31 พ.ค. 2020 เวลา 12:00 • กีฬา
เคร็ก จอห์นสตัน : ผู้กำเนิดสตั๊ด "พรีเดเตอร์" ที่โลกไม่ได้จดจำในฐานะนักฟุตบอล
1
ไมเคิล จอร์แดน ผู้ให้กำเนิด NIKE AIR JORDAN หนึ่งในรองเท้าที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกแฟชั่น, เลส พอล ผู้ให้กำเนิด GIBSON LES PAUL กีตาร์คลาสสิคอมตะ, แอนเดร โรเมลล์ ยัง หรือ ด็อกเตอร์เดร ผู้ให้กำเนิด BEATS ELECTRONICS บริษัทเครื่องเสียงระดับโลก ... จะเห็นได้ว่าพวกเขาเหล่านี้คือสุดยอดตำนานในแต่ละวงการของตัวเอง ก่อนที่ภายหลังจะให้กำเนิดสิ่งของหรือแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล
แต่เรื่องราวที่เราจะเล่าในวันนี้แตกต่างออกไปบางส่วน มันคือเรื่องราวของนักฟุตบอลธรรมดาคนหนึ่ง ที่ถึงจะไม่ล้มเหลว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากมาย อย่างไรก็ตามนักฟุตบอลโลกไม่จำคนนี้กลับให้กำเนิดสตั๊ดระดับตำนาน ที่โลกต้องจดจำไปอีกแสนนาน
นี่คือเรื่องราวของ เคร็ก จอห์นสตัน ...
ไอ้หนุ่มขาเกือบขาดสู่กองกลางหงส์แดง
เคร็ก จอห์นสตัน เกิดที่เมือง โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ในครอบครัวชาวออสเตรเลีย จอห์นสตันเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างดี พ่อแม่พอจะมีเงินเลี้ยงดูเขาให้อยู่สบาย ไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิต แต่หลังจากลืมตาดูโลกได้เพียงหกปี ชีวิตของเด็กชายจอห์นสตันก็เกือบที่จะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
1
เขาป่วยเป็นโรคโปลิโอ ชนิด Osteomyelitis ที่แพทย์วินิจฉัยว่า จำเป็นที่จะต้องตัดขาข้างหนึ่งทิ้งเพื่อรักษาชีวิต ซึ่งแม่ของเขานั้นเซ็นเอกสารยินยอมไปเรียบร้อยแล้วด้วย แต่โชคยังเข้าข้างเด็กชายจอห์นสตัน ราวกับชะตาลิขิตไว้ว่าชีวิตเขาต้องเป็นตำนาน จะมาหยุดแค่นี้ไม่ได้ ... จากที่เกือบหมดหวังไปแล้ว ปรากฏว่าครอบครัวของจอห์นสตันสามารถหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคนี้จากสหรัฐอเมริกาได้ทันเวลา ทำให้สุดท้ายจอห์นสตันรอดพ้นจากการเสียขา และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเดิม
ช่วงเวลาเลวร้ายผ่านพ้นไป ความสดใสก็เริ่มมาเยือน เด็กชายจอห์นสตันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความหลงรักในกีฬาฟุตบอลที่เขาได้รับอิทธิพลจากผู้เป็นพ่อซึ่งเคยเป็นนักฟุตบอลสมัครเล่น จอห์นสตันและครอบครัวได้ย้ายกลับมาใช้ชีวิตที่ประเทศออสเตรเลีย ก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนวิชาลูกหนังอย่างจริงจังครั้งแรกกับ Lake Macquarie City FC สโมสรเล็กๆ ในรัฐนิวเซาธ์เวลส์
งตัดสินใจทำบางอย่างที่ยิ่งใหญ่แต่ใครๆ คงมองเป็นเรื่องเพ้อฝัน ... เขาเขียนจดหมายหาสโมสรยักษ์ใหญ่ในอังกฤษหลายสโมสรเพื่อขอทดสอบฝีเท้า ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, และ มิดเดิ้ลสโบรช์ … สุดท้ายมีเพียง เดอะ โบโร่ สโมสรเดียวเท่านั้นที่ตอบจดหมายเขากลับ
ครอบครัวของจอห์นสตันตัดสินใจขายบ้านเพื่อนำเงินมาเป็นทุนส่งลูกชายไปตามล่าหาความฝันที่ประเทศอังกฤษ และจอห์นสตันก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจจนได้รับมอบสัญญาให้เป็นนักเตะฝึกหัดของมิดเดิ้ลสโบรช์
หลังจากเป็นนักเตะฝึกหัดได้เพียงสองปี ด้วยฟอร์มการเล่นอันโดดเด่น จอห์นสตันก็โดนดันขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ในวัยเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น และถึงแม้จะต้องเจอกับการแข่งขันที่โหดขึ้น คู่แข่งที่เก่งขึ้น ก็ไม่อาจจะหยุดความร้อนแรงของเด็กหนุ่มคนนี้ได้ โดยตลอด 4 ฤดูกาล (1977-1981) จอห์นสตันลงเล่นในลีคไปทั้งหมด 64 นัด และยิงได้กว่า 16 ประตู จนในที่สุดฝีเท้าของจอห์นสตันก็ไปสะดุดตายอดทีมแห่งเกาะอังกฤษในขณะนั้น ... ลิเวอร์พูล
ทีมหงส์แดงตัดสินใจคว้า เคร็ก จอห์นสตัน ไปร่วมทัพด้วยค่าตัว 650,000 ปอนด์ และไอ้หนุ่มขาเกือบขาดคนนี้ก็ไม่ทำให้สโมสรใหม่ต้องผิดหวัง เขาปรับตัวได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญให้ลิเวอร์พูลเถลิงความยิ่งใหญ่ในยุค 80
จอห์นสตันค้าแข้งกับลิเวอร์พูลด้วยกัน 8 ปี ลงสนามในลีกไปทั้งหมด 271 นัด ยิงได้ 40 ประตู คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 (พรีเมียร์ลีก ในปัจจุบัน) 5 สมัย เอฟเอคัพ 2 สมัย ลีกคัพ 2 สมัย และยูโรเปี้ยนคัพ (แชมเปี้ยนส์ลีกในปัจจุบัน) 1 สมัย โดยรวมถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ถึงแม้เขาจะไม่เคยติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เลยสักครั้ง (จอห์นสตันมีสิทธิ์เล่นให้กับทีมชาติแอฟริกาใต้และออสเตรเลีย แต่เขาตั้งใจที่จะเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษเท่านั้น)
อย่างไรก็ตามชีวิตนักฟุตบอลที่กำลังไปได้สวยของจอห์นสตันกลับต้องจบเร็วกว่าที่คิด เขาตัดสินใจแขวนสตั๊ดในวัยเพียง 28 ปีเท่านั้น เนื่องจากสาเหตุทางครอบครัว เขาจำเป็นต้องกลับไปดูแลพี่สาวที่ป่วยหนัก
Photo : thesefootballtimes.co
เรื่องราวการเป็นนักฟุตบอลของจอห์นสตันจบลงเพียงเท่านี้ อย่างที่เราบอกไป เขาไม่ใช่นักฟุตบอลที่ล้มเหลว แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาคือนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จ
จริงอยู่ที่ในยุค 80’s จอห์นสตันอาจจะพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ถ้าลองถามเด็กยุคนี้ดูว่ารู้จัก เคร็ก จอห์นสตัน หรือเปล่า เชื่อว่าคงมีน้อยคนเหลือเกินที่จะรู้จัก นอกจากจะเป็นคอบอลพันธุ์แท้จริงๆ กลับกันถ้าถามว่ารู้จักรองเท้าสตั๊ด adidas Predator หรือเปล่า เชื่อว่าแทบทุกคนต้องตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“รู้จักสิ"
ใช่ ... เรื่องราวของ เคร็ก จอห์นสตัน ที่กลายเป็นตำนานเริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้
รองเท้าสตั๊ดที่เหมือนกับไม้ปิงปอง
เชื่อว่าคงมีน้อยคนที่จะรู้ว่า adidas แบรนด์อุปกรณ์กีฬามหาอำนาจของโลกในปัจจุบันครั้งหนึ่งในช่วงต้นยุค 90’s พวกเขาเคยเกือบล้มละลายมาแล้ว แต่โชคดีที่มีอัศวินขี่ม้าขาวสองคนมาช่วยได้ทันเวลา คนแรกคือ มาดอนน่า ราชินีเพลงป๊อปผู้โด่งดัง เธอเคยถ่ายภาพโดยสวมกระโปรงสีแดงของ adidas และมันก็กลายเป็นภาพถ่ายที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก จนส่งผลให้ยอดขายของ adidas พุ่งขึ้นอย่างมาก ส่วนคนที่สองคือ เคร็ก จอห์นสตัน อดีตนักฟุตบอลกองกลางทีมลิเวอร์พูลผู้โด่งดัง ... น้อยกว่ามาดอนน่าหลายช่วงตัว
โดยเรื่องราวของอัศวินขี่ม้าขาวผู้ไม่โด่งดังนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เขายังเป็นนักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงที่สโมสร มิดเดิ้ลสโบรช์
“ผมคิดมาตลอด ตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่งที่โบโร่ ว่าอยากได้รองเท้าสตั๊ดที่สามารถควบคุมลูกฟุตบอลได้ดีกว่านี้” จอห์นสตันเผยให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจว่า ในยุคที่เขายังค้าแข้งนั้นไม่มีรองเท้าสตั๊ดที่สามารถควบคุมลูกฟุตบอลได้ดั่งใจคิด อย่างไรก็ตามความคิดนั้นก็เข้ามาแล้วผ่านไป จอห์นสตันไม่ได้ทำอะไรจริงจังนอกจากก้มหน้าก้มตาเตะฟุตบอลตามหน้าที่ของตัวเอง
เวลาล่วงเลยไปนับสิบปี หลังจากที่จอห์นสตันแขวนสตั๊ด เขาจัดการภาระหน้าที่เรื่องครอบครัวเรียบร้อย จากนั้นเขาก็ย้ายมาอาศัยที่เมือง ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เขาใช้วิชาลูกหนังของตัวเองให้เป็นประโยชน์ด้วยการทำงานเป็นโค้ชฟุตบอลให้กับเด็กๆ ที่ศูนย์ซ้อม Avalon
“จงคิดว่าเท้าและรองเท้าสตั๊ดของตัวเองเป็นไม้ปิงปอง” นี่คือสิ่งที่จอห์นสตันพร่ำสอนลูกศิษย์ของเขาอยู่เสมอ เพราะมันจะช่วยให้ควบคุมลูกฟุตบอลได้ดีขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งลูกศิษย์คนหนึ่งของเขาก็เถียงกลับมาว่า
“แต่รองเท้าของพวกเราไม่ได้ทำมาจากยางนะ มันทำมาจากหนัง” ใครจะคาดคิดว่าด้วยคำพูดไร้เดียงสาของเด็กน้อยคนหนึ่งจะทำให้จอห์นสตันเกิดแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่
หลังจากนั้น วันหนึ่งที่ฝนตกหนัก จอห์นสตันจึงไม่ต้องออกไปทำหน้าที่โค้ชฟุตบอล เขาใช้เวลาทั้งวันในการดัดแปลงรองเท้าสตั๊ดของตัวเอง โดยการถอดแถบยางของไม้ปิงปองมาพันรอบรองเท้า
“ผมรีบเอารองเท้าที่ดัดแปลงไปลองเตะฟุตบอลกลางสายฝน ถึงมันจะส่งเสียงร้องเหมือนหมูเพราะแถบยาง แต่มันก็ช่วยให้ควบคุมลูกฟุตบอลได้ดีขึ้นมาก มันคือช่วงเวลาแสนวิเศษ”
เมื่อมีวี่แววจะไปได้สวย จอห์นสตันก็ไม่รอช้า กลับบ้านมาพัฒนารองเท้าเพิ่มเติม เขาเล่าให้ฟังว่าเขาลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ มากกว่าหนึ่งพันรูปแบบ จนกระทั่งได้คู่ต้นแบบที่ดีที่สุด เขาก็ตัดสินใจนำมันไปเสนอให้กับเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้ง adidas, PUMA, Nike, Reebok และ Umbro
1
“ผมเอาไปที่ adidas แต่พวกเขาบอกว่ามันไม่มีทางที่จะเวิร์ก จากนั้นผมก็เอามันไปเสนอกับ PUMA, Nike, Reebok และ Umbro พวกเขาก็ตอบกลับมาสั้น ๆ ว่าไม่”
1
จอห์นสตันเริ่มต้นด้วยความล้มเหลว แต่คิดเหรอว่าชายที่ครั้งหนึ่งเกือบต้องเสียขาไปและออกมาผจญภัยที่อังกฤษเพียงลำพังตั้งแต่อายุ 14 จะถอดใจยอมแพ้ ... ไม่มีทางอยู่แล้ว เพราะหลังจากนั้นจอห์นสตันก็คิดบางอย่างได้และตัดสินใจบินลัดฟ้าสู่เยอรมัน
นักเตะธรรมดากับช่วงเวลามหัศจรรย์
จอห์นสตันตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เขาตัดสินใจเดินทางมาพบกับผู้ชายคนหนึ่ง “ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์” ใช่ ทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่จอห์นสตันคิดว่าตำนานลูกหนังเยอรมันคนนี้จะช่วยเขาได้
“ผมไปที่ประเทศเยอรมนี สโมสร บาเยิร์น มิวนิค ผมบอกทางสโมสรไปว่า ‘ผมต้องการพบ ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์’ พวกเขาถามกลับมาว่า ‘คุณเป็นใคร?’ ผมตอบไปว่า ‘ผมชื่อ เคร็ก จอห์นสตัน อดีตนักเตะลิเวอร์พูลชาวออสเตรเลีย’” มันเป็นการกระทำที่บ้าบอ แต่ใครจะเชื่อว่าในอีกไม่กี่วันต่อมาจอห์นสตันจะได้พบกับสุดยอดตำนานคนนี้จริงๆ
เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนีในช่วงธันวาคม ปี 1990 หิมะกำลังโปรยปรายลงมาอย่างหนัก นั่นคือช่วงเวลาที่จอห์นสตันได้พบกับ ฟรานซ์ “ไกเซอร์” เบ็คเคนเบาเออร์
“นายคือหมายเลข 8 ของลิเวอร์พูลนี่” เบ็คเคนเบาเออร์ทักทาย โชคดีที่เขาจำจอห์นสตันได้จากช่วงเวลาที่เขายังค้าแข้งอยู่ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พูดถึงรายละเอียดของไอเดียรองเท้าที่จอห์นสตันนำมาเสนอ ก่อนที่บทสนทนาในวันนั้นจะจบลงว่า
“พรุ่งนี้กลับมาที่นี่อีก เอารองเท้าสตั๊ด 4 คู่ติดตัวมาด้วย” เบ็คเคนเบาเออร์ทิ้งท้าย
Photo : Goal Zone | Bob Thomas Sports
วันรุ่งขึ้นจอห์นสตันมาหาเบ็คเคินเบาเออร์อีกครั้งพร้อมรองเท้าสี่คู่ตามคำสั่ง แต่ปรากฏว่าคราวนี้ไกเซอร์แห่งเยอรมันไม่ได้อยู่คนเดียว คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้, พอล ไบรท์เนอร์, และ ฮันซี่ มุลเลอร์ ก็อยู่ที่นั่นด้วย ทั้งสี่รับรองเท้าจากจอห์นสตัน ก่อนจะสวมมันและลงไปเตะฟุตบอลท่ามกลางหิมะ
“ใช่เลย ใช่เลย ใช่เลย” เหล่าตำนานต่างตะโกนออกมาเมื่อรับรู้ถึงประสิทธิภาพของรองเท้าของจอห์นสตัน
จอห์นสตันไม่รอช้า เขาอัดคลิปวิดิโอเหตุการณ์ดังกล่าว จากนั้นก็เดินกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของ adidas อีกครั้ง
ผลลัพธ์ของความพยายาม
“เราบอกคุณไปแล้วไงว่าเราไม่สนใจ มันใช้ไม่ได้หรอก” นี่คือประโยคแรกที่จอห์นสตันได้รับจาก adidas โดยที่เขายังไม่ทันพูดอะไร แต่อดีตกองกลางลิเวอร์พูลคนนี้เชื่อมั่นอย่างที่สุดว่า ถ้าพวกเขาได้ดูคลิปวิดิโอดังกล่าว adidas จะต้องคล้อยตามแน่ และในที่สุดการโน้มน้าวของจอห์นสตันก็ประสบความสำเร็จ ผู้บริหาร adidas ยอมเปิดใจดูคลิปวิดิโอของเขา
“ทุกคนยืนขึ้นปรบมือหลังจากวิดิโอจบลง พวกเขาไม่ยอมให้ผมออกจากห้องอีกเลยจนกว่าผมจะยอมเซ็นสัญญา”
“ผมได้เป็นเจ้าของสิทธิบัตรรองเท้าคู่นี้ทันที ก่อนที่พวกเขาจะบอกผมว่าคุณต้องย้ายจากออสเตรเลียมาทำงานที่เนิร์นแบร์ก”
Photo : Retro Football Pictures
จอห์นสตันกลายเป็นนักออกแบบและหัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมฟุตบอลที่ adidas เขาอาศัยอยู่ในเนิร์นแบร์กประมาณ 5 ปี และหลังจากการวิจัยอันเข้มข้น ในที่สุดรองเท้าจากไอเดียของจอห์นสตันก็เปิดตัวครั้งแรกที่มหานคร ลาส เวกัส ปี 1994 ในชื่อ “adidas Predator” การเปิดตัวครั้งนี้เกิดก่อนฟุตบอลโลกปี 1994 ไม่นาน ซึ่งผลตอบรับมันเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด
adidas Predator ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สร้างรายได้มหาศาลนับร้อยล้านเหรียญให้กับ adidas จนทำให้รอดพ้นสภาวะล้มละลายได้สำเร็จ นอกจากนั้นรองเท้ารุ่นนี้ยังขึ้นแท่นเป็นรองเท้าระดับตำนานที่ยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
นี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเคร็ก จอห์นสตัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักฟุตบอลระดับตำนาน แต่เชื่อเหลือเกินว่าในตอนนี้โลกก็ได้จารึกประวัติศาสตร์ของชายคนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว อาจจะไม่ใช่ในฐานะนักฟุตบอล แต่เป็นในฐานะของผู้คิดค้นสุดยอดนวัตกรรมแห่งยุค
“ผมคือนักประดิษฐ์ที่บังเอิญกลายเป็นนักฟุตบอล” จอห์นสตันกล่าวทิ้งท้าย
บทความโดย เพรียวพันธ์​ แสน​ลาวัณย์
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา