5 มิ.ย. 2020 เวลา 13:06 • ประวัติศาสตร์
Ep. 7 🌠สงครามโลกครั้งที่ 2 และ งานศิลป์🌠(ต่อ)
ภารกิจติดตามหา รูปสลักหินอ่อน Madonna and Child ที่ถูกทหารนาซีอุ้มใส่เปลหามคลุมผ้ามิดชิด ขึ้นรถบรรทุก ที่มีกากบาทกาชาดสีแดง ขับออกไปในความมืด
ทิ้งให้บาทหลวงประจำวัด Church of Our Lady ที่เมือง Bruges ต้องนั่งสวดมนต์หน้าแท่นที่ว่างเปล่าอย่างเศร้าสร้อย
ย้อนกลับไปอ่านตอนแรกได้ที่นี่ค่ะ https://www.blockdit.com/articles/5ed36837dc07380ca7633efb
Neuschwanstein Castle (ภาพจากstylesidea.com)
2วันหลังจากนั้น กองทัพของสัมพันธมิตร จึงมาถึงเมืองBruges หน่วยทหาร Monuments men ไม่สามารถพิทักษ์สมบัติล้ำค่าทางศิลปะชิ้นนี้ไว้ได้ ซ้ำยังสูญเสียสมาชิกของหน่วยไป1คน อย่างน่าเสียดาย
“No piece of art was worth a man’s life”
“ไม่มีงานศิลป์ชิ้นใด จะมีค่ามากไปกว่าชีวิตคน”
คำกล่าวนี้เป็นความจริงหรือไม่ขึ้นกับมุมมองของแต่ละคน
แน่นอนค่ะ ถึงแม้จะใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะรักษาชีวิตคน แต่สงครามไม่เข้าใครออกใคร ทุกชีวิตในสนามรบมีสิทธิ์ปลิดปลิว
“เราจะต้องตามคืนมาให้ได้ เพื่ออนุรักษ์ศิลปะ และ เพื่อไม่ให้ชีวิตต้องสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ !”นี่คือปณิธานของกลุ่มพิทักษ์งานศิลป์ Monuments men นี้
Monuments men ที่ลงไปคลุกคลีกับทหารสัมพันธมิตรในยุโรปมีเพียง 8 คนเท่านั้นเอง หัวหน้าใหญ่ คือ George Stout เป็นอาจารย์ และเป็นผู้นำในศาสตร์และศิลป์ ของการอนุรักษ์งานศิลปะ Stoutเป็นคนเนี้ยบ ละเอียด มีความอดทน พูดน้อยแต่หนักแน่น ไม่เห็นแก่ตัว ทุกคนในทีมจึงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เชื่อ และทำตามที่เขาพูด
แต่งานหนักครั้งนี้คือ ต้องหาว่านาซีเอาสมบัติมากมายที่ขโมยได้ไปเก็บไว้ที่ไหน เพื่อจะได้ตามเก็บไปคืนเจ้าของ
Stout มีสมาชิกทีมที่ดี มีความสามารถสูง ครั้งนี้เขามอบหมายความรับผิดชอบให้
James Rorimer ผู้ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ศิลป์ตัวยง เขาใช้ยุทธวิธีสปาย สายลับสอดแนม แอบฟัง แอบส่อง ด้วยความชาญฉลาด โดยกำลังคนอันจำกัด
(ในภาพยนตร์เรื่อง Monuments men James Rorimerแสดงโดย Matt Damon และ George Stout แสดงโดย George Clooney)
Matt Damon และ George Clooney แสดงนำในหนังเรื่องThe Monuments Men
เขาได้พบกับ Rose Volland ภัณฑารักษ์ ชาวฝรั่งเศสที่เก็บงำรายชื่องานศิลป์ ที่ผ่านมือเธอ และนาซีให้ส่งไปเก็บตามที่ต่างๆไว้
ตอนแรกเธอยังไม่ไว้ใจว่า อเมริกาส่งหน่วยนี้มา จะตามเอางานชิ้นเอกไปเป็นของตนเองหรือเปล่า ต่อมา เมื่อเธอเห็นความตั้งใจจริงของ Rorimerและพรรคพวก ว่าเป็นคนรักศิลปะเหมือนกัน และเอาภาพเขียนไปคืนเจ้าของจริงๆ จึงยอมค่อยๆเปิดเผย
ปราสาทNeuschwanstein,Bavaria,Germany
“เอารูปนี้ไปดู อาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ที่นั่น” เธอส่งรูปเก่าๆแผ่นนี้ให้ Rorimerรอยพับตรงกลางรูปบ่งบอกว่า Rorimerคงพับเก็บใส่กระเป๋าไว้อย่างมิดชิด แล้วรีบวางแผนไปที่นั่นโดยเร็ว
ดูคุ้นๆตาไหมคะ ?ใครที่เคยไป Disneyland พอเดินเข้าไปหน้าประตูก็จะเห็นปราสาทยอดแหลมสูงเด่นเป็นสง่า ซึ่งถอดแบบมาจาก Neuschwanstein Castle นี่เองค่ะ !(ดูรูปสมัยปัจจุบันของปราสาทที่ภาพแรกค่ะ)
ปราสาท นอยชวานสไตน์ แปลว่า New Swan Stone Castle ปราสาทหินหงส์ใหม่ ตั้งบนยอดเขาหนึ่งในเทือกเขา Alps มองไปข้างล่างเป็นหุบเขา โอบล้อมทะเลสาบ... ประหนึ่งอยู่ในเทพนิยายจริงๆ😀
ในที่ห่างไกล ไปลำบากอย่างนี้หรือ ที่นาซีเอารูปเขียนรูปปั้นนับพันมาซ่อนไว้ ตามไปดูค่ะ!
ปราสาท นอสแวนสไตน์ ท่ามกลางหิมะ ทหารขนกล่องใส่งานศิลป์
ท่ามกลางหิมะหนาวเย็นบนยอดเขา ทหารอเมริกันขับรถจี๊ป แล่นเข้าไปในบริเวณโอ่อ่าของปราสาทเทพนิยาย เมื่อเดินขึ้นบันไดเปิดประตูเข้าไป ก็ได้เห็นภาพที่น่าตื่นตะลึง.....กล่องไม้วางซ้อนๆกัน ภาพเขียนใส่กรอบสวยวางอยู่เกลื่อนกลาด รูปปั้นสไตล์โรมัน วางเรียงจนเกือบไม่มีที่เดิน ..นี่คือสวรรค์ของผู้ชื่นชอบงานศิลป์...
ทหารนำภาพเขียนลงมาจากปราสาท
นี่คือแหล่งเก็บสมบัติล้ำค่านับพันชิ้น ของฝรั่งเศส ที่ผู้ช่วยคนสนิทของฮิตเลอร์ Herman Goring สะสมเอาไว้ กะว่าจะเอาเป็นของตัวเอง
แต่ยังไม่พบ masterpiece ! งานชิ้นเยี่ยม ของศิลปินชั้นยอด ที่ฮิตเลอร์เลือกเก็บไว้อย่างดีโดยเฉพาะ ...ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน..
พวกเขาต้องทำงานแข่งกับเวลาแล้วค่ะ เพราะ ในวันที่ 19 มีนาคม 1945 ฮิตเลอร์ได้ออกประกาศพิเศษฉบับหนึ่ง ชื่อว่า “Destructive Measures on Reich Territory “ หรือ “Nero Decree” กล่าวว่า
“รถยนต์ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องจักร ยุทโธปกรณ์ เสบียงสำรอง โรงงาน เหมือง ของที่มีค่าภายในอาณาจักรReich ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อศัตรู จะต้องถูกทำลาย”
ถ้าผู้ใต้บังคับบัญชาเถรตรง ก็คงจะนับว่าภาพเขียนเก่า เป็นสมบัติอันหาค่ามิได้ ที่จะต้องถูกทำลายด้วยเช่นกัน
หากไม่รีบค้นหา ศิลปวัตถุทางวัฒนธรรมก็จะถูกทำลายสูญหายไปตลอดกาล 😟
บางทีข่าวสารข้อมูล ก็มาหาเราโดยไม่คาดฝัน
รู้แหล่งที่เก็บสมบัติงานศิลป์เพราะปวดฟัน!
Monuments men 2คน คือ Posey และ Kirstein ถูกส่งไปปฏิบัติงานที่เมือง ทางตะวันออกของเยอรมัน คนหนึ่งเกิดปวดฟันขึ้นมา ทั้งสองคนจึงพากันไปหาหมอฟันที่คลีนิคในเมืองนั้น
ระหว่างทำฟันก็มีการคุยสัพเพหระ ว่ามาจากไหนทำอะไร พอทราบว่าเป็นทหารอเมริกัน ชอบศิลปะ หมอฟันก็บอกว่า มีลูกเขยที่ ชอบภาพเขียนสวยๆ มีที่บ้านหลายภาพ จึงขอเชิญไปกินอาหาร ภาพเขียนที่ผนังบ้านหรือจะหลุดรอดสายตานักประวัติศาสตร์ศิลป์อย่าง Posey เมื่อเขาก้มลงมองภาพหนึ่งอย่างพินิจพิเคราะห์
“ภาพของ Cezanne นี่นา ..ไปได้มาได้อย่างไร”
ซักไปซักมาความก็เลยแตกค่ะ ว่าลูกเขยเคยเป็นผู้ช่วยของ Herman Goring นาซีผู้ใกล้ชิดฮิตเลอร์ ที่แอบเอาภาพที่ขโมยมาเป็นของส่วนตัว เลยแบ่งมาให้เขาบ้าง
“บอกความจริงมาดีกว่า ว่าฮิตเลอร์เก็บสมบัติไว้ที่ไหน?” เมื่อถูกเค้นหนักเข้าก็ยอมบอกว่า
“ เหมืองเกลือที่ Altaussee”
Altaussee lake, Austria
ข่าวส่งออกไปอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ George Stout หัวหน้าหน่วยMonuments men เดินทางมาร่วมค้นหาด้วย
เมื่อคณะMonuments men ไปถึงหน้าเหมือง ก็พบว่ามีก้อนหินเศษดินจากการระเบิดอุดทางเข้าข้างหน้าเต็มไปหมด
“นี่เรามาช้าเกินไปแล้วหรือ ใครสั่งให้ระเบิดถ้ำ?”
Stout ร้อนใจ สั่งให้ตามหาคนงานเหมืองมาถามไถ่
“เมื่อตอนที่ฮิตเลอร์สั่งให้ทำลายของมีค่า Eigruber หัวหน้านาซีที่นี่ก็ขนเอากล่องหนักๆ ตั้ง8 กล่อง เข้าไปในถ้ำบอกว่าเป็นหินอ่อน ห้ามเปิด” หัวหน้าคนงานเหมืองกล่าว
“แต่พวกเราไม่เชื่อ พอเปิดดู ก็พบว่า เป็นดินระเบิดทั้งหมด ถ้าระเบิดจริง ทั้งภาพวาด ทั้งรูปปั้นกระจุยหมดแน่”
“แล้วพวกคุณทำอย่างไร? “
“อ๋อ ! พวกเราก็เสียดายของสวยงาม ก็เลยแอบขนกล่องออกมา แล้วเอาระเบิดเล็กๆ มาระเบิดแค่ปากถ้ำ ให้ปิดตายไว้เลย ของอยู่ในนั้นปลอดภัยทุกชิ้น “
ชาวเหมือง Altaussee วีรบุรุษเงียบ ที่ช่วยรักษางานศิลป์ไว้
Stout ถอนหายใจโล่งอก แต่ทีนี้ พวกเขาจะเข้าไปขนของออกมาอย่างไร ต้องรีบอีก เพราะ สงครามสิ้นสุดลงแล้ว และได้แบ่งเขตควบคุม โซนแถบ Altaussee จะคุมโดยรัสเซีย ถ้าไม่ขนของออกมาก่อนรัสเซียมาถึง ก็อาจจะไม่ได้ของคืน
“เอาระเบิดมาเปิดทางเข้าเลย!” บึมส์....เศษดินหินกระจายฝุ่นฟุ้ง
ฝุ่นเริ่มจาง 2 คนแรกที่ถือตะเกียงเข้าไปในถ้ำคือ Posey และ Kirstein
ตึกหน้าเหมือง Altaussee ในปัจจุบัย
จากหน้าถ้ำที่สว่างจ้า ทางเดินภายในถ้ำมืดมิด ทั้งสองค่อยๆก้าวเท้าเดินไปอย่างระมัดระวัง อุโมงค์คดเคี้ยว พาเลี้ยวเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ จนถึงผนังถ้ำส่วนหนึ่งที่มีกล่องเตี้ยๆวางอยู่
Posey ชูตะเกียงขึ้น แสงไฟส่องกระทบกับใบหน้าของVirgin Mary ที่มีมงกุฎดอกไม้สวมที่ศีรษะ เพชรยอดมงกุฎสะท้อน
แสงมลังเมลือง ดูสวยงามเหนือคำบรรยาย
Ghent Altar piece ตั้งสงบเสงี่ยม รอการค้นพบอย่างเงียบงัน
นี่คือหนึ่งใน Masterpiece ที่พวกเขากำลังค้นหากัน พบแล้ว!
Ghent Altar piece ในเหมืองเกลือ Altaussee
ยังเหลืออีกหนึ่งชิ้น Madonna and Child of Bruges ก็ถูกค้นพบอยู่ที่เหมืองAltaussee เช่นกันค่ะ
ในภาพยนตร์เรื่อง Monuments Men ถือเอาการค้นพบ Madonna and Child เป็นจุด climax ของเรื่อง เมื่อ Stout เดินไปพบ รูปสลักหินอ่อนนี้ถูกห่อหุ้มด้วยที่นอน วางอยู่บนรถขนเกลือบนรางเหล็ก ทุกคนต่างดีใจช่วยกันเข็นรถออกมาจากเหมืองเกลือ
แต่เรื่องจริงไม่ได้มีการกล่าวถึงว่าพบอย่างไร เพียงแต่มีภาพการขนออกมาโดยใช้เชือกกับล้อเลื่อนแบบนี้
Madonna and Child ที่เหมืองเกลือ Altaussee
31 May 1945 George Stout มาถึง Altaussee
และได้ลงบันทึกไว้ว่า ในเหมืองเกลือนี้ ค้นพบ
ภาพเขียน 6,577 ภาพ ภาพวาด หรือสีน้ำ 2,300 ภาพ สิ่งพิมพ์ 954 ชิ้น รูปปั้น 137 ชิ้น เสื้อเกราะและอาวุธ 129 ชื้น สิ่งของ 79 ตะกร้า เฟอร์นิเจอร์ 78 ชิ้น
ผ้าปัก 122 ชิ้น กล่องหนังสือ 1,200 กล่อง และกล่องที่ไม่ทราบว่าข้างในมีอะไร อีก 283 กล่อง
ชั้นวางภาพเขียน และสิ่งของในเหมืองเกลือ
การเดินทางของหินอ่อนสีขาวชิ้นหนึ่ง จากเหมืองหินอ่อน
Carara อิตาลี สู่เมืองFlorence ในมือของศิลปินอย่าง Michelangelo ได้เนรมิต ให้หินอ่อนที่แข็งกระด้างให้กลายเป็น รูปสลัก Madonna and Child ที่อ่อนช้อยงดงาม ปี 1501
จากเดิมที่Pope ณ กรุงวาติกัน จะให้เป็นหนึ่งในรูปปั้นใน Sienna cathedral แต่สองพ่อค้าชาวBruges กลับเป็นผู้ซื้อมาไว้ที่ โบสถ์ Church of Our Lady ตั้งแต่ปี 1506
ปี 1794 นโปเลียนจากฝรั่งเศส นำรูปปั้นนี้ไปไว้ที่ Louvre กรุงปารีส จนถึงปี 1815 พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 จึงนำมาส่งคืน
เดือนกันยาบนปี 1944 นาซีขโมยรูปปั้นนี้ไปเก็บไว้ในเหมืองเกลือที่ Altaussee
พฤษภาคม-มิถุนายน ปี 1945 Monuments men ไปพบ และขนออกจากเหมืองมาได้
วันที่ 12 พฤศจิกายน 1945 Madonna and Child ได้กลับสู่เมืองBruges อีกครั้ง และยังอยู่เป็นมิ่งขวัญ ของชาวเมืองและชาวคาทอลิกทั่วโลกจนถึงปัจจุบันนี้
Madonna and Child,Bruges
สงครามทำลายบ้านเรือน สิ่งก่อสร้าง ฆ่าผู้คนมากมาย
ทั้งตึกรามบ้านช่องและคนฟื้นฟูได้ แต่ถ้า “ประวัติศาสตร์” และวัฒนธรรมถูกทำลายไปด้วยแล้วละก็ ในที่สุดจะไม่เหลืออะไรเลย
วีรบุรุษ วีรสตรี ที่อยู่เบื้องหลัง ที่อยู่อย่างเงียบๆไม่มีใครรู้จักมานาน อย่าง George Stout และ Monuments men, Rose Valland และ ชาวเหมืองเกลือ Altaussee บุคคลเหล่านี้มีความมานะ อดทน ยึดมั่นกับจรรยาบรรณวิชาชีพ ไม่ได้ทำตามหน้าที่เท่านั้น แต่ทำด้วย “หัวใจ”
ได้ข้อคิด ความลับสู่ความสำเร็จ ของ George Stout มาฝากด้วยค่ะ
1.Careful ระมัดระวัง
2.Knowledgable. หาความรู้เพิ่มเติมเสมอ
3.Efficient มีประสิทธิภาพ
3.Observer เป็นคนช่างสังเกตเหตุการณ์รอบตัว
“An expert and a precisionist makes his analysis first then his decision “
“ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ที่พิถีพิถัน ละเอียดรอบคอบ จะวิเคราะห์ก่อนแล้วจึงตัดสินใจ” -George Stout, a Monuments man
เอกสารอ้างอิง
1.Harvard Magazine Jan-Feb 2010
2.Smithsonian Institutes: Archives of American Art : Monuments men inside the mines
สุดสัปดาห์นี้ (ถ้ายังมีแรง )จะพาไปเที่ยว Ghent
ที่ในเรื่องนี้กล่าวถึง The Ghent Altar piece หรือ Adoration of the Mystic Lamb อยู่ที่เมืองนี้ค่ะ😀
Ghent Altar Piece,Ghent

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา