9 มิ.ย. 2020 เวลา 11:12 • ธุรกิจ
เห็นวันนี้มีดราม่าเรื่องกระทรวงการคลังเขาทำข้อเสนอไปถึงรัฐบาลว่าอยากจะให้รัฐบาลทำการเก็บภาษีแพลตฟอร์มดูหนัง แพลตฟอร์มดิจิตอลต่างๆที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศไทย อย่าง Netflix, Disney+, Sportify, HBO GO อะไรพวกนี้ เพื่อที่จะหารายได้เข้าคลังภาษีของประเทศ
โดยทางกระทรวงการคลังเขาอ้างว่าองค์กร และบริษัทข้ามชาติเหล่านี้นั้นเข้ามาทำกำไรในประเทศโดยที่แทบไม่มีบริษัทลูก หรือลงทุนเพิ่มภายในไทยเลย หากสามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT จากบริษัทเหล่านี้ได้ จะทำให้ประเทศไทยมีรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้นอีกกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี
จึงมีแผนที่จะดันเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของรัฐสภาเพื่อการพิจารณาในลำดับถัดไป (ทางกระทรวงการคลังให้เหตุผลเพิ่มเติมไว้ว่า ประเทศพัฒนาแล้วประเทศอื่นๆเขาก็เก็บภาษี Netflix กัน อย่างออสเตรเลีย เกาหลีใต้อะไรอย่างนี้เขาเก็บกันหมด ซึ่งไทยก็ควรจะเก็บด้วย)
ทีนี้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาสำหรับกลุ่มผู้บริโภค ถ้าหากรัฐบาลเขาทำการขูดภาษีจาก Netflix จาก HBO และ Disney+ หรือแพลตฟอร์มอื่นๆกันจริงๆ คือ เราอาจจะจำเป็นต้องเสียค่า Subscribe หรือ ค่าสมัครสมาชิกรายเดือนของ Netflix และแพลตฟอร์มดูหนัง ฟังเพลงอื่นๆ ในราคาที่สูงขึ้น (กี่บาทนั้นยังไม่แน่ใจ แต่อาจจะไม่เกิน 100 บาท)
บางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมรัฐบาลหรือกระทรวงการคลังเลือกที่จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากแพลตฟอร์มพวกนี้ แทนที่จะเลือกเก็บแบบภาษีเงินได้? ทั้งๆที่มันมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภค หากบริษัทข้ามชาติเหล่านั้นตัดสินใจโยนภาระภาษีไปให้ผู้บริโภคจ่าย (ด้วยการเก็บเงินค่าสมาชิกหรือค่าแรกเข้าเพิ่ม)
อันนี้มีคำอธิบายพื้นฐานเลย คือ ตามหลักแล้ว รัฐบาลไม่สามารเก็บภาษีเงินได้จากบริษัทต่างประเทศ หรือบรรษัทข้ามชาติที่เข้ามาหากินในไทย โดยที่ไม่มีบริษัทลูก หรือสถานประกอบการถาวรตั้งอยู่เป็นหลักแหล่งในไทย
1
ดังนั้น ถ้าบริษัทอย่าง Netflix เข้ามาเปิดให้บริการในไทย แต่ไม่ได้มาตั้งออฟฟิศในไทย (เท่าที่ทราบออฟฟิศ Netflix ประจำภูมิภาคนี้น่าจะอยู่ที่สิงคโปร์) ไทยเราก็ไม่สามารถเก็บภาษีเงินได้จาก Netflix ได้ อันนี้เป็นปัญหาสากลที่ประเทศอื่นเขาก็เจอมาเหมือนกัน
เพราะมันเป็นบริษัทที่ทำธุรกรรมหรือกิจการบนโลกออนไลน์ เลยไม่จำเป็นต้องมีออฟฟิศอยู่ไทย ทางรัฐบาลและกระทรวงการคลังเลยต้องหาวิธีในการเก็บภาษีด้วยวิธีอื่น ซึ่่งหวยก็เลยมาลงที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT นั้นเองครับ
** อันนี้ยังเป็นแค่แผนและความเป็นไปได้เท่านั้นนะครับ ยังต้องรออีกหลายกระบวนการ และยังไม่มีอะไรแน่นอน ว่ากฎหมายนี้จะสามารถผ่านการพิจารณาของรัฐสภาหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ควรแตกตื่นครับ
References
1. บทความจาก ข่าวสด ชื่อ "ไฟเขียวรีดภาษีแวตจากผู้ให้บริการออนไลน์ต่างประเทศ - ‘เฟซบุ๊ก-ยูทูบ’ โดนด้วย คาดรายได้เพิ่ม 3 พันล."
2. บทความจากประชาชาติธุรกิจ ชื่อ "ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ. เก็บภาษี “แพลตฟอร์มออนไลน์” ต่างชาติ"
โฆษณา