Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
จริงจริงคืออยากเล่าให้ลูกฟัง
•
ติดตาม
6 มิ.ย. 2020 เวลา 23:45 • บันเทิง
มหาภารตะ วาระที่ 3
กฤษณะ กุนซือเทพเจ้า 2
.
เจรจาสงบศึกสร้างความปรองดอง วันที่หนึ่ง
ภาพจาก https://www.thehindu.com/entertainment/theatre/it-is-a-different-take-on-mahabharat-puneet-issar-on-directing-the-epic-on-stage/article29574944.ece (มหาภารตะเวอร์ชั่นละครเวทีจัดแสดงเมื่อปี 2019)
ณ ท้องพระโรง สถานที่ประชุมในเมืองของท้าววิราฏ ...ที่หัวโต๊ะ พระกฤษณะร่วมอยู่ในบอร์ดบริหารของเหล่าปาณฑพและทำหน้าที่นั่งเป็นประธานในการประชุม วาระเดียวที่ท้าวเธอนำขึ้นมาถกเพื่อหาข้อยุติ คือ เหตุผลแห่งการสงบศึก เพื่อยุติสงครามความฉิบหายของทั้งสองฝ่าย รวมถึงวิบัติที่จะเกิดกับบ้านเมืองและไพร่ฟ้าราษฎรทั่วไป แน่นอนว่าองค์ประชุมกดปุ่ม เห็นควรด้วย เรียบวุธแบบไม่ต้องแจกกล้วยให้ลำบาก เมื่อมติเอกฉันท์ก็เป็นอันตกลงที่จะส่งทูตเป็นตัวแทน เพื่อไปขอลดปัญหาความขัดแย้ง สร้างความปรองดองกับเหล่าเการพ และแน่นอนอีกครั้งว่าคณะทูตย่อมต้องมีกฤษณะเป็นผู้นำทำการใหญ่ในครั้งนี้
-
หลังจากมีการสื่อสารแลกเปลี่ยนพระราชสาส์นกันเพื่อร่วมแสวงหาทางออกแห่งข้อบาดหมาง ระหว่างยุธิษฐิระและท้าวธฤตราษฎร์ราชาตาบอด ผ่านทูตฝ่ายปาณฑพและทูตสัญชัยจากฝั่งเการพ ผลก็ยังออกมาไม่เป็นที่พอใจเท่าไรนัก (อันนี้ถ้า Conference Meeting กันได้ เรื่องคงจบเพราะไม่ต้องคอยคุยผ่านทูตที่ก็ไม่รู้ได้ว่าส่งสาส์นครบถ้วนกระบวนความหรือไม่) หน้าที่ไกล่เกลี่ยจึงมาตกที่เจ้าคารม พระกฤษณะ ซึ่งบัดนี้ได้มาหยุดยืนอยู่ที่ หน้าพระที่นั่ง ท้องพระโรงแห่งหัสตินาปุระ เพื่อกล่าวกับท้าวธฤตราษฎร์ในเรื่องที่น่าจะเข้าใจผิดจากการสื่อสารของยุธิษฐิระผ่านทูตสัญชัยว่า...
--
"เอิ่ม ที่ท่านบอกว่ายุธิษฐิระมีใจปรารถนาที่จะทำสงครามเห็นทีจะเข้าใจผิดจากความเป็นจริง ชนิดที่ไกลสุดกู่ เพราะเท่าที่ข้าพเจ้ารับทราบมา ยุธิษฐิระ มีจิตคิดพยายามทุกวิถีทางในการหลีกเลี่ยงการรบพุ่ง หากเป็นโอรสของท่านเองนั่นแหละที่เสาะแสวงหาวิธีเพื่อให้ได้มาซึ่งสงครามประหนึ่งสุนัขล่าเนื้อ....." จากนั้นก็เป็นสุนทรพจน์ขนานใหญ่ ว่าด้วยเรื่องความยุติธรรมที่ยุธิษฐิระพร้อมเหล่าพี่น้องควรได้รับ เปรียบเทียบ กับมิจฉาทิฏฐิของเจ้าเการพทุรโยธน์ การจะบอกเล่าให้ครบทั้งกระบวนความคงมากเกินไป
ขอสรุปโดยประมาณ ได้ดังนี้
---
โอรสของท่าน(หมายถึงทุรโยธน์) พยายามหาทางตีรันฟังแทงอยู่เสมอ
เรื่องเล่นการพนันอันลวงหลอกด้วยลูกสกาซ่อนวัตถุถ่วง
เรื่องความคิดและความพยายามเอาชีวิตเหล่าพี่น้องปาณฑพหลายครา
การถูกหมิ่นประมาทในที่ชุมนุมชน
เทราปตีภรรยาที่ถูกล่วงละเมิดอย่างไร้เมตตาจิต
ทุกความสามานย์เหล่านี้จะดำรงอยู่ให้สูญเสียชื่อเสียงแห่งเหล่าวงศ์กุรุหลายชั่วอายุคน ไม่มีหนทางใดให้แก้ไข ตลอดกาล
เหล่าปาณฑพตรากตรำผ่านการเบียดเบียนเหล่านั้นด้วยขันติและความเพียร
เวลานี้พวกเค้าขอเพียงสิทธิอันชอบธรรมที่ควรได้รับ
พวกเค้าไม่ต้องการดินแดนอื่นใด ขอเพียงที่ดินอันเป็นสิทธิ์ของพวกเค้า
เพียงให้ตั้งตัวได้ ใช้ชีวิตอิสระ
เหมาะแก่ฐานะกษัตริย์
เหมาะแก่ฐานะมนุษย์
...กฤษณะจบด้วย "ในนามแห่งมนุษยชาติ (ว่าไปนั่น) ข้าพเจ้าร้องขอความสงบอีกหนหนึ่ง ขอร้องคัดค้านไม่ให้เกิดการรบราฆ่าฟัน"
ณ จุดนี้ท้าวธฤตราษฎร์ หากไม่ยินยอมโดยดีก็ต้องหลับไปอย่างสงบ แต่กฤษณะก็คงไม่รู้ เพราะทรงตาบอด และแม้จะไม่มีเสียงตอบรับประหนึ่งว่าได้รับการอนุมัติแล้ว แต่กฤษณะก็เลือกที่จะเดินไปเคาะประตูเจ้าของตำหนักผู้เป็นต้นเรื่องเพื่อปฏิบัติการเกลี้ยกล่อมอีกที เพราะทราบดีว่าโน้มน้าวกุรุอื่นไปก็เท่านั้น ทุรโยธน์ผู้เดียวนั่นแหละที่จะจบเรื่องนี้ได้
----
แต่ยังไม่ทันเริ่มเจ้าของบ้านก็หันมาถาม "เพราะอะไรฮึ กฤษณะ ท่านจึงแสดงท่าทีไร้เยื่อใยต่อข้าพเจ้า" กฤษณะอาจจะอยากตอบประมาณว่า เพราะท่านรังแกอรชุนและพี่น้องของเค้า แต่แล้วก็ได้ตอบแบบชวนจบเจรจาว่า "ข้าพเจ้าคงจะพูดคุยกับท่านเฉกเช่นเฟรนด์นั้นเป็นไปไม่ได้ หากท่านยังไม่แสดงไมตรีอย่างที่ควรกับเหล่าญาติพี่น้องของท่าน" นั่นจึงกลายเป็นการจบบทสนทนาอย่างรวดเร็วของกฤษณะแบบยังไม่ทันเริ่ม แม้จะเดินหมากพลาดไปแต่ก็ยังไม่ลดละความเพียร กฤษณะหาทางคุยกับคนอื่นเพื่อล็อบบี้ยิสต์และสมัครพรรคพวกไว้ช่วยกันเป็นฝ่ายค้านนโยบายของทุรโยธน์ ทั้งที่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายมี 250 เสียงตุนไว้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าท้าวธฤตราษฎร์กษัตริย์บอดผู้ไร้บารมี กลุ่มผู้ทรงอิทธิพลในสภาทั้ง โทรณาจารย์ วิทุร แม้แต่ภีษมะและคนอื่นจะเอนเอียงไปหาข้างทางสงบศึก แต่ทุรโยธน์ก็ไม่ได้มีท่าทีแม้แต่จะยอมฟัง
จบวันแรกสำหรับปฏิบัติการของกฤษณะ แม้ว่าจะยังไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการเท่าไหร่นัก แต่เราจะเห็นว่ากลยุทธ์ที่ถูกวางไว้นั้นค่อนข้างเป็นขั้นเป็นตอน และเพิ่มดีกรีขึ้นตามลำดับ ไล่เรียงมาจากการเปิดประเด็นให้ฝ่ายปาณฑพเริ่มขอเจรจาสงบศึกก่อนโดยส่งทูตเป็นตัวแทนในการส่งสาส์น แต่เมื่อข้อความคลาดเคลื่อน กฤษณะจึงเริ่มเดินเกมส์ด้วยตัวเอง ขั้นแรกคือโน้มน้าวเจ้านคร หัสตินาปุระ ประมุขแห่งวงศ์กุรุ มุ่งหมายให้ผู้ปกครองสูงสุดเห็นด้วย และสาระสำคัญอยู่ที่ตรงนี้ ข้อความที่กฤษณะกล่าวมีแพทเทิร์นที่ควรศึกษาสำหรับการเกลี้ยกล่อมหรือโน้มน้าวให้คล้อยตาม
โดยเริ่มจากการระบุถึงการกระทำอันผิดมนุษยธรรมของทุรโยธน์ต่อเหล่าปาณฑพ เพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของทุรโยธน์ ผลที่ตามมาคือความทุกข์ทนแต่ก็ไม่ย่อท้อในโชคชะตาของเหล่าผู้ถูกกระทำ จนสุดท้ายจึงชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่พี่น้องเหล่านั้นควรได้รับตามสิทธิ์อันชอบธรรม ซึ่งเป็นเพียงสิทธิ์ระดับสมฐานะเท่านั้นที่คนระดับท้าวธฤตราษฎร์ คงให้ได้ไม่ยากนัก ต่อมาจึงเป็นการเข้าพบทุรโยธน์ผู้ที่กฤษณะรู้ดีว่านี่คือต้นตอของปัญหา
การเลือกแก้ที่เหตุย่อมจบสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุด แต่ก็เหมือนเป็นการหยั่งเชิง ไม่ได้มุ่งหมายเผด็จศึกในครั้งนี้ เพราะกฤษณะเลือกใช้ประโยคที่ชวนสงสัยว่าระดับนารายณ์อวตารจะคิดไม่ออกเชียวหรือว่า ถ้าพูดกับทุรโยธน์ด้วยคำเหล่านี้ย่อมไม่ได้ในสิ่งที่มุ่งหวัง รังแต่จะชวนให้บาดหมางมากกว่า การตั้งหน้าตั้งตาโน้มน้าวเหล่าผู้อาวุโสและขุนพลระดับสูงแห่งกุรุวงศ์จึงเป็นทางเลือกที่กฤษณะใช้เดินเกมส์ คงเพื่อหวังให้มีปริมาณเสียงข้างมากในการคัดค้านนโยบายของทุรโยธน์ในวันเปิดสภาฯ แต่สิ่งนี้จะเพียงพอกับการหยุดความกระหายสงครามของพี่ใหญ่แห่งเการพได้หรือ? กลยุทธ์หยุดสงครามของกฤษณะจะเป็นอย่างไร?
•
ติดตามตอนต่อไป
แหล่งอ้างอิง
- มหาภารตยุทธ์ ฉบับ ร.อ. หลวงบวรบรรณรักษ์ (นิยม รักไทย)
สามารถอ่านได้จาก
https://vajirayana.org
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ว่าด้วยมหาภารตะ
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย