Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Tiwat Chutipat
•
ติดตาม
2 ก.ค. 2020 เวลา 00:00 • บันเทิง
An Elephant Sitting Still | หนังเรื่องแรก เรื่องเดียว และเรื่องสุดท้ายของผู้กำกับที่ชื่อว่า 胡波 หูโบ โดย ทิวัตถ์ ชุติภัทร์
An Elephant Sitting Still
เมื่อประมาณช่วงปีที่แล้ว มีลูกพี่ลูกน้องคนนึงของผมที่เป็นคอหนังตัวยงแนะนำหนังเรื่องนึงให้ผมได้ดูที่มีชื่อ “An Elephant Sitting Still” หรือ ภาษาไทยที่มีชื่อว่า “เมืองหมดอนาคต” ของผู้กำกับที่มีนามว่า 胡波 หูโบ ที่หลังจากหนังเรื่องนึงได้เปิดตัวไปที่เมืองจีน ไม่นานหลังจากนั้นเขาได้ตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง ส่วนสาเหตุนั้นคนมองว่าเขามองหาหนทางที่เป็นความสุขที่แท้จริงไม่เจอ เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ การกระทำทุกๆการกระทำก่อให้เกิดผลพวงของมันอยู่เสมอทั้งเป็นเรื่องดีและไม่ดี ดังนั้นเขารู้สึกว่ามันเป็นวาทกรรมของมนุษย์ที่จะตกอยู่ในวงจรที่ไม่มีใครสามารถมีความสุขที่แท้จริงโดยไม่มีผลกระทบกับผู้อื่น เขาเขียนหนังสือที่มีชื่อว่า 大裂 ต้าเลี่ย หรือ Huge Crack ในภาษาอังกฤษ หนังสือเล่มนี้ได้รับการยกย่องในแวดวงของคนอ่านที่เมืองจีน ก่อนที่ต่อมาจะทำเป็นหนังเรื่องนี้ออกมา
胡波 หูโบ ผู้กำกับ An Elephant Sitting Still
หนังเรื่องนี้ยาว 3 ชั่วโมง 54 นาที ซึ่งนับว่าเป็นหนังที่ยาวนานที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาก The Lord of the Rings ภาคสามที่มีความยาวถึง 4 ชั่วโมง 11 นาที ตั้งแต่ผลเคยดูมาในชีวิตนี้ หนังเรื่องนี้มีตัวละครหลักอยู่ 4 คน ชายหนุ่มโรงเรียนมัธยม หญิงสาวในโรงเรียนมัธยม คนแก่ที่พึ่งเกษียนออกจากงาน และ หัวหน้ามาเฟีย หนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องใช้เหตุการณ์ที่เกิดเพียงแค่วันเดียวแต่ได้เห็นทุกแง่มุมของชีวิตในหนึ่งวันผ่าน 4 ตัวละครนั้น หนังเรื่องประสบด้วยการเห็นเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นกับ 4 ตัวละครนั้น และทั้ง 4 ตัวละครนั้นพยายามกับชีวิตอย่างไร ก็เหมือนกับทำบุญไม่ขึ้น ไม่ว่าจะไปในทิศทางไหนก็เหมือนจะซวยซ้ำซวยซ้อน จนทำให้คนที่ยิ่งดูยิ่งเครียดตามไปด้วย ฉากในหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมืองมานจูลี่ทางตอนเหนือของจีน ที่เป็นวันที่แสนจะโหดหู่ ไม่มีแสงแดด มีแต่ความเยือกเย็นและเต็มไปด้วย เมฆ หมอก และ ฝุ่น
ความจริงแล้วผมเป็นคนที่ชอบดูหนังประเภทนี้อยู่แล้ว หนังประเภทที่ความเป็นจริงของชีวิตถูกเปิดเผย ความโหดร้ายของชีวิตได้โผ่ลออกมา อย่างหนังเช่น Amores Perros หรือ Love is a Bitch เป็นหนังแม็กซิโกของผู้กำกับหนัง Alejandro González Iñárritu ที่พูดถึงความโชคร้ายและความเป็นจริงของ 3 ตัวละครหลัก ซึ่งเรื่องหนังโหดร้าย ทารุณ และ โชคร้าย กว่าเรื่องนี้เยอะครับ ซึ่งชีวิตจริงคนเราอาจจะไม่มีทางโชคร้ายถึงขนาดนี้ แต่หนังเรื่อง An Elephant Sitting Still กลับพูดในมุมมองที่พอจะเป็นไปได้และความเป็นจริงของชีวิต การหักหลังกัน การไม่ได้ดั่งใจ การที่เราหวังดีอยู่ฝ่ายเดียว และ ความผิดหวัง ซึ่งชีวิตจริงก็อาจจะเกิดขึ้นแบบเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในหนัง แต่ถ้าเอาความผิดหวังมารวมกันแล้วมาเจอกันภายในเดียวกันก็หนักหนาเอาการอยู่พอสมควร และด้วยความที่มันไม่ได้ถึงขั้นที่จะเป็นไปไม่ได้ทำให้ตัวหนังได้รับการวิจารณ์ที่ดีมาก เพราะว่าหนังสมจริง
