29 พ.ค. 2020 เวลา 01:14
ประวัติศาสตร์รำลึก,
#ปืนพิรุณแสนห่า,#เรื่องเล่าก่อนเข้าเรื่องสั้นวันอาทิตย์,
“...พิรุณโปรยพร่างพรม
ระวีผ่าน,
กระทบม่าน โสตวิสุทธิ์
รุ้งสดใส,
คิดถึงเจ้าอยากเคียงคู่
อรทัย,
ศกสมัยกี่เพลาข้าเพียรรอ..”
อรุณสวัสดิ์ครับ เพื่อนๆ
ขอนำบทกวี ที่เคยเขียนไว้มาลงอีกครั้ง พร้อมกับคลิปเพลง “ฝน” ที่แจมกันสนุกๆของผม กับน้องเปรม เมื่อคืนนะครับ,
สุขสันต์วันศุกร์นะครับ :)
#เรื่องเล่าก่อนเข้าเรื่องสั้นวันอาทิตย์,
-ในสมัยรัชกาลที่ 2 และ 3 ปรากฏว่า มีการสะสมปืนใหญ่ไว้ใช้ในราชการสงครามหลายกระบอก มีปืนใหญ่ประจำการอยู่ในกองทัพไทยทั้งสิ้น 227 กระบอก ปืนคาบศิลา และกำลังพลจำนวนมาก อันเป็นเหตุให้กองทัพสยามเป็นที่น่าครั่นคร้ามในภูมิภาคนี้,
-แต่เมื่อครั้ง อังกฤษเข้ามากดดันราชสำนักสยาม จึงทำมีความกระด้างกระเดื่อง และก่อกบฏ เช่น “เจ้าอนุวงศ์”,
- ซึ่งเมื่อครั้งรัชกาลที่ 3 ขณะยังดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรง ให้การสนับสนุน เจ้าอนุวงศ์ที่ทูลขอให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงแต่งตั้งเจ้าราชบุตร (โย่) ของเจ้าอนุวงศ์ขึ้นเป็นเจ้านครจำปาศักดิ์ เพราะเชื่อในความจงรักภักดีในเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยช่วยไทยรบกับพม่ามาหลายครั้ง แต่เมื่อเจ้าอนุวงศ์ทรงเป็นกบฏในต้นรัชกาลที่ 3 พระองค์จึงทรงแค้นพระทัยมากทรงสั่งให้ทำลายเวียงจันทน์มิให้เป็นเมืองอีกต่อไป,
-ตามบันทึกในช่วงปลายชีวิตของเจ้าอนุวงศ์ ภายหลังที่พ่ายลงกับสยาม ,เจ้าอนุวงศ์ทรงถูกใส่กรงเหล็กประจานไว้หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ พร้อมด้วยนำเครื่องทรมานต่างๆ มาทรมานพระองค์ ทั้งยังต้องอดข้าว น้ำ
ซึ่งไม่นานเจ้าอนุวงศ์และพระบรมวงศานุวงศ์ก็สิ้นพระชนม์ด้วยความทุกข์ทรมาน สิริพระชนมายุรวม 61 พรรษา นับเวลาในการเสด็จครองราชย์ในนครเวียงจันทน์ได้ 23 ปี หลังจากนั้นเป็นต้นมาทางสยามก็ไม่ได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดในราชวงศ์ล้านช้างเวียงจันทน์ ขึ้นมาเป็นกษัตริย์เวียงจันทน์ ฝ่ายกรุงเวียงจันทน์ได้ถูกทำลายจากการปล้นและเผาจนไม่เหลือสภาพของเมืองหลวงและกลายเป็นเมืองร้างในที่สุด คงเหลือไว้แต่วัดสำคัญเพียงไม่กี่วัด ได้แก่ วัดพระแก้ว และวัดสีสะเกดเท่านั้น,
หลังจากเจ้าอนุวงศ์สิ้นพระชนม์แล้วอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ก็ถึงกาลอวสานสิ้นสุดลงในที่สุด เอกสารสยามไม่กล่าวถึงพระราชพิธีพระบรมศพของพระองค์...
-แต่บางบันทึก ก็พบถึงกลุ่มผู้ที่อยากจะฟื้นฟูอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทร์ และปลดแอกประเทศลาว จากการปกครองของสยามขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นที่มาของกลุ่มกบฏ ในเวลาต่อมาทั้งในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5..
อันเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวใน เรื่องสั้นย้อนยุคในตอนต่อๆไป..
#เกร็ดเพิ่มเติม,
#ปืนพิรุณแสนห่า,
สร้างขึ้นเมื่อปี 2320 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน, หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีความยาว 3.54 เมตรขนาดลำกล้อง 400 มิลลิเมตร หรือประมาณ 16 นิ้ว มีลวดลายประดับมีห่วงสำหรับจับยก 4 ห่วงมีรูปราชสีห์เผ่นผงาดที่เพลา รูชนวนมีรูปกนก หน้าสิงห์ขบท้ายรูปลูกฟักสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสร้างให้หล่อ ณ สวนมังคุด บริเวณโรงพยาบาลวังหลัง คือ ศิริราชพยาบาล ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ฉบับของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ว่า รัชกาลที่ 1 ทรงสร้าง ตั้งแต่ พ.ศ.2320 (ที่สร้างนั้นยังเป็นรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอยู่)
#ปืนพลิกพสุธาหงาย,
นับเป็นปืนแฝดของปืนพิรุณแสนห่า,
ปืนพลิกพสุธาหงาย สร้างเมื่อ ปี 2330 โดย รัชกาลที่ 1, ลำกล้องของปืนใหญ่ทั้งสอง เป็นลำกล้องเรียบ มีรูปร่างและรังเพลิงเป็นแบบเฮาวิตเซอร์ บรรจุลูกกระสุนทางปากกระบอกปืน ลักษณะเด่นของปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกนี้ คือ มีลวดลายเป็นศิลปะในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช,ปืนพิรุณแสนห่า มี ความยาว 3.51 ม. ขนาดลำกล้อง 400 ม.ม.หรือประมาณ 16 นิ้ว เท่ากับปืนพระพิรุณแสนห่า
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ :)
ร้อยเรียงข้อมูล (T.Mon)
29/5/2020
ภาพและข้อมูลสนับสนุนส่วนหนึ่ง: สุเจน กรรพฤทธิ์. ตามรอยเจ้าอนุวงศ์ คลี่ปมประวัติศาสตร์ไทย-ลาว. กรุงเทพฯ:สารคดี, หน้า 145, ภาสกร วงศ์ตาวัน, เจ้าอนุวงศ์ : กบฏหรือวีรบุรุษ. กรุงเทพ, 2553, พิพิธภัณฑ์อาวุธทหารปืนใหญ่อยู่ภายในศูนย์การทหารปืนใหญ่   ค่ายพหลโยธิน หมู่ที่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมือง   จ.ลพบุรี, บันทึกไว้ในพงศาวดารรัชกาลที่ 1 ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ,บทความโรม บุนนาค ใน เมเนเจอร์ออนไลน์ 23 ก.ย. 2558,

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา