23 พ.ค. 2020 เวลา 01:44
*อาหาร* ที่พระสงฆ์ควรฉัน:
อยากจะขอแนะนำพระสงฆ์เรื่องฉันอาหารหน่อยครับ ถ้าฉันไม่เป็น ทุกท่านอาจจะต้องนอนป่วยติดเตียงยาวๆ ในยามวัยชรา ผมไปเยี่ยมพระสงฆ์ระดับครูบาอาจารย์หรือรุ่นพี่รุ่นน้องในวัดที่เคยอยู่ หลายรูปมีปัญหาสุขภาพ แค่วัย ๔๐ หลายรูปก็อ้วนฉุกันไปแล้ว น่าจะถึงเวลาที่พระสงฆ์ควรเอาใจใส่อาหารกันได้แล้ว
๑.อาหารที่ชาวบ้านทำถวายและมีคนนำไปใส่บาตร ชาวบ้านมักซื้อจากตลาด ผมเคยไปแวะดูเขาทำกับข้าวที่ตลาด แม่ค้าพ่อค้าใส่ผงชูรสและน้ำตาลกันเยอะมากครับ โดยเฉพาะถ้าเป็นหม้อใหญ่ๆ ใช้ถ้วยใหญ่ตักผงชูรสเทเลย ไม่ปลอดภัยอย่างยิ่งในระยะยาว ผมเห็นแล้ว เลิกซื้อไปหลายเจ้า หันมาทำกินเองดีกว่า
ทางที่ดีนะครับ วัดทุกวัดที่มีศักยภาพหรือมีความพร้อม ควรหลีกเลี่ยงกับข้าวที่ซื้อจากตลาด ให้ญาติโยมทำครัวภายในวัด เน้นอาหารที่ปลอดภัย ลดน้ำตาลและผงชูรสให้มาก ทำกับข้าวเป็นถุงๆ เอาไว้
1
ถ้าญาติโยมต้องการใส่บาตรเช้าๆ ก็เข้าไปในวัด ซื้อกับข้าวจากโรงครัววัดที่เตรียมไว้เป็นถุงเพื่อใส่บาตรได้ เรียงแถวตักบาตรภายในวัดเลยก็ย่อมได้
เวลาไปบิณฑบาตก็เน้นแต่ข้าวก็พอ ถ้าระหว่างบิณฑบาต มีคนถวายกับข้าว ก็สงเคราะห์ให้ลูกศิษย์วัดหรือคนงานไปกินกันแทน ยกเว้นญาติโยมที่ปวารณาซึ่งรู้ปัญหาสุขภาพของพระและปรุงอาหารโดยไม่ใส่ผงชูรสและน้ำตาลมาก
๒.อาหารที่ฉันก็ควรรู้ว่าอะไรเป็นด่างอะไรเป็นกรด โดยธรรมดา ถ้าจะฉัน/กินเพื่อสุขภาพ ป้องกันโรคมะเร็ง ควรจะเน้นฉัน/กินอาหารที่มีคุณค่าเป็นด่าง ๘๕% ส่วนที่เป็นกรดประมาณ ๑๕% เท่านั้นในแต่ละมื้อ
เพราะมะเร็งเกิดในร่างกายมีกรดมาก หากฉัน/กินอาหารที่เป็นกรดเข้าไปมาก สุดท้ายก็เป็นมะเร็ง
พระจึงต้องศึกษากันบ้างว่าอาหารอะไรให้ความด่าง อะไรให้ความกรดแก่ร่างกาย ไม่ใช่ชาวบ้านให้อะไรฉันก็ฉันตามนั้น เพราะเดี๋ยวนี้ อาหารเป็นพิษตามท้องตลาดมีมาก ไม่เหมือนสมัยพุทธกาลซึ่งเกษตรกรไม่ได้ใช้สารเคมีในการเพาะปลูกพืช
ถ้าเป็นไปได้ ในระหว่างที่โรคระบาดนี้ พระสงฆ์ควรให้คนวัด (อารามิก) หรืออุบาสกอุบาสิกาประจำวัด ปลูกผักปลอดสารพิษภายในที่วัดได้ก็ดี แต่อย่าถึงขั้นลงมือปลูกเอง ขายเองเพราะพระต้องรักษาวินัยให้เคร่งครัดด้วย อย่าเหลาะแหละโงนเงนไปตามกระแสสังคม พิจารณาปัจจเวกขณะ คำนึงถึงสมณสารูปหรือหลักพระวินัยไว้ด้วย
๓.ที่ผมแนะนำนี้ไม่ใช่มีประโยชน์แต่พระอย่างเดียวนะครับ มีประโยชน์ต่อชาวบ้านทั่วไปด้วย แต่เพราะชาวบ้านนี้กว้างไปมาก แนะนำได้ลำบาก จึงอยากเน้นไปที่พระสงฆ์ก่อน
ผมเคยไปโรงพยาบาลสงฆ์เมื่อหลายปีมาแล้ว เคยอาศัยภูมินักธรรมตรีแกล้งถามพระที่ป่วยเรื่องพระธรรมวินัย ท่านตอบไม่ได้ครับ แม้แต่คำถามพื้นฐาน ท่านบอกว่าเพิ่งมาบวช สมัยเป็นฆราวาสติดโรคเรื้อรังแล้วไม่มีเงินรักษา จึงต้องบวช จะได้มาอาศัยโรงพยาบาลสงฆ์
สรุปแล้ว เมืองไทยเรามีปัญหาเรื่องอาหารการกินมาก เพราะ ๑.อาหารทุกวันนี้ เต็มไปด้วยสารพิษตกค้าง กินแล้วเป็นอันตรายแก่สุขภาพ ๒.เวลาทำกับข้าว พ่อค้าแม่ค้าชอบใส่ผงชูรสและน้ำตาลกันมาก ทำให้มีโรคภัยไข้เจ็บตามมามาก รัฐบาลไทยจึงพลอยสั่งซื้อยาปีละมากๆ จากต่างประเทศ ทั้งที่สามารถลดได้
ทางออกที่ดี ควรจะฉัน/กินให้ถูกสุขลักษณะจนเป็นวัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตจริงครับ รัฐบาลและสื่อต่างๆ ควรจะรณรงค์กันอย่างหนักให้ระมัดระวังเรื่องอาหารกันได้แล้วครับ ถ้าขับเคลื่อนไปทั้งสังคม โอกาสปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการกิน/ฉันและการปรุงอาหารในหมู่พระและชาวบ้านมีความเป็นไปได้สูงครับ
@ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
โฆษณา