หนังเรื่องนี้สามารถจบได้ตั้งแต่ 3 ชั่วโมงแรกแล้วแต่ชีวิตจริงไม่เหมือนกับหนัง หนังเรื่องนี้ใช้เวลา 4 ชั่วโมงอย่างคุ้มค่าเพราะเนื่องจากว่าเหมือนกับหนังทุกๆเรื่องที่เราจะเห็นตอนจบที่ได้แต่งงานกันประสบความสำเร็จหรือแม้กระทั่งประสบกับการเสียชีวิต แต่ชีวิตจริงแตกต่างกับหนังตรงที่ว่าชีวิตยังดำเนินต่อไป คู่รักบางคู่ก็อาจจะต้องทะเลาะกัน หรือบางคู่ที่แยกจากกันไป ความสำเร็จนานๆเข้าก็อาจจะรักษาความสำเร็จไว้ไม่ได้ หรือ บางคนที่เสียชีวิตไปก็ยังทิ้งคนข้างหลังไว้ นี่คือสิ่งที่ชีวิตจริงมีแล้วหนังทั่วไปไม่มี ซึ่งหนังเรื่องนี้ยอมยืดเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมงเพื่อเบื้องหลังที่เราไม่เคยหลังจากหนังทั่วไปได้จบลง
ผมชอบฉากนึงมากๆที่ตัวเอกของเรื่องทั้งสามคนมี ชายหนุ่ม หญิงสาว และตาแก่กับหลาน ยืนอยู่ในสถานีรถไฟแล้วมันมีตั๋วสุดท้ายเหลือเพียงแค่ 2 ใบเท่านั้น ทางคนแก่เลยบอกว่านั่นลุงไม่ไปแล้วกัน แล้วหลานที่มากับลุงก็เริ่มร้องไห้บอกว่า ตาโกหกหนู ทางด้านหญิงสาวก็ปลอบทางหลานว่า อย่าร้องไห้เลย เด็กก็ตอกกลับว่า ทำไมหละ หญิงสาวด้วยความที่ไม่อยากให้เด็กผิดหวังในอนาคตที่แสนจะโหดร้ายเลยลังเลก่อนที่จะตอบว่า ไม่ทำไมหรอก จริงๆแล้วเธอคงอยากตอบมากๆว่า เพราะชีวิตจริงมันโหดร้ายมากกว่านี้มากหนู เรื่องแค่ความไม่ได้ดั่งใจมันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิต มันมีทั้งการหักหลังกัน ความเกลียดชัง ความละเลย การถูกเอาเปรียบ การกระทบกระทั่งกัน การเหยียดกัน การชิงไหวชิงพริบ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ปกติของมนุษย์
คนชอบพูดและคนชอบโพสกันว่า Let’s escape the reality ราวๆเหมือนกับว่าความจริงในชีวิตมันโหดร้ายมากๆเลย และ การออกเดินทาง การไปเที่ยว คือการ หนี ออกไปจากโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งชีวิตจริงๆแล้วมันไม่ใช่ ต่อให้เราหนี หน้าที่และความรับผิดชอบก็ยังสามารถหวนกลับมาได้อยู่ดี เรามีสิ่งที่ต้องทำ สิ่งที่ต้องอยู่ และ สิ่งที่ต้องเป็นกันอยู่ตลอดเวลา ความรับผิดชอบ และรับผลกระทบจากสิ่งที่เรากระทำ สุดท้ายแล้วมันก็ต้องกลับมาสักวันอยู่ดี แต่เราหวังว่าพอเรากลับมาวันนั้น เราเพียงแค่อยากที่จะมีแรง และ กำลังใจมากกว่านี้
สุดท้ายนี้หนังเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมจากคนในวงกว้าเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Ang Lee (อังลี) ผู้กำกับ Crouching Tiger Hidden Dragon และ Gus Van Sant (กัส แวน แซง) ผู้กำกับ Good Will Hunting และได้รับคำชมจากเว็บไซต์หนังชื่อดังอย่าง Rotten Tomatoes ที่ให้เปอร์เซ็นต์กับหนังเรื่องนี้สูงถึง 96% จาก 100% เลยทีเดียวและได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังมากมายเช่นจาก เทศกาลหนังนานาชาติที่กรุงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นเทศกาลหนังที่ใหญ่ที่สุดสำหรับหนังนานาชาติทั่วไป และเป็นเทศกาลหนังที่มีขื่อดังที่สุดอันดับสามของโลกเป็นรองเพียงแค่ เทศกาลหนังนานาชาติที่เมืองคานส์ และ เทศกาลหนังนานาชาติของซันแดนซ์ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถได้ดูหนังดีๆจากผู้กำกับคนนี้อีกต่อไป
ขอบคุณภาพจาก Pinterest, Indiewire และ Tumblr ครับ
บันทึก
6
4
1
6
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย