29 พ.ค. 2020 เวลา 02:58 • สุขภาพ
# เค้าว่ากันว่า...โควิดอาจทำให้เราต้องเปิด-ปิดประเทศทุก 2 เดือน เรื่องนี้ดูจะมีแววเป็นไปได้ ! เมื่อเกาหลีใต้กลับมาติดหนัก จนต้องขอปิดกรุงโซลอีกรอบ #
เกาหลีใต้ใช้มาตรการเข้มอีกครั้ง หลังยอดติดเชื้อสูงสุดรอบ 2 เดือน
(28 พ.ค.2563) กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้
แจ้งว่ามีคนติดโควิดเพิ่มขึ้นเป็น 79 คน นับเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 2 เดือน ตั้งแต่มีการคลายล็อคดาวน์มา
ทางการจึงตัดสินใจว่า
จะใช้มาตรการป้องกันโรคในกรุงโซลอีกครั้ง หลังจากผ่อนคลายมาตรการไปเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 63
สำหรับมาตรการป้องกันโรคครั้งใหม่
จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (29 พ.ค.) ไปจนถึงวันที่ 14 มิ.ย. 63
.
ได้แก่ สั่งปิดพิพิธภัณฑ์และสวนสาธารณะ รวมถึงสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะ และให้บริษัทต่าง ๆ เริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเพื่อลดความแออัดอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังขอให้ทุกคนเลี่ยงการเดินทางไปยังที่ที่แออัด
.
และหากพบคนติดเชื้อมากกว่า 50 คน ติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์ รัฐบาลจำเป็นต้องกลับมาใช้มาตรการ Social Distancing อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง
ในจำนวนคนติดเชื้อ 79 คนรอบนี้
เจ้าหน้าที่บอกว่า 69 คน มาจากศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทอี-คอมเมิร์ซ คูปัง ในเมืองบูชอนทางตะวันตกของกรุงโซล ทำให้ต้องกักตัวพนักงานและคนที่เคยไปยังโกดังนี้ประมาณ 4,100 คน และตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงไปแล้ว 80 %
===========
# เหรียญมี 2 ด้าน...เช่นเดียวกันกับมาตรการป้องกันโควิด ก็มีทั้งช่วยและทำลายประเทศเช่นกัน #
สำหรับประเทศไหนที่เข้มงวดมาก ๆ
ไม่ให้คนออกบ้าน ไม่ยอมคลายล็อคดาวน์ และหยุดกิจกรรมการหาเงินทั้งหมด อย่างเช่น ประเทศไทยเรา เป็นต้น
ประเทศเหล่านี้...จะเจอยอดคนป่วยคนตายจากโควิดน้อยกว่าที่อื่น ๆ เพราะทุกคนถูกสั่งเว้นระยะห่าง ให้อยู่กันแต่ในบ้านขนาดคนยังไม่เจอกัน...เชื้อโรคไม่ต้องพูดถึง มันแทบจะไม่เคยได้ทักทายกันเลย
ดังนั้นตัวเลขโควิดบ้านเราก็เลยดูสวย
จนต่างชาติยกย่องเป็นโมเดลทองคำซะงั้น
แต่อย่างที่บอก...เมื่อมีได้ก็ต้องมีเสียค่ะ
การล็อคดาวน์ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจถูกแช่แข็งทั้งหมด ประเทศเรากำลังหยุดชะงัก และธุรกิจเริ่มเดินต่อไปไม่ได้ ถึงเราจะเริ่มคลายล็อคบ้างแล้ว แต่เพราะคนไม่มีรายได้มาตลอด 2-3 เดือน ดังนั้นคนก็จะหวงเงินมาก เลยแทบจะไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอยกัน
เมื่อเป็นแบบนี้สิ่งที่ธุรกิจจะทำได้เพื่อรักษาสภาพคล่องของตัวเองให้มากสุด ก็คือการเฉือนเนื้อออกไปบางส่วน ด้วยการปลดคนทิ้ง”
ประเทศไทยเราล่าสุด...
สภาพัฒน์รายงานยอดคนตกงานที่สูงขึ้นไปถึง 8.4 ล้านคน และยังเพิ่มต่อเนื่อง โดยหอการค้าได้ประเมินไว้ที่ 12 ล้านคนจนถึงสิ้นปี
.
ส่วนนักศึกษาใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดแรงงานในเดือน พ.ค.- ก.ค. ประมาณ 520,000 คน ก็มีแนวโน้มตกงานเช่นกัน
การตกงานทั่วโลกยังถูกประเมินโดยองค์การท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติว่า จะมีถึง 110 ล้านตำแหน่งงาน หลัก ๆ มาจากการท่องเที่ยวที่ลดลงถึง 70 % เนื่องจากการล็อคดาวน์ยังมีอยู่
และถึงแม้บางประเทศ อย่างจีนและเกาหลีใต้ที่เริ่มคลายล็อคดาวน์ไปบ้างแล้ว แต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่นัก ยังต้องระวังที่จะติดกันใหม่ (แบบในข่าว) แล้วสุดท้ายก็กลับมาปิดเมืองซ้ำกันอีก
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากของทุกประเทศ !
ในการตัดสินใจว่า...
ประเทศควรจะคลายล็อคดาวน์แบบไหนและสมควรจะคลายเมื่อไหร่
เพราะถ้าทำไวไป โอกาสกลับมาติดซ้ำมีแน่นอนค่ะ เหมือนอย่างย่านอิแทวอน ของเกาหลีใต้รอบนี้
.
แต่ถ้าทำช้าไป คนก็จะแย่ลงไปเรื่อย ๆ จากสภาพเศรษฐกิจถดถอย และสภาพจิตใจที่โดนกักอยู่แต่ในบ้าน
.
เค้าถึงมีคำพูดออกมาว่า...
“เราอาจไม่ตายจากโควิด แต่เราจะตายจากจิตโคม่า”
ดังนั้นรัฐต้องชั่งน้ำหนักดี ๆ ระหว่าง
“คนตาย กับ คนอดตาย”
เพราะไม่ว่าจะเอียงมาตรการไปทำด้านไหน
ทุกด้าน...ย่อมให้ทั้งคุณและโทษกับประเทศ
สำหรับสาระแบบสั้นๆ และคลิปสั้นทันข่าว ติดตามได้ที่
❤️ด้วยความปรารถนาดี
The Wisdom Diary
#เกาหลีใต้
#โควิด
#โซล
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา