้ ขอขอบคุณพี่จอมมากๆนะครับที่ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งผมเชื่อว่า บทสัมภาษณ์นี้จะเป็นประโยชน์มากๆเเก่ผู้ที่ได้อ่านนะครับ
หมอจอม : ด้วยความยินดีเลยครับ
จบไปกับอีกบทสัมภาษณ์คุณภาพ นะครับ อาจจะยาวซักนิดเเต่ผมเชื่อว่าถ้าผู้อ่านได้อ่านจนจบจะเป็นประโยชน์เเก่ผู้อ่านเเน่นอนครับ
หวังว่าผู้อ่านจะสนุกเเละได้ความรู้นะครับ
โฆษณา