31 พ.ค. 2020 เวลา 03:31 • ไลฟ์สไตล์
คุณ ศุภจี สุธรรมพันธุ์
1
อีกหนึ่งแบบอย่าง..ที่อยากเป็นให้ได้อย่างคุณแต๋ม
จากที่นั่งดูคลิปสัมภาษณ์คุณแต๋มหลายคลิป จากที่ไม่เคยรู้จัก กลายมาเป็น หลงรักผู้หญิงคนนี้และอยากเป็นให้ได้อยากเธอบ้าง
Cr. รูป The clound
คุณแต๋มในความรู้สึกของจูลคือ เป็นคนที่เสียงหวาน ค่อยๆพูดค่อยๆจา มีความเป็นตัวของตัวเอง สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน ตั้งใจฟังเวลาคนพูด ตอบคำถามอย่างละเอียด มีความคิดเป็นระบบ วางแผนว่าต้องทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอน มีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล และแน่นอน เป็นคนที่รักษาสัญญาในทุกเรื่องที่เธอพูดและทำค่ะ
มารู้จักประวัติที่น่าทิ่งของคุณแต๋มกันค่ะ
ปัจจุบันคุณแต๋มดำรงตำแหน่งเป็น group CEO ของกลุ่มดุสิตธานี
เป็น CEO คนนอกตระกูลคนแรกในประวัติศาสตร์อันยาวนานของกลุ่มดุสิต
ปัจจุบันดุสิตมี 28 โรงแรมใน 9 ประเทศ
ในอีกสามปีข้างหน้าดุสิตจะมีโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 70 โรงแรม ทั้งหมดอยู่นอกประเทศ
ถือเป็นการเติบโตที่ agressive มาก และคุณแต๋มนี่แหละที่จะเป็นคนรับผิดชอบงานนี้
เธอบอกว่าเธอมี passion สร้างแบรนด์ไทยไประดับโลกให้ได้
นอกจากโรงแรมแล้วดุสิตยังมีเรื่องของการศึกษาด้วย
โรงเรียนการโรงแรมของดุสิตมีนักเรียนกว่า 4000 คน และก็มี Le Cordon Bleu ที่มีเชฟจบการศึกษาประมาณ 1200 คนในแต่ละปี
คุณแต๋มมีประสบการณ์ที่น่าทึ่งตั้งแต่เป็นกรรมการผู้จัดการผู้หญิงไทยคนแรกของ IBM Thailand
เลื่อนตำแหน่งอย่างเป็นผู้ช่วยประธานบริษัท IBM Global เป็นตำแหน่งที่แทบไม่มีคนเอเซียเคยไปถึง
แต่เรื่องราวที่น่าสนใจคือเรื่องของการ turnaround ไทยคม
คุณแต๋มเข้ามาไทยคมในช่วงที่บริษัทกำลังมีปัญหาอย่างหนัก
1
ขาดทุนติดต่อกันมา 7 ปี และยังมีปัญหากระทบกระทั่งจากเรื่องการเมือง
คุณแต๋มเข้ามา turnaround องค์กรแห่งนี้โดยใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็กลับมามีกำไร
และภายใน 3 ปีหลังจากคุณแต๋มเข้ามา Market Cap ของไทยคมใหญ่ขึ้นถึง 5 เท่า
จากที่เคยขาดทุนสูงสุดกว่า 2000 ล้าน พลิกกลับมาเป็นกำไรกว่า 1800 ล้าน
ตอนคุณแต๋มเข้าทำงานที่ไทยคมหุ้นไทยคมราคาอยู่แค่ 7 บาท
ในยุคคุณแต๋มพีคสุดที่ 45 บาท
ไทยคมจ่ายปันผลครั้งแรกในปี 2012 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
ทำให้ดาวเทียมไทยคมมี capacity สูงสุดในเอเซียและอันดับสามของโลก
1
คุณแต๋มได้รางวัล BEST CEO and Best Mid Cap, FinancialAsia
ไทยคม Rating ขยับมา 3 ขั้นจนได้ A- จาก TRIS ในปี 2014
จบภารกิจใหญ่ที่ไทยคมคุณแต๋มก็ย้ายมาที่กลุ่มดุสิต
ปัจจุบันคุณแต๋มนอกจากจะเป็น group CEO ของดุสิตแล้ว ยังเป็นกรรมการมหาวิทยาลัย 3 แห่ง
เป็นอนุกรรมการจัดตั้ง super holding ดูแลรัฐวิสาหกิจ 12 แห่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นกรรมการบริษัทต่างๆอีกมากมาย
รวมทั้งสิ้น 23 ตำแหน่ง!
ยังครับ ยังไม่หมด เธอยังเป็น certified executive coach จาก UC Berkley ด้วยต่างหาก
เพราะเธออยากให้ผู้บริหารระดับสูงมีโค้ชที่เข้าใจผู้บริหารด้วยกันเอง ก็ควรต้องเป็นผู้บริหารมาโค้ชกันเอง แต่แอบกระซิบนิดนึงว่าค่าตัวพี่แต๋มแพงมากๆ
แล้วคุณแต๋มบริหารเวลาได้ยังไง
มีคนถามถึง work life balance
เธอตอบว่าเธอใช้ work life integration มากกว่า โดยมีหลักการง่ายๆอยู่สามอย่างคือ
1. ใช้ multiple role อย่างฉลาด
ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ เวลาตอนอยู่ที่ทำงาน เราก็สามารถทำเรื่องส่วนตัวได้
เวลาอยู่ที่บ้านก็สามารถทำงานได้ รู้จักใช้ technology เพื่อ maximize performance ของเราให้ได้
2. มีสติรู้ว่าเราทำ role อะไรอยู่
การทำตัวเป็น CEO ตอนอยู่กับครอบครัวคงไม่เหมาะ
การตัวตัวน่ารักคิขุตอนอยู่กับลูกน้องก็คงไม่เหมาะเช่นกัน
3. Always deliver what you promise
มีช่วงที่ลูกคุณแต๋มอยู่สิงคโปร์ คุณแต๋มอยู่กรุงเทพ
คุณแต๋มสัญญากับลูกว่าจะบินไปหาทุกศุกร์ และกลับวันอาทิตย์
คุณแต๋มทำแบบนี้อยู่สองปีไม่เคยขาดแม้แต่สัปดาห์เดียว นี่คือการ commit ที่สุดยอดมากครับ
คุณแต๋มมีงานที่ต้องรับผิดชอบถึง 23 อย่าง แต่เธอยังมีเวลาออกกำลังกายทุกวัน
เพราะเธอเข้าใจ role ของตัวเองตลอดเวลา
เธอเคยเล่าว่าครั้งหนึ่งไปต่อเครื่องที่สนามบิน Frankfurt แล้วนึกได้ว่าวันนี้ยังไม่ได้ออกกำลังกายเลย เธอจึงวิ่งอยู่รอบๆสนามบินนั่นแหละ
นี่คือคนที่ commit กับเป้าหมายอย่างแท้จริง
คุณแต๋มบอกว่าถ้าพี่ทำได้ คุณก็ต้องทำได้
การทำงาน
มียุทธศาสตร์ในการทำงานอยู่ 5 เรื่องสำคัญซึ่งจะเป็นรากฐานที่สำคัญคือ
1
1. เรื่องของคน
โดยจะเน้นในเรื่องการสร้างวัฒนธรรรมองค์กร ซึ่งจะเป็นอย่างไร
ต้องรู้ว่าวิสัยทัศน์ของดุสิตธานีก่อนว่าเป็นอย่างไร
วิสัยทัศน์เดิมถูกกำหนดไว้ว่าต้องการที่จะเป็นผู้บริการทางด้านที่พักและโรงแรมที่ดีที่สุดในเอเชีย
ซึ่งเธอยอมรับว่าเป็นวิสัยทัศน์เมื่อ 6-7 ปีก่อนที่อาจจะไม่สอดคล้องกับโลกในอนาคต
แต่การเข้ามาเป็นซีอีโอใหม่ แล้วบอกว่ามาเปลี่ยนวิสัยทัศน์กันเถอะ คงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก
1
“เป็นไม่ได้หรอกค่ะที่ศุภจีมาจากไหนก็ไม่รู้ คนในอุตสาหกรรมนี้ ไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำไปมั้งอยู่ๆ จะมาวางกลยุทธ์ 1 2 3 ให้เขาทำอะไร  คงไม่เหมาะสม และรอบคอบแน่นอน”
1
ดังนั้น สิ่งแรกที่เธอทำคือเรียกระดมความคิดจากระดับผู้บริหารทั้งหมดภายใต้การบังคับบัญชา
และพนักงานรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งประมาณ 30 คน มาร่วมกันระดมสมอง กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ที่มองไปข้างหน้า
วิสัยทัศน์ใหม่ที่ได้มาคือภูมิใจในความเป็นไทย มอบบริการที่มีเอกลักษณ์ สร้างความประทับใจทั่วโลก
Proud of our Thai heritage, uniquely delivering gracious hospitality to the world
“พนักงานอาจจะสงสัย gracious hospitality แปลว่าอะไร
1
ก่อนที่จะประกาศ ก็ได้เอาจีเอ็มประมาณ 29  โรงแรมมาช่วยกันคิด ก็ออกมาว่าดุสิตซิกเนเจอร์ในเรื่องการต้อนรับเป็นแบบนี้
เช่น เวลาเราให้บริการลูกค้า การคุยกับแขกต้องสบตา มองหน้าด้วยความจริงใจ แล้วก็มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ในน้ำเสียง พร้อมกับมีรอยยิ้มเสมอในการคุย
1
หรือถ้าแขกถามทางห้องไหนไปทางไหน สิ่งที่เราสอนคือต้องหยุดในสิ่งที่ตัวเองทำทันที แล้วพาแขกไปยังห้องนั้นๆ นี่คือ gracious hospitality ในแบบของดุสิต”
สิ่งเหล่านี้เธอย้ำว่าต้องให้พนักงานเข้าใจและปฎิบัติเป็นความเคยชิน  ถึงจะสร้างความโดดเด่น และความแตกต่างของแบรนด์ได้
2. เรื่องกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันดุสิตบริหารโรงแรมอยู่ 19 โรงแรมเป็นเจ้าของเอง 10 แห่ง รับบริหาร 29 แห่ง ใน 8 ประเทศ
แต่วันนี้ได้เซ็นสัญญาเพิ่มขึ้นมาอีก 52 โรงแรม  เพราะฉะนั้นใน 3-5 ปีข้างหน้าโรงแรมจะค่อยทยอยๆ เปิดรวมทั้งหมดประมาณ 70 แห่ง กำลังคนจาก 6,500 คนจะกลายเป็น 20,000 คน
3. ในเรื่องของทรัพย์สิน
ต้องทำให้ดูดีสะอาด ใหม่ ทันสมัย
ปีที่ผ่านมามีการรีโนเวทโรงแรมใหม่ใช้งบไปถึง 670 ล้านบาท
และโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นบนพื้นที่โรงแรมเดิมที่ถนนสีลมจะเป็นแฟกชิพ อวดคนทั้งโลก สร้างความมั่นใจให้กับแบรนด์ดุสิตเพิ่มขึ้น
4. เทคโนโลยี
ซึ่งสำคัญอย่างมากในการทำธุรกิจยุคปัจจุบัน  จะเอามาใช้กับโรงแรมได้อย่างเหมาะอย่างไร โดยไม่ต้องลงทุนใหม่ทั้งหมด
ทั้งในเรื่องกระบวนการทำงานข้างในให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าได้ประทับใจกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เขาจะได้รับ
รวมทั้งการบริหารบิ๊กดาต้าที่มีอยู่ เพื่อสร้างความพอใจสูงสุดให้ลูกค้า
5. เรื่องความสามารถทางการเงิน
ที่ต้องมีวิธีการบริหารเรื่องการเงินให้มั่นคง
ทั้ง 5 เรื่องนี้ ถูกอธิบายไว้ในอีเมลอย่างสั้นๆ เพื่อให้พนักงาน ได้เข้าใจในสิ่งที่องค์กรกำลังจะทำ
เข้าไปพบตัวจริงเสียงจริงได้ที่นี่ค่ะ
1.
เพิ่มrole model ให้ตัวเองเดินตามวันละนิด
เหมือนเติมวันละ 1 องศา
1 วัน อาจจะไม่มีอะไร
10 วันไม่มีความต่าง
แต่ 100 วันล่ะ 1000 วันล่ะ
จะเปลี่ยนแปลงไปโดยแทบไม่เห็นร่องรอยเดิม
มาร่วมกันหา1องศา เพื่อเติมเต็มวงล้อชีวิตให้สมบูรณ์ไปกับพิ้งกี้และบลูบลูกันใหม่นะคะ
หากชอบบทความนี้ กดFollow กดLike กดShare เป็นกำลังใจให้พิ้งกี้และบลูบลูด้วยค่า
ติดตามที่ Facebook
โฆษณา