7 มิ.ย. 2020 เวลา 14:50 • บันเทิง
[Face off ไขคดีฆาตกรรมศพไร้หน้า]
- บทที่ 5 ฝัน -
………………………………………………………………………………
เวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าข้างนอกดูเหมือนฝนจะหยุดตกแล้ว ดูจากแสงที่ส่องเข้ามา ผมเดาว่าน่าจะเป็นเวลาเช้ามืด ผมยังคงคุดคู้ตัวอยู่ใต้โต๊ะ พิจารณาอยู่ชั่วครู่จึงตัดสินใจค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากใต้โต๊ะอย่างช้าๆ ผมพยายามมองไปให้ไกลที่สุด มองไปยังทิศทางที่มันเดินไปเมื่อราวชั่วโมงหรือสองชั่วโมงที่แล้ว ผมมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน พบว่าไม่มีใครอยู่แน่ๆ ผมมองไปอีกทางหนึ่งเพื่อความแน่ใจว่า ไม่มีสิ่งชีวิตอื่นใดนอกจากผมอยู่ในที่แห่งนี้ ผมค่อยๆเคลื่อนตัวเองออกมาจากใต้โต๊ะอย่างช้าๆ ผมรู้สึกเข่าอ่อน และชาคงเป็นเพราะอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานเกินไป ผมยืนขึ้นสักพัก แล้วสะบัดขาไปมาเพื่อให้หายชา ผมมองไปตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น เพราะแสงจากภายนอกส่องเข้ามา
รอยเลือดเป็นทาง
คงเป็นสำนึกถึงความอยากรู้อยากเห็นของผมเอง ถึงได้พาตัวเองเดินไปตามรอยเลือดนั้น จากกองเลือดที่ผมเห็นทีแรก มายังรอยเลือดที่ถูกลากเป็นทาง ปรากฏว่ามีบันไดอยู่ตรงหน้า มีรอยเลือดขึ้นไปตามบันไดนั้น ผมมองตามขึ้นไป ถึงแม้จะเป็นเวลาเช้ามืดที่พอมีแสงสว่างอยู่บ้าง แต่ก็ยังสว่างไม่มากพอที่จะเห็นข้างบน ผมตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไป
บันไดที่มีรอยเลือดเป็นทาง
เอี๊ยด…
เอี๊ยด…
เอี๊ยด…
เสียงบันไดลั่น พร้อมๆฝีเท้าผมที่กำลังเดินขึ้นบันได มันเป็นบันไดไม้ที่เก่าเหลือเกิน ทันทีที่ผมเหยียบมันด้วยน้ำหนักของผม เลยทำให้ไม้แอ่นลงไปเล็กน้อย ผมเองก็กลัวว่ามันจะพังก่อนผมจะเดินขึ้นไปถึง
ก่อนถึงขั้นบนสุด สายตาผมตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงนั้น สิ่งนั้นกำลังพิงกำแพงไม้อยู่
มันคือศพผู้หญิง
จริงๆผมก็เดาไว้อยู่บ้าง ว่าอาจจะต้องเจอศพ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจ แทบจะล้มทั้งยืนอยู่ตรงนั้นนั่นก็คือ…
ใบหน้าของเธอหายไป
เหมือนกับถูกตัดออกไปทั้งหน้า หรือเรียกได้ว่า โดนถลกออกไป ไม่มีทั้งตา จมูก ปาก เลือดที่ไหลออกมาย้อมร่างกายเธอเป็นสีแดงฉาน เลือดไหลนองเต็มพื้นดูน่ากลัว ให้ตายสิ นี่ผมกำลังอยู่ในหนังฆาตกรรมสยองขวัญอยู่รึไง
........................................................................
“นุ!” เสียงเรียกของเอก ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ที่ผมนึกเรื่องฝันเมื่อคืน ซึ่งมันทำให้ผมนอนไม่หลับมาจนถึงตอนนี้
“โทษทีว่ะ รอนานมั้ย” เอกพูดพลางเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ
“ไม่นานหรอก”
“แกเป็นอะไรวะ หน้าซีดๆ ดูโทรมๆ เหมือนคนนอนไม่พอ”
“ฝันร้ายนิดหน่อย”
“สงสัยแกคงยังไม่ค่อยหายดี ทนหน่อยว่ะ ไม่นานเดี๋ยวก็คงดีขึ้น” เอกพูดพลางตบบ่าผมเบาๆ
“อืม ว่าแต่ นายมีเรื่องอะไรเหรอ”
“…” เอกนิ่งไปครู่หนึ่ง
“คือ แกจำผู้หญิงคนนี้ได้มั้ย” เอกพูดพร้อมกับยื่นมือถือให้ดูรูปถ่ายที่อยู่ในเครื่อง เป็นรูปถ่ายผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ผิวขาว หมวยๆ หน้าออกกลมๆ ไว้ผมสั้นประบ่า
“ใครเหรอ”
“คิดอยู่เหมือนกัน ว่าแกคงจำไม่ได้”
“เธอหายตัวไปราวๆเกือบอาทิตย์ได้แล้ว ตอนนี้ตำรวจกำลังช่วยสืบ และตามหาตัวเธออยู่ แต่ก็ยังไม่เจอเบาะแสอะไรเลยว่ะ ข้าเลยอยากจะค้นหาเธอด้วยอีกแรง” เอกอธิบาย
“แล้วเธอเกี่ยวข้องอะไรกับนาย”
เอกหน้าเศร้าลงทันที “…เธอชื่อ ริน เป็นแฟนข้าเอง”
ผมได้ยินดังนั้น รู้สึกเห็นใจเขามาก แต่ผมก็ไม่เห็นว่า ผมจะช่วยอะไรเขาได้
“แล้วฉันจะช่วยอะไรนายได้บ้าง”
“แกจำได้มั้ยช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมา มีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ดังมากๆเลย เป็นคดีที่ฆาตกรมันฆ่าคนไปถึงสามคนแล้ว แต่ตำรวจก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้” เอกเล่าเสียงเครียด
ผมฟังเอกเล่าพลางนึกไปถึงเรื่องที่ผมฝันเมื่อคืน จู่ๆผมก็รู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมาทันที
“นายกำลังคิดว่า…”
เอกพยักหน้าน้อยๆ “ข้าก็ไม่อยากมองแง่ร้ายแบบนั้น แต่ข้าก็หาเหตุผลอื่นที่เธอหายไปไม่ได้เลย”
ผมเริ่มเห็นเขาน้ำตาคลอเบ้า ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไร เลยเอามือตบไหล่เขาเบาๆ
“ข้าเห็นว่า ขืนรอตำรวจ ข้าอยู่ไม่ไหวแน่ ข้าเลยอยากสืบร่องรอยของฆาตกรด้วยตัวเอง” เอกเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ข้าเห็นว่าแกเป็นคนละเอียด ช่างสังเกต บางทีถ้าเราร่วมมือกัน อาจมองเห็นจุดเล็กๆน้อยๆ ที่เป็นเบาะแสไปหาฆาตกรได้”
..............
ผมลังเล ไม่รู้จะรับปากดีหรือไม่ เพราะตอนนี้อาการป่วยผมก็ยังไม่หายดี ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะช่วยเขาได้
“ข้ารู้ว่าแกก็ยังไม่หายดี แต่ข้าขอร้อง ข้าอยากช่วยริน”
“…” ผมนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงรับปาก “ก็ได้”
“ขอบใจ ขอบใจมากนะ” เอกมองผมด้วยความตื้นตัน
“งั้นถ้านายจะให้ฉันทำอะไรก็บอกมาละกันนะ แต่ตอนนี้ฉันขอตัวกลับไปพักก่อน” พูดเสร็จผมก็เดินจากมา ทิ้งให้เอกนั่งเหม่อลอย
ผมกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกเพลีย ผมรู้สึกว่าตั้งแต่ผมออกมาจากโรงพยาบาล ผมดูเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเอาซะเลย รู้สึกอ่อนเพลีย เดี๋ยวสักพักก็มึนหัว เดี๋ยวสักพักก็ปวดหัว แต่อาจเป็นเพราะว่าผมฝันร้ายติดๆกัน นี่ผมหวังว่าคืนนี้คงจะไม่ฝันบ้าๆแบบนั้นอีก
ผมอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า หวังจะเรียกความสดชื่นขึ้นมาบ้าง ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลเล็กน้อย ผมเดินมาที่เตียง แล้วมองไปที่โน้ตบุ๊คบนโต๊ะทำงาน วันนี้ขอพักเรื่องนี้ไว้ก่อนละกัน เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเพลีย จนไม่รู้สึกอยากรู้อะไร ผมนั่งลงบนเตียงแล้วพลิกตัวลงนอน หลับตาลงหวังว่าคืนนี้จะหลับยาวจนถึงเช้า
ผมเพลียมาก แต่ทว่าตาผมกลับสว่างมาก
ผมพยายามข่มตาหลับ พลิกตัวไปมาอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ง่วงเลยสักนิด ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู นาฬิกาบอกเวลาประมาณห้าทุ่มเศษๆ
ปริม จะนอนหรือยังนะ
ผมผุดลุกขึ้นมานั่งดูมือถือ เลื่อนหาชื่อปริม แล้วค้างไว้อย่างนั้น
น่าแปลก ผมยังจำความรู้สึกที่รักเธอไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมกลับคิดถึงเธอ
เอาน่ะ ลองโทรไปดู ถ้าเธอหลับ ก็น่าจะปิดเครื่อง แต่ถ้าเธอยังไม่หลับพอเห็นสายเราน่าจะรับสายนะ แต่พูดถึงเวลานี้มันก็ดึกพอสมควร ถ้าโทรไปมันจะเป็นการเสียมารยาทรึเปล่านะ แต่เราก็เป็นแฟนเธอก็น่าจะโทรหาได้หรือเปล่า ขณะที่ผมเถียงกับเสียงในหัวตัวเองอยู่นั้น จู่ๆก็มีไลน์เด้งขึ้นมา
“คุณนุ หลับหรือยังคะ”
ผมรู้สึกเหมือนได้รับเมสเสจจากสวรรค์ นี่เธอก็ยังไม่หลับ เธอกำลังคิดถึงผมอยู่เหมือนกันใช่มั้ย ผมรีบพิมพ์ตอบไป
“ยังครับ ปริมยังไม่นอนอีกเหรอ”
ไม่ถึงหนึ่งวินาที เธอก็พิมพ์ตอบกลับมา “ปริมนอนไม่ค่อยหลับน่ะค่ะ…”
ผมตัดสินใจโทรหาเธอ
“ฮัลโหลค่ะ คุณนุ”
“คือ ผมก็นอนไม่ค่อยหลับเหมือนกันครับ”
“คุณเป็นอะไร มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” ผมสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงเธอเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ ช่วงนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับน่ะ พอดีฝันร้ายติดๆกัน”
.. “ฝันร้าย? ฝันว่าอะไรเหรอคะ?”
ด้วยเหตุอะไรก็ไม่อาจทราบได้ ผมรู้สึกไม่อยากเล่าเรื่องฝันประหลาดๆนี้ให้ใครฟัง
“พอตื่นมา ผมก็จำอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับ” ผมโกหกเธอไป
“อ๋อ ค่ะ”
“แล้วปริมล่ะครับ เป็นอะไร ทำไมนอนไม่หลับ” ผมถามเธอบ้าง
“คือ ช่วงนี้ปริมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจน่ะค่ะ รู้สึกกลัว”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“คุณนุ จำเรื่องคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้บ้างไหมคะ” จริงๆแล้วผมก็จำไม่ได้ แต่ที่ผมรู้เพราะวันนี้เอกก็เพิ่งพูดถึง
“เอ่อ ครับ วันนี้เอกก็เพิ่งเล่าให้ฟัง เห็นเขาก็เป็นกังวล เพราะแฟนของเขาหายตัวไป”
“จริงเหรอคะ” ฟังจากน้ำเสียง ผมรู้ได้เลยว่าเธอกำลังตกใจอยู่
ผมนึกแปลกใจว่าทำไมทั้งสองคนต้องเป็นกังวลขนาดนี้ เพราะดูแล้วพวกเขาก็เป็นคนดี ไม่น่าจะเคยมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจ จนน่าจะทำให้ใครแค้น จนถึงกับต้องฆ่าแกง แต่ผมเลือกจะไม่ถาม เพราะกลัวยิ่งพูดถึง เธอจะยิ่งเป็นกังวล
“จนป่านนี้ตำรวจก็ยังจับฆาตกรไม่ได้ ปริมคิดมาก เลยนอนไม่ค่อยหลับน่ะค่ะ”
ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยรู้รายละเอียดของคดีมากเท่าไหร่ แต่เท่าที่ดูหมู่บ้านเราก็ดูปลอดภัยดี ไม่น่าจะมีใครบุกเข้ามาได้ง่ายๆ
“ปริมอย่าคิดมากเลยครับ ลงกลอน ปิดหน้าต่างทุกบาน ล็อคประตูบ้านให้ดี แล้วก็ทำใจสบายๆนะครับ ถ้ามีอะไรก็บอกผม” ผมพยายามปลอบใจ
“ค่ะ คุณนุ ปริมจะพยายาม…. งั้นกู๊ดไนท์นะคะ”
“กู๊ดไนท์ ครับ” แล้วเธอก็กดวางสายไป
ผมวางมือถือไว้ตรงหัวนอน รู้สึกพอได้คุยกับเธอแล้วผมสบายใจขึ้น ถึงแม้เรื่องที่เราคุยจะเป็นเรื่องที่กังวล ผมนึกพลางเอนหลังลงบนเตียง ผมนอนลืมตาอยู่ในความมืดคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางคิดว่าพรุ่งนี้จะลองค้นข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ดู เผื่อจะได้เบาะแสอะไรบางอย่าง แล้วยังได้ช่วยเอกตามหารินด้วย….
แต่ไม่นึกว่าวันต่อมาเอกจะได้เจอกับแฟนของเขาแล้ว
ในสภาพไร้วิญญาณ
โฆษณา