3 มิ.ย. 2020 เวลา 08:03 • ประวัติศาสตร์
Ep .6 🌠สงครามโลกครั้งที่ 2 กับงานศิลป์🌠
สงครามกับศิลปะ เป็นขั้วตรงข้าม ที่ไม่น่าจะไปด้วยกันได้เลยใช่ไหมคะ?
ขั้วหนึ่งคือ การทำลายล้าง ทั้งบ้านเรือนและชีวิตคน อีกขั้วนั้นคือการสร้างสรรค์ ความวิจิตรบรรจง สืบทอดต่อกันมาด้วยความภาคภูมิใจ
สงครามไม่ได้มีผลต่อชีวิตประจำวันของผู้คนเท่านั้น
วงการศิลปะ และวัฒนธรรมย่อมถูกกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สงครามขโมยอนาคตของคนนับล้าน เท่านั้นยังไม่พอ สงครามยังพยายามจะขโมยอดีต บดบังและทำลายความงดงามของศิลปะ ที่หล่อหลอมวัฒนธรรมมานานนับศตวรรษ
ภาพ In the Conservatory ภายในเหมืองเกลือ(digital art by Mads Madsen )
ใช่แล้วค่ะ สงครามกับงานศิลป์มาเกี่ยวข้องกันก็ตรงนี้เอง คือ ปฏิบัติการขนถ่าย ยักย้ายงานศิลป์ ของผู้ชนะสงคราม เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่อดีต ที่ชนชาติยุโรปไปล่าอาณานิคมแถบเอเชีย มิใช่หรือ ?
แต่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้ เป็นการขโมย ขนย้าย ปอกลอกวัตถุโบราณ ภาพเขียน อย่างมโหฬาร ภายในทวีปยุโรปกันเอง โดย บุคคลที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งค่ะ
“Adolf Hitler “
In the Conservatory โดย Manet (ภาพจาก fi.pinterest.com)
ก่อนหน้าที่เขาจะมาหลงใหลในการรวบรวมอาณาจักรอันเกรียงไกรของเผ่าพันธุ์อารายัน ฮิตเลอร์ในวัยรุ่นมีความใฝ่ฝันลึกๆอยากเป็น ศิลปินวาดภาพ แต่เขาฝันสลายเมื่อสมัครเข้าเรียนและ ถูกปฏิเสธจาก Vienna’s Academy of Fine Artsโดยทางสถาบันแจ้งฮิตเลอร์ว่าเขา
“ไม่เหมาะที่จะวาดรูป”
เหมือนคมมีดกรีดฝากรอยแผลไว้ในหัวใจเลยค่ะ 💔ความคับแค้นนี้เก็บอนู่ในใจ คุกรุ่นมานาน....จนมาปะทุเมื่อฮิตเลอร์ ยาตราทัพบุกยุโรปเข้ายึดครองทีละเมือง ทีละประเทศ...โปแลนด์..ฝรั่งเศส...เบลเยี่ยม เพื่อสร้างอาณาจักรไรซ์ที่ 3 อันเกรียงไกร
Adolf Hitler วางแผนสร้าง Museum ที่ Linz,Austria
ทุกแห่งที่กองทัพนาซีบุกไป เหล่าทหารหาญได้รับคำสั่ง “ปฏิบัติการล่างานศิลป์ทุกแขนง” มาเก็บไว้ในคอลเลคชั่นส่วนตัวของHiller เพื่อเติมเต็มฝันวัยเยาว์ค่ะ
Hitler วางแผนจะสร้างพิพิธภัณฑ์ Fuhrermuseumที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ที่เมือง Linz , Austria
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ผู้คลั่งไคล้ในงานศิลปะ ได้นำทหารนาซีออกล่างานศิลปะ ภาพเขียน ภาพวาด รูปปั้น ของศิลปินเอกทั่วยุโรป จากโบสถ์ มหาวิทยาลัย และงานศิลป์สะสมส่วนตัว โดยเฉพาะ ของชาวยิว เขาจะสนใจเป็นพิเศษ
ผลงานที่ถูกฉกฉวยไป มีทั้ง ระฆังในโบสถ์เป็นพันๆใบ scrollโบราณ แม้กระทั่ง กระจกสีของ Strasbourg Cathedral (รวมทั้งภาพ In the Conservatory ของ Manet ข้างบนนี้ด้วยค่ะ)
แล้วอย่างนี้ Madonna and Child ผู้งดงามสง่าแห่ง Bruges จะรอดจากการตามล่านี้หรือ ?เราไปดูกันค่ะ
ฮิตเลอร์ขโมยงานศิลป์ไปเก็บไว้ที่ไหน?
Jeu de Paume : contemporary art museum,Paris
รถทหารคันแล้วคันเล่าแล่นเข้าสู่ตึกใหญ่ที่Gallery “Jeu de Paume “ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย อยู่ที่ฝรั่งเศส ค่ะ ทั้งรูปภาพ รูปปั้น จากที่ต่างๆทั่วยุโรป จะมาขึ้นทะเบียน ลงรายงานไว้อย่างละเอียดว่า มาจากพิพิธภัณฑ์ไหน และจะถูกส่งไปเก็บรักษาไว้ที่ไหนในระหว่างที่สงครามยังดำเนินอยู่นี้
แน่นอนค่ะ ถ้าฮิตเลอร์ชนะสงคราม เขาก็จะได้ Fuhrermuseum สมใจ แต่ถ้าเขาแพ้ล่ะ ชะตากรรมของเหล่างานศิลป์ที่ประเมินค่ามิได้นี้จะเป็นอย่างไร?
Rose Volland วีรสตรีหลังฉาก
เธอผู้นี้ก็คิดเช่นเดียวกัน แววตาของเธอฉายถึงความรักศิลปะและความรักชาติอย่างเต็มเปี่ยม
Rose Volland วีรสตรีหลังฉาก
Rose Volland เป็นภัณฑารักษ์ของ Gallery Jeu de Paume ค่ะ ใบหน้านิ่งเฉยภายใต้แว่นตากลม บ่งบอกถึงความละเอียดรอบคอบ เธอจดบันทึกรายการของทุกอย่างที่ผ่านมือส่งให้นาซีตามหน้าที่.....แต่ก็แอบเก็บเอาไว้กับตัวเองหนึ่งชุด..
เพราะเธอเกลียดทหารนาซีมากๆ ที่มาขนสมบัติล้ำค่าของฝรั่งเศส. และของโลกไปเป็นของตัวเอง. เธอคิดว่าถ้าจบสงครามโดยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร อย่างน้อย รายละเอียดในบัญชีจะช่วยให้สิ่งที่เธอรักได้กลับคืนมาสู่เจ้าของที่แท้จริง
เธอจึงเป็นสายลับส่งข้อมูลให้กับหน่วยทหารเฉพาะกิจของอเมริกา ที่เรียกกันว่า Monuments men!
Monuments men คือใคร?
ในวันที่ 23 มิถุนายน ปี 1943 ในช่วงใกล้สิ้นสุด สงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดี Roosevelt ได้แต่งตั้งหน่วยทหารพิเศษ ที่ประกอบไปด้วย นักประวัติศาสตร์ศิลป์ ผู้อำนวยการ พิพิธภัณฑ์ นักอนุรักษ์งานศิลป์ ขึ้นมา เรียกว่า Monument Fine Arts and Archives (MFAA) หรือเรียกง่ายๆว่า Monuments men โดยมี George Stout อาจารย์สอนการออกแบบ และ ทุนบำรุงงานศิลป์ ที่ Fogg Art Museum ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นแกนนำ
คนกลุ่มนี้ คือ วีรบุรุษ ตัวจริง ที่ช่วยกันรักษาสมบัติศิลป์ของโลก ให้พ้นจากการถูกทำลายจากสงครามค่ะ
Monuments men ชายหญิง 345 คน จาก 13 ชาติ ทั้ง ฝรั่งเศส อังกฤษ และอเมริกา ที่มีใจรักและมีความรู้เกี่ยวกับการฟื้นฟูงานศิลปะ ได้มารวมตัวกันเพื่อ ภารกิจกอบกู้อาคารเก่าและงานศิลป์ ในช่วงสงคราม
ดารานำ จากภาพยนตร์ Monuments men
พวกเขาเคยอยู่ในแวดล้อมของ สิ่งสวยงาม เปราะบาง อายุอานามก็จะเลยวัยหนุ่มแน่นไปแล้ว ร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงบึกบึน และที่สำคัญ พวกเขาไม่เคยคิดว่า ต้องออกสนามรบ แต่งานนี้ทุกคนยอมเสียสละ ด้วยใจที่เข้มแข็ง เพื่อออกไปปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมที่เสี่ยงต่อการเสียหาย สูญสิ้นไปกับสงคราม
พวกเขาฝึกจับปืน ปีนกำแพง เหมือนกับทหาร คนอื่นๆ เตรียมออกไปแนวหน้า ในสงครามที่ฝ่ายพันธมิตรกำลังรุกไล่นาซีให้จนแต้ม
Monuments men วีรบุรุษตัวจริง George Stout คนซ้ายสุด
ฉันเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อ Monuments men มาก่อน พอไปค้นหาก็พบว่า Hollywood เคยสร้างหนังฟอร์มใหญ่ ชื่อเดียวกันนี้ออกฉายเมื่อปี 2013-2014กำกับ และแสดงนำโดย George Clooney น่าจะเป็นหนังสงครามเรื่องเดียวที่เกี่ยวกับคนในแวดวงพิพิธภัณฑ์ และภาพวาดของศิลปิน ก็ดูสนุกๆดี เขาว่า base on true story มีเรื่องแต่งเติมบ้าง(ดูตัวอย่างหนังจาก trailer ที่ใส่มาข้างล่างนี้นะคะ)
Monuments men ทำอะไรบ้าง?
หลักๆคือ ส่งข้อมูลว่า มี ชิ้นงานศิลป์อยู่ที่ไหนบ้าง ก็ต้องทำตัวเหมือนนักสืบค่ะ ได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวต่างๆ รวมทั้ง จาก Rose Volland ที่เป็น spy สายลับ ส่งมาบอกว่า นาซีเอาของไปเก็บที่ไหนบ้าง จะได้ตามคืนได้
ช่วงที่ ฝ่ายสัมพันธมิตรบุกยึดเมืองกลับคืนมา เช่นที่Florence กลุ่ม monuments men ก็คอยส่งแผนที่บอกว่าที่ไหนมีโบสถ์เก่าที่ต้องอนุรักษ์ อย่าได้มาทิ้งบอมบ์ใกล้ๆเชียว !โบสถ์Doumo ของเมือง จึงยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน
หลายครั้งต้องบุกไปโดยไม่มีทหารกองอื่นสนับสนุน!
คืนวันที่ 6-7 กันยายน 1944 2 วันก่อนกองทัพสัมพันธมิตร จะประกาศปลดปล่อยยุโรป ทหารนาซีกำลังล่าถอยออกจากเมือง Bruges แต่พวกเขาไม่ไปมือเปล่าค่ะ
นายทหารขับรถที่มีตรากาชาดแล่นมาในความมืด จอดลงที่หน้าโบสถ์ Church of Our Lady ถืออาวุธปืนวิ่งกรูเข้าไปในโบสถ์ บาทหลวงที่เฝ้าอยู่ตกใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เฝ้ามองตาปริบๆ ขณะที่ทหารนาซีช่วยกันขนรูปปั้นหินอ่อน Modonna and Child ขึ้นรถหายไปในความมืด...😟
ในหนังเรื่อง Monuments Men มีฉากที่Monument men ชาวอังกฤษคนหนึ่ง แอบเดินทางมาที่โบสถ์นี้ เพื่อปกป้องรูปปั้นทรงค่าที่อยู่ข้างใน เขาขอกองกำลังสนับสนุนแต่ไม่ได้ ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยเหลือ และอยากเห็นรูปปั้นนี้กับตาสักครั้ง
Monuments men คนหนึ่งขี่จักรยานไปที่โบสถ์ เมืองBruges ยามค่ำ
เขาจึงขี่จักรยานมาที่โบสถ์เพียงคนเดียวในความมืด....ขณะที่เขาเดินเข้าไปหน้ารูปปั้น Madonna and Child แสงเทียนหลายเล่มส่งแสงวับแวม ขับความงามหินอ่อนขาวบริสุทธิ์ ให้เปล่งประกายแม้ในยามค่ำ งานศิลป์นี้มิใช่เป็นของใครเพียงคนเดียว แต่เป็นของคนทั้งโลก
Madonna and Child จากภาพยนตร์เรื่องMonuments men
เขาถอดหมวกก้มหน้าลงแสดงความเคารพต่อรูปปั้นพระนางมารี หันไปเห็นบาทหลวงนั่งที่โต๊ะ 5 คน ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้ ...แต่ภาษาศิลป์เป็นสากล ..เขาช่วยกันกับบาทหลวงปิดประตูโบสถ์ให้แน่นหนา..แต่คงไม่แน่นหนาพอ
บาทหลวงในโบสถ์ (ภาพยนตร์ Monuments men)
เมื่อทหารนาซีบุกเข้ามา บาทหลวงต้องเปิดประตูให้ เขารีบหลบ และต้องเฝ้ามองเหล่าทหารนำรูปปั้นลงมา...มัดกับที่นอนอย่างแน่นหนาแล้วขนออกไป ..เขายิงปืนใส่ทหารคนสุดท้ายที่กำลังเดินออก ..ทหารนาซียิงปืนสวนออกมาทันที กระสุนเข้าบริเวณหน้าอก ...เขาค่อยๆล้มลง..ใบหน้ายังอิ่มเอิบ ..ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ และได้ชื่นชมรูปปั้นที่เขาอยากเห็นมานาน แม้เพียงเวลาสั้นๆก่อนเสียชีวิต....
หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องราวจริงของหน่วย MFAA หรือ Monuments men จากหนังสือชื่อเดียวกันที่เขียนโดย Robert Edsel แต่ฉากข้างต้นไม่ทราบว่าเรื่องจริง หรือแต่งเติมบ้างนะคะ แต่ที่แน่ๆ คือ Madonna and Child ถูกอุ้มไปแล้วค่ะ โดยทหารนาซีที่รีบมาเอาไปเสียก่อนที่อเมริกาจะเข้ามา...คลาดกันแค่ 2 วันเท่านั้นค่ะ
นาซีขนเอา Madonna and Child ไปเก็บไว้ที่ไหน?
Madonna and Child,Bruges
สถานที่เก็บจะต้องมั่นคง แข็งแรง ห่างไกลจากผู้คน ถ้าอากาศเย็นและไม่ชื้นมากก็จะดี
ทำไมยิ่งเขียนยิ่งยาว จะมีใครตามอ่านต่อไหมเนี่ย?..😄
“เขียนตามใจ” จะลงต่อวันศุกร์ ที่ 5 มิ.ย.63 นะคะ ว่า
Madonna and Child ไปอยู่ที่ไหน และจะกลับมาเป็นมิ่งขวัญของเมือง Bruges ได้อย่างไร😍

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา