1 มิ.ย. 2020 เวลา 01:00 • ประวัติศาสตร์
ชาวบ้านเอสกิโม 2,000 คน หายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในคืนเดียว
"เราไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตพวกเดียวที่อาศัยอยู่ในจักรวาลแห่งนี้ ข้างนอกนั้น ยังมีบางสิ่งที่ทรงภูมิปัญหายิ่งกว่าเรา และพวกเขากำลังจ้องมองดูพวกเราอยู่ในมุมมืดสักมุมหนึ่งของอวกาศ"
แล้วพวกคุณละ เชื่อหรือเปล่า ว่านอกจากพวกเรา ข้างนอกนั้นยังมีสิ่งมีชีวิตจากดาวดวงอื่นมากมาย สิ่งมีชีวิตที่มีเทคโนโลยีสูงส่งกว่าเรา คอยเดินทางแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเราอยู่เสมอ ด้วยวัตถุประสงค์ต่าง ๆ กันไป บางแห่งมีรายงานการพบยูเอฟโอ บางแห่งรายงานว่ามีผู้คนถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป ซึ่งเรื่องเหล่านี้มันได้ทำให้ผู้คนบนโลกอย่างเรา รู้สึกหวาดวิตกกับจุดประสงค์ของมนุษย์ต่างดาวว่า พวกเขาตั้งใจจะทำอะไรกับพวกเรากันแน่ ?
ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1930 ณ หมู่บ้านแวนนิชชิ่ง หมุ่บ้านของชาวเอสกิโมที่ตั้งริมทะเลสาบอันจิคุนิ ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดา มันคือช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ในช่วงเวลาดังกล่าว คนขาวจากประเทศแคนนาดา มักจะเดินไปหมู่บ้านต่าง ๆ ของชาวเอสกิโม ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเขตพื้นที่ ที่มีอุณภูมิหนาวเย็นซะเป็นส่วนใหญ่
โจ ลาเบลล์ นายพรานผู้เลี้ยงชีพด้วยการจับสัตว์ขนปุยเพื่อนำไปทำเครื่องแต่งกาย เขาได้เดินทางไปยังหมู่บ้านของชาวเอสกิโมที่เขารู้จักเป็นอย่างดี เพื่อที่จะได้นำสิ่งที่จับมาได้ ให้ชาวบ้านนำไปแปรรูปเป็นสินค้าออกจำหน่ายกันต่อไป ซึ่งการเดินทางครั้งนี้มันก็ดูจะไม่มีอะไรผิดปกติไปจากที่เคย และเมื่อเขาได้มาถึงยังหน้าหมู่บ้าน โจก็ได้ส่งเสียงตะโกนทักทายไปตามธรรมเนียมของที่นี่ แต่ทว่ามันกลับไม่มีเสียงของใครตอบรับเขาเลย
โจเดินตรวจสอบไปรอบ ๆ หมู่บ้าน เขาก็เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกประหลาด นั้นก็เพรา โจไม่พบชาวบ้านเลยแม้แต่คนเดียว ทั้งที่จริง ๆ แล้วหมู่บ้านแห่งนี้น่าจะมีชาวเอสกิโมอาศัยอยู่ประมาณ 2,000 คน และช่วงเวลาที่โจไปถึง มันก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ชาวเอสกิโมกำลังกลับจากการทำงานข้างนอกแล้ว
1
ที่ท่าน้ำมีเรือคายัคจอดอยู่ แต่ก็กลับไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย โจจึงลองเดินไปยังกระท่อมของชาวเอสกิโมทีละหลัง ซึ่งมันก็เหมือนเดิม คือโจไม่พบใครอยู่ภายในกระท่อม เช่นเดียวกับภายนอกรอบ ๆ หมู่บ้านแห่งนี้ ทั้ง ๆ ที่เขายังเห็นว่าภายในบ้านแต่ละหลังนั้นยังมีอาหารบางส่วนถูกเก็บไว้ แม้แต่เสื้อผ้าที่ทำจากขนแมวน้ำ มันก็ยังคงแขวนอยู่ในที่ของมัน
โจเห็นประกายไฟอยู่ห่างออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่ เขาจึงค่อย ๆ เดินไปยังที่จุดนั้นด้วยความระมัดระวัง เพราะตอนนี้เขาเริ่มสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้เขานึกถึงปีศาจแห่งรัตติกาล มันอาจกำลังร่ายรำอยู่ใต้แสงจันทร์อยู่ตรงบริเวณจุดนั้นก็เป็นได้ แต่พอโจเดินเข้าไปถึงบริเวณดังกล่าว เขาก็พบแต่กองไฟที่มีหม้อต้มเนื้อจนไหม้เกรียมคาอยู่ อย่าว่าแต่คนเลย ที่นี่ไม่มีแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิตให้เขาเห็นแม้แต่คนเดียว ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในหมู่บ้านแห่งนี้ จู่ ๆ ก็ถูกลบทิ้งไปทั้งหมด
มันเกิดอะไรขึ้นกับชาวบ้านกว่า 2,000 คน ของหมู่บ้านแห่งนี้กันแน่ ? หลังจากที่โจครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เขาจึงตัดสินใจรีบเดินทางเพื่อจะได้ไปยังศูนย์ส่งโทรเลขที่ใกล้ที่สุด และรีบส่งข้อความบอกสิ่งที่เขาได้พบครั้งนี้ให้กับกองตำรวจม้าของประเทศแคนาดาทราบโดยทันที
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพวกเขาก็ต่างรู้สึกงุนงงกับการหายไปของชาวบ้านทั้งหมู่บ้านแห่งนี้เช่นกัน หลายหน่วยงานช่วยกันรวบรวมผู้คน ตั้งกลุ่มเพื่อออกสำรวจตามหาชาวบ้านกันอย่างเต็มที่ และสิ่งที่พวกเขาพบเพิ่มเติมก็คือ ซากรถเลื่อนที่ใช้สุนัขลากจำนวนหนึ่ง ถูกฝังอยู่ใต้พื้นหิมะกว่า 12 ฟุต โดยจุดที่พบนี้มันก็อยู่ห่างออกไปจากบริเวณหมู่บ้านไม่มากนัก ซึ่งก็แน่นอนว่าสุนัขที่ติดอยู่กับรถเลื่อนนั้นล้วนนอนแข็งตายไปหมดแล้ว
1
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบอีกว่า บางสิ่งบางอย่างมันดูผิดปกติออกไป อย่างเช่นชาวเอสกิโมที่นี่ทิ้งถิ่นฐานไปโดยไม่ได้นำอาหารใด ๆ ไปเลย แถมบริเวณที่ชาวเอสกิโมใช้ทำเป็นสุสานฝังศพ ก็พบว่ามันได้ถูกใครบางคน ไม่ก็อะไรบางอย่างขุดศพไป เหลือทิ้งไว้เพียงหลุมอันว่างเปล่า
หลังจากค่ำคืนแห่งความผิดปกตินี้ผ่านพ้นไป เจ้าหน้าที่ได้ทำการออกตรวจสอบไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่ง มีชาวเขาบริเวณใกล้เคียงล้วนบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า พวกเขาพบเห็นปรากฏการณ์ประหลาดมีลักษณะเป็นลำแสงสีน้ำเงิน ส่องพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอยู่เหนือบริเวณหมู่บ้านแห่งนั้นเมื่อหลายคืนก่อน ซึ่งพวกเขาล้วนมั่นใจว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้น มันไม่ใช่แสงเหนือที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างแน่นอน เพราะลำแสงที่พวกเขาเห็นมันมีลักษณะฉายออกไปนิ่ง ๆ ดูแล้วมันน่าจะถูกบางสิ่งบางอย่างสร้างขึ้นมาเสียมากกว่า ซึ่งต่อมาลำแสงดังกล่าวก็ค่อย ๆ จางหายไป
เรื่องนี้ก็ได้ทำให้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของแคนาดาในขณะนั้น นำเสนอข่าวการหายตัวไปของชาวเอสกิโมทั้งหมู่บ้านกว่า 2,000 คน และมันก็ได้ทำให้ผู้คนมากมายเชื่อกันว่า ลำแสงดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นสาเหตุของการหายตัวไปของชาวบ้าน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มันก็ได้กลายเป็นเหตุการณ์ปริศนาอีกเรื่อง ที่ไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้มาจนถึงทุกวันนี้ และมันก็ถือเป็นปรากฏการณ์ลึกลับที่ได้รับความสนใจในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวเหนือธรรมชาติเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้
เรื่องราวก็ดำเนินมาจบแล้ว และผมหวังว่าเพื่อน ๆ คงจะเพลิดเพลินกับบทความที่เรานำมาลงให้ท่านได้อ่านนะครับ มีความคิดเห็นแลกเป็นหรืออยากติชมเรื่องใดสามารถใช้ช่อง Comment เพื่อสื่อสารกับ Mystic & History ได้เลยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
โฆษณา