Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อยากเขียน
•
ติดตาม
12 มิ.ย. 2020 เวลา 02:18 • บันเทิง
[Face off ไขคดีฆาตกรรมปริศนาศพไร้หน้า]
- บทที่ 6 เหยื่อ -
“ให้ตายสิ!!!!” ภูวไนยพอทราบข่าวที่กรม ก็รีบรุดมายังที่เกิดเหตุหลังจากได้รับการแจ้งว่าเมื่อคืนเพิ่งมีคนพบศพหญิงสาวอยู่บนชั้นลอย ในโรงเลื่อยไม้แห่งหนึ่ง เมื่อมาถึง มีรถฉุกเฉิน รถตำรวจท้องที่ รถนักข่าวโทรทัศน์ รถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านเต็มไปหมด เสียงหวอจากรถฉุกเฉินร้องโหยหวนพร้อมกับเสียงเซ็งแซ่ของชาวบ้าน ภูวไนยพยายามฝ่าวงล้อมของไทยมุงเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุ พบว่ามีเส้นกั้นบริเวณรอบโรงเลื่อยไม้ ภูวไนยเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองสายนายอยู่ข้างในเส้นกั้น พยายามเอามือกันพวกสื่อมวลชน และเหล่าชาวบ้านไม่ให้เข้ามายังที่เกิดเหตุ เขาเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหา
“สวัสดี ผมร้อยตำรวจเอกภูวไนย จากกรมตำรวจ เป็นผู้รับผิดชอบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ ผมขอเข้าไปตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุหน่อย” ภูวไนยพูดพลางชูบัตรตำรวจให้ดู
นายตำรวจเห็นดังนั้นรีบทำความเคารพ “ได้ครับผู้กอง” พร้อมกับเปิดเส้นกั้นให้ภูวไนยเข้ามา แล้วหันไปกันฝูงชนต่ออย่างทุลักทุเล
ภูวไนย เดินเข้าไปในโรงเลื่อยตามการนำทางของนายตำรวจคนหนึ่ง เขาพบว่า โรงเลื่อยนี้ เหมือนจะรกร้างเป็นเวลานาน ดูใกล้จะผุพังแล้ว เขาเดินขึ้นบันไดตามรอยเลือดไปจนถึงบริเวณที่พบศพ ซึ่งตอนนี้ศพถูกขนย้ายไปยังสถาบันนิติเวช เพื่อยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เพียงเทปกาวที่เจ้าหน้าที่จะแปะเป็นโครงร่างแบบหยาบๆ เพื่อคงลักษณะท่าทางสุดท้ายของผู้ตายเอาไว้ บวกกับคราบเลือดที่บัดนี้แห้งสนิท แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ชัดเจนมากตั้งแต่เขาเดินเข้าประตูมาจนถึงตรงนี้นั่นก็คือ
กลิ่นเหม็นเน่าของซากศพ
นี่แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเสียชีวิตเป็นเวลาหลายวันแล้วแน่นอน ภูวไนยหันไปถามเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสองสามนายที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และหาหลักฐานเพิ่มเติม
“ผมขอดูรูปถ่ายผู้ตายหน่อย”
มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาเปิดกล้องถ่ายรูปที่เป็นแบบดิจิตอล ให้ภูวไนยกดไล่ดูรูปที่ถ่ายไว้ก่อนหน้าซึ่งมีประมาณยี่สิบกว่ารูป เขากดดูรูปถ่ายไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงรูปแรก รู้สึกผงะไป
ภาพที่เห็น เป็นภาพถ่ายระยะใกล้ของศพ คงเป็นเพราะเธอคนนี้เสียชีวิตมาหลายวันถึงได้มีหนอน แมลงวันไชยั้วเยี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใบหน้าซึ่งเละไปด้วยเลือดและน้ำเหลือง จนแยกแยะไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่ยังพอดูออกว่าเป็นผู้หญิงเพราะดูจากชุดที่สวมใส่ ภูวไนยกดไล่ดูรูปถัดไปเรื่อยๆ เป็นรูปถ่ายในระยะห่างออกมา ภูวไนยสังเกตเห็นว่า ในรูปมีกระเป๋าตังและทรัพย์สินบางอย่างตกอยู่ข้างศพ เขาหันไปบอกเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
“ขอผมดูทรัพย์สินของผู้ตายหน่อย”
เจ้าหน้าที่ยื่นถุงพลาสติก ที่ใส่ทรัพย์สินต่างๆของผู้ตายให้กับภูวไนย เขาสวมถุงมือทั้งสองข้างแล้วล้วงเข้าไปในถุง พบว่ามีกระเป๋าถือ โทรศัพท์มือถือ เขาหยิบกระเป๋าถือออกมาเปิดดู เห็นข้างในมีกระเป๋าตังค์ กระเป๋าเครื่องสำอาง จี้ห้อยคอ ปากกา สมุดโน้ต เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาดู เห็นบัตรประชาชน
นางสาวมณีริน เจริญทรัพย์
เท่าที่ดูข้อมูล เธออายุราวๆ 26-27 ปีเท่านั้นเอง เป็นหญิงสาวหน้าตาดี เขาค้นกระเป๋าตังค์มีเงินและนามบัตร รวมถึงบัตรสมาชิกต่างๆอยู่หลายใบ เขาหยิบออกมาวางเรียงไว้บนโต๊ะแล้วหยิบกล้องมือถือออกมาถ่ายรูปไว้ เขามองพิจารณาชั่วครู่ สักพักจ่านพวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา
“ขอโทษครับผู้กอง ผมมาช้า” จ่านพละล่ำละลัก
“จ่านพ คุณเอาแฟ้มคดีของเหยื่อสามรายก่อนหน้านี้มามั้ย” ภูวไนยพูดทั้งๆที่ตายังมองดูกองบัตรอยู่
“ครับ” จ่านพพูดพลางยื่นแฟ้มให้ภูวไนย
ภูวไนยเปิดแฟ้มไล่หาไปที่ลิสต์รายการทรัพย์สินของผู้ตายทั้งสามราย พบว่าเหยื่อรายที่สองกับรายที่สาม มีบัตรสมาชิกและนามบัตรอยู่พอสมควร แต่รายแรกกลับมีอยู่แค่สองสามใบ ข้อมูลไม่ได้บอกว่ามีบัตรสมาชิกและนามบัตรอะไรบ้าง
“ข้อมูลไม่ค่อยละเอียด ผมคงต้องไปขอดูทรัพย์สินของผู้ตายทั้งสามรายเองอีกที”
ภูวไนย หยิบมือถือของผู้ตายขึ้นมาดู เขากดปุ่มเปิดเครื่อง พบว่าแบตหมด เขาหันไปถามเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
“นี่ติดต่อญาติผู้ตายหรือยัง”
“ครับเราใช้ข้อมูลจากบัตรประชาชน ติดต่อพ่อแม่ของเธอแล้ว ตอนนี้คงกำลังไปที่สถาบันนิติเวช”
ภูวไนยพยักหน้ารับรู้ เขาหันมาถ่ายรูป และถ่ายวิดีโอที่เกิดเหตุด้วยกล้องมือถือ จากนั้นเขาก็ชวนจ่านพออกมา ปรากฏว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังโวยวายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“ผมบอกแล้วไงว่าผู้ตายเป็นแฟนผม ให้ผมเข้าไปสิโธ่โว้ย!!!” เขาพูดพลางดิ้นรนจากการที่นายตำรวจสามคนกำลังจับตัวเขาอยู่
“ใจเย็นๆครับคุณ นี่มันที่เกิดเหตุ อยู่ในระหว่างสืบสวนคดี ยังไงก็ให้เข้าไปไม่ได้”
“สืบสวนคดีบ้าบออะไร ผมเป็นแฟนเค้าให้ผมเข้าไปเดี๋ยวนี้!!” ชายคนนั้นร้องตะโกนโวยวาย ภูวไนยเห็นเหตุการณ์ดังนั้นจึงวิ่งเข้าไปหา
“คุณครับ ใจเย็นๆนะครับ ตอนนี้แฟนคุณไม่ได้อยู่ที่นี่ เราส่ง เอ่อ เธอไปที่สถาบันนิติเวชแล้ว”
“เมื่อกี๊ ผมก็บอกเค้าแล้วครับ แต่เค้าไม่ฟังเลย” นายตำรวจหนึ่งในสามพูดขึ้นมา
ชายคนนั้นปล่อยตัวลงกับพื้น อย่างหมดแรง ก้มหน้าลงร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อาย ช่างขัดกับบุคลิกของเขาที่ดูเป็นผู้ชายบึกบึน แข็งแรงเสียเหลือเกิน ภูวไนยเห็น ก็อดสลดแทนไม่ได้ เขาก้มลงไปพูดกับชายคนนั้น
.......
