สตาร์บัคส์ ใช้กลิ่นกระตุ้นยอดขาย
ใครที่เป็นลูกค้าประจำของสตาร์บัคส์ หรือเคยเข้าไปนั่งในร้านสตาร์บัคส์ จะรู้สึกเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งว่า “กลิ่นในร้านสตาร์บัคส์” ไม่เหมือนกับกลิ่นร้านกาแฟที่อื่น มันหอม มันผ่อนคลาย รู้สึกอยากนั่งอยู่นานๆ
Starbucks store in Tianjin, China
นี่ไม่ใช่ความบังเอิญครับ แต่เป็นความตั้งใจของสตาร์บัคส์ในการใช้กลิ่น หรือ Scent Marketing เพื่อการกระตุ้นยอดขาย ผ่านการเพิ่มประสบการณ์ Sensory Branding ให้กับผู้ซื้อ
โดยกลิ่นที่ว่านี้ ไม่ใช่กลิ่นสเปรย์ปรับอากาศนะครับ แต่เป็นกลิ่นกาแฟของสตาร์บัคส์เอง ที่สตาร์บัคส์พยายามพัฒนากรรมวิธีการทำกาแฟ ให้ส่งกลิ่นหอมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (เช่น เลือกกาแฟที่มีกลิ่นหอม ใช้เครื่องทำกาแฟที่สกัดกลิ่นได้ดี) และทำให้กลิ่นนั้นคงอยู่ในระบบ HVAC หรือระบบหมุนเวียนอากาศในร้านได้นานที่สุดตลอดทั้งวัน
อันที่จริง เรื่องการใช้กลิ่นนี้มีมาตั้งแต่แรกแล้วครับ เพราะสตาร์บัคส์เองบอกว่ากลิ่นกาแฟเป็นกุญแจสำคัญของบรรยากาศในร้าน แต่มาเริ่มเอาจริงเอาจังตอนปี 2008 หลังจากที่ยอดขายตก เพราะดันเพิ่มเมนูแซนวิชอาหารเช้าที่มีทั้งไข่และชีสเข้าไป แล้วตอนอุ่นมันดันส่งกลิ่นตลบอบอวนจนตีกับกลิ่นกาแฟ ถึงกับหลายคนบอกว่ากลิ่นเหมือนอาเจียน และทำให้บรรยากาศในร้านเสียไปหมด
ลองคิดดูนะครับ ว่าถ้าตอนเช้าเราเข้าไปซื้อกาแฟเพื่อเริ่มต้นวันทำงานใหม่ แต่ต้องไปเจอกับกลิ่นอาหารที่เหมือนอ้วก จะยังอยากเข้าไปอยู่ไหม สุดท้ายสตาร์บัคส์จึงตัดสินใจถอดเมนูนั้นทิ้งทั้งหมดเลยครับ
และหลังจากนั้นเป็นต้นมา สตาร์บัคส์ก็เริ่มพิถีพิถันกับเรื่องกลิ่นมากขึ้น โดยเมนูอาหารในร้าน จะต้องไม่ส่งกลิ่นตีหรือดับกลิ่นกาแฟตอนที่อุ่นร้อนหรือขณะทาน หรือถ้าจะมีกลิ่น ก็ควรเป็นกลิ่นที่ช่วยเสริมให้คนรู้สึกหิว อยากซื้อกาแฟหรืออาหารในร้านมากขึ้น เช่น กลิ่นซินนามอลโรล
ว่ากันว่าในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ สตาร์บัคส์บางสาขา โดยเฉพาะในต่างประเทศ จะนำซินนามอลโรลออกมาอุ่นกันทั้งวันด้วย เพราะกลิ่นซินนามอน เมื่อรวมกับเพลงคริสมาสต์ที่เปิดในร้านแล้ว จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้น และมีความสุขกับช่วงเทศกาลมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะซื้อเครื่องดื่มและอาหารของสตาร์บัคส์มากขึ้นด้วยครับ
ตัดไปที่เมนูแซนวิชอีกครั้ง จะเห็นได้ว่าตอนนี้สตาร์บัคส์ก็ยังคงมีเมนูแซนวิชเหมือนเดิม แต่เจ้าแซนวิชที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ได้รับการปรับเปลี่ยนส่วนผสมแล้วครับ โดยได้เปลี่ยนชีสและส่วนผสมที่มีกลิ่นใหม่ พร้อมกับกำหนดวิธีการอุ่นร้อน และอุณหภูมิในการอุ่น เพื่อควบคุมกลิ่นด้วย
จริงๆ ไม่ใช่แค่สตาร์บัคส์เท่านั้น ที่ใช้กลิ่นในกลยุทธิ์การตลาด ยังมีอีกหลายๆ แบรนด์ที่ใช้กลิ่นด้วยเช่นกัน เช่น Hugo Boss ใช้กลิ่น “คนรวย” เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์และยอดขายในร้าน เป็นต้นครับ
สำหรับผู้อ่านท่านใดที่ใช้ Facebook อย่าลืมติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่:
Image: Starbucks store in Tianjin, China/ Starbucks
- 17
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
