21 พ.ค. 2020 เวลา 01:08
'ห้าง' ความบันเทิงใจแห่งเดียวของคนเมือง สะท้อนความล้มเหลวของการพัฒนาเมืองของรัฐไทย
ปรากฏการณ์ที่คนไทยชอบเดินห้างเช่นนี้กำลังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการจัดสรรและจัดการพื้นที่ในเมืองใหญ่ของไทยที่มักจะมีห้างสรรพสินค้าเป็นศูนย์กลางสำคัญ มากกว่าพื้นที่อื่นๆ
'ห้าง' ความบันเทิงใจแห่งเดียวของคนเมือง สะท้อนความล้มเหลวของการพัฒนาเมืองของรัฐไทย
หลังจากรัฐบาลไทยคลายล็อคดาวน์และมีคำสั่งให้เปิดกิจการ ‘ห้างสรรพสินค้า’ ขึ้นอีกครั้งภายใต้ระเบียบเมื่อวันที่ 17 พ.ค 63 ที่ผ่านมา
ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่วันเปิดห้างวันแรกหลังจากที่ต้องปิดไปนานถึง 6 สัปดาห์จะมีบรรยากาศที่ประชาชนรอแถวเข้าห้างอย่างคึกคัก เพราะห้างคือสถานที่พักผ่อนและบันเทิงใจครองใจคนไทยตลอดกาล แต่ปรากฏการณ์ที่คนไทยชอบเดินห้างเช่นนี้ กำลังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการจัดสรรและจัดการพื้นที่ในเมืองใหญ่ของไทยที่มักจะมีห้างสรรพสินค้าเป็นศูนย์กลางสำคัญ มากกว่าพื้นที่อื่นๆ
ทำไมคนไทยชอบเดินห้าง
เหตุผลหลักๆ ที่พบมากที่สุดคือ ห้างมีความเย็น ไปห้างเพียงครั้งเดียวสามารถทำกิจกรรมได้ครบถ้วน ทั้งรับประทานอาหาร ซื้อของ เดินเล่น และทำธุรกรรมของตนเอง
ในงานเสวนา 'ทำไมเมืองไทยถึงมีห้างเยอะ' จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ดร.จิตติศักดิ์ ธรรมาภรณ์พิลาศ ผู้ช่วยอธิการบดี งานด้านการจัดการทรัพย์สิน และอาจารย์จากภาควิชา การวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า ที่มาที่ไปของค่านิยมการแห่ไปเที่ยวห้างของคนไทยมีความเป็นมาจากการที่เดิมสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรซึ่งใช้แรงงานเป็นหลัก พอหมดภารกิจในแต่ละวันก็ไม่มีการพักผ่อนหรือความบันเทิงที่ชัดเจน จะมีก็แต่การกินเหล้า เล่นการพนัน และเข้านอน
แต่ในยุคการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นอุตสาหกรรม สังคมไทยจากเดิมที่มีความเป็นสังคมชนบทก็เริ่มเข้าสู่ความเป็นเมืองมากขึ้น คนไทยเมื่อเห็นเมืองนอกมีความเจริญ มีการพัฒนาด้านต่างๆ ก็อยากได้ความศิวิไลซ์ต่างๆนานา อยากได้พื้นที่สาธารณะรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือไปจากลานวัดทุ่งนาซึ่งชาวบ้านมักรวมตัวกันในงานบุญงานกุศล หรือกิจกรรมพื้นฐานของชุมชนมาแต่ในอดีต
1
เมืองในยุคต่อมาเริ่มพัฒนามีย่านการค้า หรือย่านพาณิชยกรรมเกิดขึ้น เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป อย่างเช่นหากต้องการซื้อเสื้อผ้าชุดนักเรียนก็ต้องไปที่บางลำพู ต้องการซื้อผ้าก็ต้องไปที่พาหุรัด อย่างนี้เป็นต้น
การเกิดขึ้นของห้างสรรพสินค้าตามมาคือการตอบโจทย์ความสะดวกสบายของการนำย่านต่างๆ มารวมกัน
“ห้างมันตอบโจทย์ One Stop Service เอาของที่อยู่ในพื้นราบมารวมกัน มีความครบและตอบโจทย์คนไทยที่มีเวลาในชีวิตจำกัดเพราะต้องตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน มีเวลาพักผ่อนน้อยแค่เสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่ไปห้างจะไปไหน” อาจารย์จิตติศักดิ์ตั้งคำถามลอยๆ
แม้จะมีข้อเสนอจากบางกลุ่มว่าควรมีการจัดให้มีพื้นที่สาธารณะอื่นๆ ในเมืองมากขึ้น เช่น ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ เป็นพื้นที่นันทนาการในเมืองใหญ่บ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยจำนวนมากไม่ได้มีอุปนิสัยชื่นชมการแสวงหาความรู้ หรือเรียนรู้ประวัติศาสตร์ แต่ต้องการเสพความบันเทิงหรือการพักผ่อนหย่อนใจในรูปแบบง่ายๆ อย่างการช็อปปิ้ง การชมภาพยนตร์ การหาอาหารรับประทาน หรือเพียงแค่ได้เดินตากแอร์ในห้างเท่านั้น
ความล้มเหลวของผังเมืองที่ส่งผลถึงพฤติกรรม
ทั้งนี้ การพัฒนาของห้างในยุคปัจจุบันสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อเมือง โดยเฉพาะด้านการจราจร เพราะห้างในยุคสมัยนี้เป็นโครงการขนาดอภิมหาโปรเจกท์ทั้งสิ้น ซึ่งการควบคุมหรือเตรียมการรองรับของรัฐตามไม่ทัน
อย่างเช่น การไม่มีระบบการขนส่งมวลชนที่เพียงพอต่อการรองรับเมื่อมีห้างเปิดใหม่ ประกอบกับปัญหาการวางและจัดทำผังเมืองของประเทศไทยที่ไม่สามารถเร่งให้เกิดการควบคุมหรือชี้นำการพัฒนาที่เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเมือง หรือพูดให้ตรงคือภาคธุรกิจทำให้การเกิดขึ้นของห้างใหม่ๆ ในทุกแห่งมักตามมาด้วยปัญหาการจราจรติดขัดเสมอ
“ต้องยอมรับว่าผังเมืองของ กทม.มันวุ่นวาย ในเมืองนอก เอกชนต้องเสียเงินให้แก่สาธารณะคือเมืองหรือคนในเมือง ที่ได้รับผลกระทบเยอะมากนะถ้าต้องการสร้างห้างหรือโครงการขนาดใหญ่ๆ อะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง เพราะผลกระทบในแต่ละด้านมันเยอะ ทั้งเรื่องการเดินทาง เรื่องพลังงานด้วย อย่างห้างใหญ่ๆ ห้างหนึ่งใช้ไฟฟ้าเท่ากับตำบลเล็กๆ หนึ่งตำบลในต่างจังหวัดกันเลยนะ”
อาจารย์จิตติศักดิ์ย้ำว่า ห้างไม่ได้ผิด แต่เป็นวิถีชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ตามพัฒนาการของเมืองและสภาพสังคมเศรษฐกิจที่ประกอบสร้างกันขึ้นมา
ห้าง vs สวนสาธารณะ
ผลกระทบของการโตเร็วของเมืองทำให้ทุกวันนี้ กทม. แทบจะไม่มีพื้นที่ว่างเหลือพอจะมาทำสวนสาธารณะ เพราะที่ดินมีราคาสูงเกินกว่าจะซื้อมาเพื่อทำเป็นพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนใช้สอยในหลายพื้นที่
กระแสคนรุ่นใหม่รักสุขภาพต้องการใช้สวนสาธารณะเพื่อออกกำลังกายเป็นประจำ อาจเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้พื้นที่สีเขียวของไทยมีความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องมีการจัดการที่ชัดเจน และแบ่งบทบาทหน้าที่ของพื้นที่ให้ชัด
สวนในอนาคตคงไม่ได้ทำหน้าที่แค่สวน เช่น พื้นที่ในเมืองที่มีความแออัดอาจจะมีความต้องการพื้นที่สีเขียวมาใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่บริเวณชานเมืองอาจกลายเป็นพื้นที่รองรับน้ำท่วม หรือใช้เป็นศูนย์อพยพเมื่อประสบภัยพิบัติ อย่างนี้เป็นต้น
“ผมย้ำอีกทีนะว่า ห้างไม่ใช่ตัวร้าย ห้างเป็นดัชนีที่ชี้วัดความเป็นอยู่ของประเทศ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติได้อย่างดี สิ่งที่ควรทำคือเราต้องรู้เขารู้เรา แล้วโตไป พร้อมๆ กัน รู้กันทั้งรัฐทั้งประชาชน รัฐเองก็ต้องพยายามเท่าทันอย่าให้คนด่า อย่าเอื้อประโยชน์แต่คนบางกลุ่ม และอย่าให้คนเดือดร้อน” อาจารย์จิตติศักดิ์ทิ้งท้ายไว้
โฆษณา