“ขอโทษนะครับ ผมเข้าใจว่าคุณกำลังเสียใจ แต่จริงๆเราก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นแฟนคุณ100%หรือเปล่า เพราะศพเสียชีวิตหลายวัน เลยไม่ทราบหน้าตา และต้องรอพิสูจน์ DNA เพิ่มเติมนะครับ ”
“ผมรู้… ว่าต้องใช่เธอแน่ๆ” เขาพูดทั้งน้ำตา
ภูวไนยนึกเอะใจ “ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น”
เขาชะงักขึ้นมา “คือ…เธอหายไปหลายวันน่ะครับ ผมเลยคิดว่าเธอต้องโดนทำร้ายแน่ๆ”
“อ๋อครับ คือผมขอโทษที่แนะนำตัวช้านะครับ ผมชื่อภูวไนย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ ผมรู้ว่าอาจเป็นการไม่เหมาะสม แต่ในฐานะที่คุณอาจมีความเกี่ยวข้องกับผู้ตาย ผมคงต้องขออนุญาตสอบปากคำคุณเพิ่มเติม”
เขานิ่งคิดชั่วครู่ “เป็นวันอื่นได้ไหมครับ ผมขอตามไปดูเธอก่อน”
“ได้แน่นอนครับ ถ้าไงผมขอเบอร์ติดต่อคุณ แล้วผมจะติดต่อไป ” ภูวไนยพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรตามที่เขาบอก
“คุณชื่ออะไรครับ”
“ผมชื่อเอก ครับ”
……………………………………………………………………………
“เหตุเกิดที่โรงเลื่อยไม้ร้าง ในเขต yyyy เวลา 6.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า พบศพในที่เกิดเหตุดังกล่าว เวลา 6.30น. เจ้าหน้าที่ไปถึงสถานที่เกิดเหตุ พบศพหญิงสาวนิรนาม อยู่ที่ชั้นลอยในโรงเลื่อย สภาพศพที่ใบหน้ามีหนอนแมลงชอนไช ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง ที่หน้าอกมีแผลโดนแทงสองแห่ง ภายหลังทราบว่าผู้ตายชื่อ นางสาวมณีริน เจริญทรัพย์ อายุ 27 ปี ขณะนี้แพทย์ประจำสถาบันนิติเวช กำลังทำการชันสูตรศพว่าใช่นางสาวมณีรินจริงหรือไม่…”
ผมเห็นข่าวในขณะที่กำลังทานข้าวกลางวัน ภาพในข่าวเบลอภาพตอนพบศพ แต่โชว์รูปถ่ายของผู้ตายชัดเจน ถึงผมจะเคยเห็นรูปนี้แค่ครั้งเดียว แต่ผมมั่นใจว่า เธอคือแฟนของเอก ที่เขาเพิ่งให้ผมช่วยตามสืบหาตัวเธอนี่นา
แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกช็อคก็คือ โรงเลื่อยไม้ร้าง ศพผู้หญิงที่ชั้นลอย ไม่ทราบใบหน้า…
มันเหมือนภาพในฝันของผมเลย
“นายโต หรือลุงโตอายุ60ปี ที่เป็นผู้พบศพคนแรก บอกว่าตนถูกจ้างให้มาทำความสะอาดที่นี่ทุกอาทิตย์ ซึ่งวันนี้ก็กำลังจะเข้ามาทำความสะอาดเหมือนเดิม แต่พอเปิดประตูโรงเลื่อยกลับได้กลิ่นเหม็นเน่าชวนสะอิดสะเอียนออกมา ตอนแรกนึกว่าคงมีหนูเข้าไปตายข้างใน แต่พอตนเข้าไปดูถึงกับผงะ เพราะกลับกลายเป็นเจอศพผู้หญิง…”
ผมทานข้าวไม่ลงอีกต่อไป ในขณะที่ผมกำลังตะลึง จู่ๆก็มีคนมาแตะไหล่ผม ผมสะดุ้งสุดตัว
“คุณนุ คุณเห็นข่าวแล้วใช่มั้ยคะ” ผมหันไปมอง ที่แท้ก็เป็นปริม
“ใช่ครับ เพิ่งเห็นเมื่อกี้นี้เอง…”
“น่าสงสารคุณเอกเค้านะคะ คงจะเสียใจน่าดู ” เธอน้ำตาคลอ ในขณะเดียวกัน ผมสังเกตเห็นแววตาเธอเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่รู้จะปลอบใจอย่างไร เลยเอื้อมมือไปกุมมือเธอที่กำลังแตะไหล่ผมเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะครับ”
“…ขณะนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่า คดีฆาตกรรมครั้งนี้จะเป็นหนึ่งในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่โด่งดังในขณะนี้หรือไม่ นับเป็นเหตุการณ์ระทึกขวัญในรอบสิบปีที่สร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนมากมาย ท่านนายกรัฐมนตรีจะมีความเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร ไปฟังความคิดเห็นของท่านกันค่ะ ” ผมกดปิดสวิตซ์โทรทัศน์
ผมนั่งเป็นเพื่อนเธอสักพัก แล้วเราสองคนก็แยกย้ายกันไปทำงานต่อ ผมนึกแปลกใจเรื่องความฝันไม่หาย ว่าทำไมผมถึงเห็นภาพในฝันตรงกับคดี หรือมันจะเป็นนิมิต? ผมเป็นพวกมีสัมผัสพิเศษอย่างนั้นเหรอ ผมนั่งนึกพลางเลื่อนเก้าอี้ทำงานมาที่โต๊ะ เปิดคอมแล้วหาข้อมูลเกี่ยวกับคดีเพิ่มเติมในกูเกิ้ล
‘คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง’ ผมลองใส่เข้าไป
[คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง คดีที่ดังที่สุดในขณะนี้ สร้างความหวาดผวาให้กับผู้คน…]
[คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ข่าวเด็ด คม ชัด ลึก ที่นี่ ที่เดียว…]
[คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ฆาตกรไร้เงา ยังจับตัวไม่ได้?...]
ผมพยายามทยอยไล่คลิกอ่านทุกอัน พบว่ามีอยู่อันหนึ่งที่สรุปรวมทุกคดีทีผ่านมา
“นี่นับเป็นรายที่สาม หลังจากที่มีคดีเกิดขึ้น สภาพศพใบหน้าเหลวเละไปด้วยน้ำกรดเข้มข้นที่มาจากโรงงานย้อมผ้าที่เป็นที่ทำงานของเธอ เหมือนกับผู้เคราะห์ร้ายรายแรกที่ใบหน้าถูกทุบด้วยของแข็งและหนัก ซึ่งมีคนพบศพอยู่ที่พุ่มไม้ข้างถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะใช้หินก้อนใหญ่ๆทุบไปที่ใบหน้าซ้ำๆ จนกระทั่งเธอหมดลมหายใจ เช่นเดียวกับผู้เคราะห์ร้ายรายที่สองที่มีคนพบศพอยู่บริเวณข้างๆคลอง ใบหน้าถูกทำลายเละเทะด้วยของมีคม จนจำไม่ได้ ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสืบหาสาเหตุการลงมือของฆาตกรไม่ได้แน่ชัด และยังสรุปไม่ได้แน่ชัดว่า ทุกรายเป็นเหยื่อของฆาตกรคนเดียวกันหรือไม่… ”
ผมอ่านจบ เพิ่งเข้าใจว่าทำไมปริมถึงกลัว ผมเช็คดูสถานที่เกิดเหตุของทั้งสามรายรวมถึงรินแฟนเอกที่เพิ่งมีข่าววันนี้ ทุกที่ล้วนไม่อยู่ห่างไกลกันมากนัก เป็นเขตกรุงเทพฯทั้งหมด พวกเราเองก็อยู่กรุงเทพฯ แล้วเหยื่อก็เป็นผู้หญิงทั้งหมด
แล้วทำไมต้องทำลายใบหน้าทุกคน?
เท่าที่อ่านดู จะว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ เหยื่อทุกรายก็ไม่ได้ถูกขโมยทรัพย์สินไปแต่อย่างใด หรือจะเป็นการกระทำของฆาตกรโรคจิตธรรมดาๆ ที่หลงใหลการฆ่าอย่างนั้นหรือ แล้วไหนจะความฝันนั่นอีก ทำไมผมถึงเห็นภาพแบบนั้นได้ ผมคิดหนัก เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ผมเอามือกุมศีรษะหลับตาลง พยายามหยุดคิดชั่วครู่ ช่างมันวะ เดี๋ยวค่อยสืบต่อก็ได้
……………………………………………………………………………
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
[Face off ไขคดีฆาตกรรมปริศนาศพไร้หน้า]
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย