5 มิ.ย. 2020 เวลา 11:46 • ธุรกิจ
ช่วงนี้นอกจากเรื่องไวรัส COVID-19 และเรื่องเศรษฐกิจในแม่น้ำโขง ก็มีเรื่องเศรษฐกิจภายในของประเทศลาวนี้แหละที่กำลังเป็นประเด็นที่สื่อต่างประเทศให้ความสนใจ เพราะเศรษฐกิจลาวในปัจจุบันนั้นมีภาวะเสี่ยงที่จะล้มสูง จากทั้งภาระหนี้ที่งอกเงยผูกพัน และภาวะผู้คนตกงานในระดับที่รุนแรง
2
แม้ว่าอัตราการเลิกจ้างงาน หรือการยกเลิกสัญญาจ้างภายในประเทศลาวจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1% ตามตัวเลขของปี 2019 แต่จากรายงานของกระทรวงแรงงานที่ลาวได้แจงออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่าขณะนี้อัตราการว่างงานของคนลาวนั้นขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% แล้ว
1
อนึ่ง ลาวมีประชากรทั้งหมดประมาณ 7,000,000 กว่าคน ตามสถิติสำมะโนประชากรในปี 2018 และเกินกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเลขประชากรนี้ คือวัยทำงาน (3,800,000 กว่าคน) เมื่อตัวเลขว่างงานมันขึ้นมาอยู่ที่ 25% ก็ตีเป็นตัวเลขได้คร่าวๆว่าเกือบวัยทำงานเกือบ 1,000,000 คนในลาวขณะนี้กำลังอยู่ในภาวะไม่มีงานทำ
1
ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปีที่อัตราการว่างงานของลาวนั้นพุ่งขึ้นมาสูงหลายเท่าตัวขนาดนี้ ธนาคารโลกถึงขั้นประเมินว่าปีนี้อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจลาวอาจหดไปถึงเกือบ 2% จากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะหนี้ที่ลาวต้องแบกรับในปัจจุบันนี้
4
ส่วนภาระด้านหนี้สินของลาวนั้นหนักขนาดไหน ให้ดูที่ยอดเม็ดเงินที่ลาวจำเป็นจะต้องนำมาชำระในปี 2020 ซึ่งตามรายงานของ Fitch Ratings นั้นประเมินไว้ว่าปีนี้ ลาวต้องควักเงินมากกว่า 1,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐมาใช้ในการชำระหนี้ที่มีต่อต่างประเทศ
(โดยเกือบ 1 ใน 3 ของเม็ดเงินทั้งหมดนั้น คือหนี้ที่ลาวต้องนำไปชำระให้แก่รัฐบาลจีน ประมาณ 250,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจีนเคยได้ออกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ลาวในโปรเจ็คโครงสร้างพื้นฐานเมื่อปีก่อนๆ)
3
สำหรับสาเหตุที่ลาวนั้นจำเป็นต้องกู้เงินมหาศาลจากจีนก็เพราะลาวมีแผนที่จะดึงทุนจีนเข้ามาช่วยในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ตัวเอง ที่แต่เดิมนั้นเป็นประเทศที่ดินตาบอด (land-locked) ไม่มีทางออกสู่ทะเล ถูกขนาบข้างด้วยพม่า กัมพูชา และไทย
1
จึงจำเป็นต้องยอมกู้เงิน และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road Initiative ที่รัฐบาลจีนเสนอเข้ามาให้ แลกกับที่ทางการจีนจะสร้างรถไฟความเร็วสูงผ่านจากคุนหมิงแล้วตัดลงมาที่เวียงจันทร์ของลาว
(มูลค่าโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ตัดผ่านลาวทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 6,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยลาวจะเป็นผู้จ่ายเพียง 2,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ทว่าสัญญาการก่อสร้างมันไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่เรื่องรถไฟ หรือรางรถไฟอย่างเดียว มันยังมีโปรเจ็ค โครงการยิบย่อยแฝงเข้ามาอีกมากมาย
ทั้งสร้างสะพาน ตัดถนน เคลียร์พื้นที่ ทำอุโมงค์ลอดผ่านใต้ภูเขา (ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำกันแน่ๆหากจะทำรถไฟความเร็วสูงที่ประหยัดระยะเวลา และร่นระยะทางไกลๆกัน) รวมๆแล้วทั้งโครงการเนี่ย ที่เขาประเมินไว้น่าจะต้องตัดภูเขาทำอุโมงค์ไม่ต่ำกว่า 70 อุโมงค์ และสะพานข้ามพื้นที่แต่ละแห่งสำหรับรถไฟอีกเกือบ 200 สะพาน
2
(นึกภาพเวลาสร้างรถไฟความเร็วสูง มันจะมีการยกฐานให้สูงๆด้วยในบางพื้นที่ของการสร้างราง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศในบางเขต ทางมันไม่ได้ราบหรือเอื้อต่อการวางรางรถไฟมากนัก ก็เลยต้องมีการนำระบบสะพานเข้ามาใช้)
2
ละไหนจะโครงการอื่นๆที่จีนทำสัญญากับลาวไว้อีก ทั้งเขื่อนขนาดเล็ก-ใหญ่บนแม่น้ำต่างๆ เขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งต่างๆรอบๆประเทศลาว ไหนจะการทำถนนซุเปอร์ไฮเวย์ยาวจากคุนหมิง-เวียงจันทร์อีก
1
ทำให้ปี 2020 นี้ หนี้ต่อ GDP ของลาวนั้นอาจพุ่งขึ้นมาจากเดิมต่ำกว่า 60% ต่อ GDP ในปี 2019 มาอยู่ระหว่าง 65%-68% ในปีล่าสุดนี้ก็เป็นไปได้ จากปริมาณเม็ดเงินที่ลาวได้กู้มาจากจีน และรวมกับเงินของเก่าที่เคยกู้ไว้จากกองทุนของ IMF ลาวจึงกำลังตกอยู่ในกับดักหนี้อย่างแท้จริง
1
และอาจต้องวนเวียนเอาเงินมาใช้หนี้ปีละ 1,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐไปเรื่อยๆอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปี จนไม่มีงบเหลือพอที่จะทำการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของตนเองเลยก็เป็นได้
1
References
1. บทความจาก Asia Times ชื่อ "China’s Belt and Road keeps steaming ahead in Laos"
2. บทความจาก The Diplomat ชื่อ "An Uncertain Future for Laos"
3. บทความจาก Fitch Ratings ชื่อ "Fitch Revises Laos' Outlook to Negative, Affirms Rating at 'B-'"
4. บทความจาก Asia Nikkei Review ชื่อ "Laos' debt woes worsen as bills for China-funded dams loom"
5. บทความจาก Asia Times ชื่อ "Mass unemployment the new normal in SE Asia"
1
โฆษณา