3 มิ.ย. 2020 เวลา 06:22 • ธุรกิจ
Google ถูกฟ้องในสหรัฐ เรียกค่าปรับกว่า 150,000 ล้านบาท เหตุเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน
Google ถูกยื่นฟ้องต่อศาลในซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น
เรื่องที่บริษัทได้บุกรุกความเป็นส่วนตัว ของผู้ใช้งานหลายล้านคน อย่างผิดกฎหมาย
โดยแอบสอดส่องและเก็บข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ต ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ที่ถูกตั้งค่าในโหมด “Private”
ซึ่งหาก Google แพ้คดี คาดว่าจะถูกปรับไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 157,900 ล้านบาท
Google ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ใช้งานเรียกดูบนเว็บออนไลน์
แม้ว่าผู้ใช้งานจะเปิดโหมดไม่ระบุตัวตน หรือ Private Mode
ซึ่งบริษัทอ้างว่าจะไม่มีการบันทึกประวัติการเรียกดูแต่อย่างใด
นอกจากนี้ บริษัทยังรวบรวมข้อมูลผ่าน Google Analytics, Google Ad Manager และแอปพลิเคชันอื่นๆ
รวมถึงเว็บไซต์ plug-ins เช่น แอปในสมาร์ตโฟน
ไม่ว่าผู้ใช้งานจะคลิกโฆษณาที่ Google สนับสนุนหรือไม่ก็ตาม
ซึ่งข้อมูลเหล่าจะทำให้ Google รู้จักพื้นหลังของผู้ใช้งานอย่างละเอียด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพื่อน, งานอดิเรก, อาหารที่ชื่นชอบ, พฤติกรรมการชอปปิง
และเรื่องน่าอับอายของผู้ใช้งาน ที่พวกเขาค้นหาบนออนไลน์
“Google ไม่มีสิทธิเก็บรวบรวมข้อมูลลับ (Private) ที่ไม่ได้รับอนุญาติจากชาวอเมริกา
ที่กำลังใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน” ผู้ฟ้องร้องกล่าว
ส่วนในฝั่งของ Google นั้น
Jose Castaneda โฆษกของ Google กล่าวว่า
บริษัทจะปกป้อง และต่อสู้ให้ถึงที่สุดต่อการฟ้องร้อง
“เนื่องจากเราระบุอย่างชัดเจนว่า ทุกครั้งที่ผู้ใช้งานเปิดแท็บไม่ระบุตัวตน (Private Mode)
เว็บไซต์อาจรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการท่องเว็บของพวกเขาได้” Jose Castaneda กล่าว
โฆษณา