19 มิ.ย. 2020 เวลา 13:00 • ยานยนต์
Carman ยินดีนำเสนอ
EP22 : วิเคราะห์ Toyota Fortuner Legender 2.8 & 2.4 เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย
ความเเรงเป็น Legender เเต่ออพชั่นยังไม่เป็น Legender
*คำเตือน : บทความนี้มีการใส่ความคิดเห็นของผู้เขียนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมเเละให้เห็นเเง่มุมอีกมุมหนึ่ง มิได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม หากผิดพลาดประการใด ขออภัยครับ
เเบบสรุปสั้นกระชับ
ส่วนที่เหมือนกับรุ่นมาตรฐาน
ข้อดี
+พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างขวางสบายโดยเฉพาะเบาะเเถว 2
+เบาะเเถว 3 นั่งสบายที่สุดในกลุ่ม
+เครื่องยนต์ติดบูสต์ไว ทันใจในรอบต่ำเเละกลาง เกียร์ทำงานดี
+ประหยัดน้ำมันลำดับต้นๆในกลุ่ม
+มีวัสดุภายในที่หรูหรากว่า Gen1 มากๆ
+มีระบบขับ 4 ในรุ่น 2.4 มาให้ด้วย
+เพิ่มออพชั่นที่ควรมีมาเเล้ว
ส่วนที่ต่างจากรุ่นมาตรฐาน
+มีชุดเเต่งที่ดูหรูหราเป็นเอกลักษณ์ทั้งภายนอกเเละภายใน
+เพิ่มทางเลือก 2.4 มาเเล้วในรุ่นพิเศษ
+เพิ่มออพชั่นที่ควรมีมาเเล้ว
+รุ่น 2.8 อัตราเร่ง"เเรงที่สุด"ในกลุ่มเเถมประหยัดเป็นลำดับต้นๆด้วย
+รุ่น 2.8 เพิ่ม Balance Shaft มาด้วย
+คาดว่าช่วงล่างดีขึ้นกว่าเดิมพอสมควร
ข้อเสีย
ส่วนที่เหมือนกับรุ่นมาตรฐาน
-เครื่องยนต์อัตราเร่งค่อนข้างอืดที่สุดในกลุ่มในรุ่น 2.4
-เบาะนั่งคู่หน้ายังไม่สบายเท่าคู่เเข่ง
-การพับเบาะเเถว 3 มีผลเสียต่อทัศนวิสัย
-ออพชั่นบางตัวยังมาเเปลกๆเเบบงงๆ
ส่วนที่ต่างกับรุ่นมาตรฐาน
-ราคารุ่น Legender สูงเกินไปมากทั้งรุ่น
2.4 เเละ 2.8
-ออพชั่น Safety ยังไม่สมเป็น Legender
ความเดิมตอนที่เเล้ว
หลังจากที่เราได้เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Toyota Fortuner 2.4 กันไปเเล้ว ใครยังไม่ได้อ่าน คลิกได้ที่นี่ครับ
วันนี้เราจะมาต่อเนื้อหานะครับในรุ่น Legender
ซึ่งรุ่นนี้เนี่ยก็ถือว่ามาเเทน TRD Sportivo เดิมครับ โดยเเต่เดิมรุ่น TRD Sportivo จะมีเฉพาะรุ่น 2.8 เเต่คราวนี้ก็ได้เพิ่มทางเลือกเครื่อง 2.4 มาให้ด้วยครับ เพื่อทำให้มีทางเลือกมากขึ้นสำหรับท่านที่ไม่เน้นความเเรงเเละสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นครับ
ผมมองว่ารุ่น Legender นั้นจะมาสร้างตลาดกลุ่ม PPV Premium ขึ้นมาครับ ก็คือ กลุ่มที่มีตำเเหน่งทางการตลาดอยู่เหนือกว่า PPV รุ่นอื่นๆ เพื่อที่จะไว้เเข่งกับ Ford Everest Tiatium+ ทั้งในรุ่นขับ 2 เเละขับ 4 เพราะ Range ของราคามันชนกันพอดีครับ เเละยังรวมไปถึง Mazda CX-8 ซึ่งเเม้จะเป็นรถคนละกลุ่มกันเพราะเป็น SUV เเต่ก็ถือว่าอยู่ใน Range ราคาที่ผู้คนอาจนำมาเปรียบเทียบกันได้ครับ
1
เรามาทบทวนราคากันครับ
โดย Fortuner คราวนี้นะครับ เขาได้ตัดรุ่น TRD Sportivo ออกไป เเละมาพร้อมกับ 2 รูปเเบบ คือ รุ่นมาตรฐาน เเละรุ่น"Legender"
ซึ่งรุ่นมาตรฐานมีราคาดังนี้
รุ่น 2.4 G 2WD AT 1,319,000
รุ่น 2.4 V 2WD AT 1,424,000
รุ่น 2.4 V 4WD AT 1,494,000
เเละรุ่น "Legender"มีราคาดังนี้
รุ่น 2.4 Legender 2WD AT 1,564,000
รุ่น 2.4 Legender 4WD AT 1,634,000
รุ่น 2.8 Legender 2WD AT 1,769,000
รุ่น 2.8 Legender 4WD AT 1,839,000
ขอเเจ้งอีกรอบนึงนะครับว่า
1
1. ราคาในรุ่นมาตรฐานนี้เป็น
"ราคาเเนะนำ" ถึงวันที่ 30 กันยายนนี้
หลังจากนั้นจะมีการปรับราคาขึ้น 30,000 บาทในรุ่นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย
2. ราคาในรุ่น Legender เป็น"ราคาปกติ"
ฉะนั้นจะไม่มีการปรับขึ้นเเต่อย่างใด
3. รุ่น Legender ทำหน้าที่มาเเทนรุ่น TRD Sportivo เดิมซึ่งยกเลิกไปเเล้ว
4. รุ่นมาตรฐานตัดเครื่องยนต์ 2.8 ลิตรออกไปทั้งเเบบขับเคลื่อน 2 ล้อเเละ 4 ล้อ
คงเหลือเครื่องยนต์ 2.8 เฉพาะรุ่น Legender
5. สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Fortuner "ทุกรุ่นย่อย"
ได้รับเเพ็คเกจขยายเวลารับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. เเละขยายค่าเเรงเช็คระยะฟรีจนถึง 100,000 กม. รวมมูลค่ากว่า 45,000 บาท พิเศษภายใน 30 กันยายนนี้เท่านั้น
6. รถเริ่มส่งมอบเดือนสิงหาคมนี้
เเล้วรุ่น Legender จะเป็นยังไงจะเเตกต่างจากรุ่นมาตรฐานอย่างไร สำหรับท่านที่อ่าน EP21 มาเเล้วสามารถเลือกอ่านเฉพาะส่วนที่ต่างจากรุ่นมาตรฐานได้นะครับ เเต่ท่านที่ยังไม่ได้อ่าน EP21 เรามาดูไปพร้อมๆกันเลยครับ เราไปเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียกันครับ
ข้อดี
ส่วนที่เหมือนกับรุ่นมาตรฐาน
-ด้วยความที่เป็นรถ PPV เนี่ยเเน่นอนครับว่าพื้นที่ภายในต้องโปร่งโล่งสบายอยู่เเล้วเเต่สำหรับ Fortuner ตัวนี้ถือว่าทำได้ดีเป็นลำดับต้นๆในกลุ่ม โดยเฉพาะการมีเบาะเเถว 2 ที่นั่งสบายเป็นรองเพียงเเค่ Ford Everest เพราะมุมองศาของเบาะรองนั่งทำมาค่อนข้างดี เเละสามารถปรับเลื่อนหน้า-หลังเเละเอนหน้า-หลังได้ค่อนข้างเยอะ ผิดกับ Pajero Sport ที่ปรับเลื่อนเบาะไม่ได้ ทำให้ภาพรวมเบาะเเถว 2 ของ Fortuner สบายใช้ได้ครับ
-ไม่ใช่เเค่เบาะเเถว 2 เเต่เบาะเเถว 3 ต้องบอกเลยว่าทำได้ดีที่สุดในกลุ่มครับ ด้วยขนาดของตัวเบาะที่ค่อนข้างใหญ่กว่าคู่เเข่งทุกรุ่น ทำให้ตัวเรานั่งเเล้วสบายรองรับสรีระทั้งหลังเเละก้นได้ดี บวกกับ Legroom ที่เหลือพอให้ใช้งานได้ เเถมเบาะเเถว 3 ยังปรับเอนได้ 1 จังหวะด้วย เรียกได้ว่าตรงนี้เหมาะมากครับที่จะเอาไปเป็นรถครอบครัว
เเต่มันมีที่มาของความสบายอยู่ครับ ซึ่งที่มาเนี่ยก็เป็นข้อเสียที่ทุกท่านชอบบ่นกันครับ
เดี๋ยวรอดูในข้อเสียนะครับว่าเป็นข้อไหน
-เครื่องยนต์ 2.4 ตัวนี้ 2GD-FTV เเม้จะมี
เเรงม้าเเค่ 150 ตัวเท่ากับ MU-X 1.9 ส่วน
มีเเรงบิด 400 นิวตันเมตร พูดง่ายๆว่าค่อนข้างต่ำที่สุดในกลุ่มเเล้ว เเต่เอาจริงๆเเล้วเครื่องยนต์ตัวนี้ข้อดีคือ Turbo มันติดบูสต์ไวครับ นั่นหมายความว่าการใช้งานในรอบเครื่องยนต์ต่ำเเละกลางเนี่ยจะค่อนข้างกระฉับกระเฉง เวลาเรากดคันเร่งไปครึ่งนึงเนี่ยจะรู้สึกว่ามันเร็ว ซึ่งภาพรวมถือว่าใช้งานในเมืองได้โอเค เวลาขับต่างจังหวัด การเร่งเเซงก็ทำได้ไม่หวาดเสียว รวมถึงเกียร์ Auto 6 speed ลูกนี้มาในสไตล์ที่ไม่เปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงๆไม่ได้ลากไปเกิน 4000 รอบ/นาที เลี้ยงรอบไว้ช่วงกลางๆ ก็ถือว่าทำงานได้ดีครับสัมพันธ์กับเครื่องยนต์ รวมถึงตัวนี้มีเเป้น Paddle Shift มาให้"ทุกรุ่นย่อย"ทำให้เราขับได้สนุกขึ้น เปลี่ยนเกียร์เพื่อเร่งเเซงได้ดีมากขึ้น โดยรวมสำหรับคนที่เท้าเบาใช้งานทั่วไปถือว่า"เหลือเฟือ"ครับ
1
-ท่านที่ซื้อ 2.4 เเน่นอนว่านอกจากเท้าไม่หนักคงต้องการเรื่องของความประหยัดเเน่นอนซึ่งตัวนี้ทำได้ดีมากครับ คือเดิมเนี่ยรุ่นก่อน Minorchange ก็ถือว่าประหยัดอยู่เเล้วเพราะคุณสามารถเห็น 13.5 km/l ได้เลยสำหรับการวิ่งทางไกล เเต่รุ่น Minorchamge นี้ปรับปรุงให้ดีขึ้นอีก 5%
เเทบจะเรียกว่าประหยัดที่สุดเลยนะครับ
ตอบโจทย์ท่านที่ชอบความประหยัดมากๆ
-เดิม Fortuner Gen1 นั้นมีวัสดุภายในที่ค่อนข้างจะก๊องเเก๊งค์มากๆ เเต่ตั้งเเต่ 2015 รุ่นนี้มีวัสดุภายในที่ดีมากครับ ใกล้เคียงกับ Ford Everest เลย มีการใช้หนังหุ้มบริเวณคอลโซลหน้าซึ่งเป็น Cool Box ไปในตัวด้วยสามารถใช้เก็บของเย็นได้ เเละการตัดเย็บเบาะ วัสดุพลาสติกที่เเผงประตู โดยรวมเป็น PPV ญี่ปุ่นที่ภายในใช้วัสดุดีที่สุด ดีมากสมฐานะรถ Segment นี้ครับ
-ในรุ่น 2.4 ซึ่งถือว่าเป็นรุ่น Low Power เเต่กลับมีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาด้วย(เหมือน Honda CRV 2.0 สมัยก่อนเลยที่มีขับ 4) ส่วนมาก PPV ถ้าจะเอาขับ 4 ต้องเพิ่มเงินไปซื้อรุ่นเครื่องยนต์เเรงทั้งนั้น รุ่นเครื่องยนต์ Low Power จะไม่ค่อยมี นี่ถือว่าเป็นการเพิ่มทางเลือกในตลาด เพราะมีลูกค้าที่ไม่ต้องการเครื่องยนต์ใหญ่ ไม่เน้นเเรง เน้นประหยัดน้ำมัน เน้นไม่ต้องเพิ่มราคาไปซื้อเครื่องใหญ่ เเต่ต้องการลุย Off-Road รุ่น 2.4 V 4WD เหมาะสุดๆครับ เเถมข้อดีคือเป็นเเบบขับ 4 Part Time คุณสามารถเลือกโหมดได้ถึง 3 เเบบตามรูปเเบบการใช้งาน
1. 2H-ขับเคลื่อน 2 ล้อใช้งานทั่วไป
2. 4H-ขับเคลื่อน 4 ล้อฝนตก ลุยเล็กน้อย
3. 4L-ขับเคลื่อน 4 ล้อลุยเเบบโหดๆ
ถือว่าเป็นการใช้ระบบขับ 4 เเบบคุ่มค้าครับ
ไม่ได้ใช้งานพร่ำเพรื่อหรือสิ้นเปลืองเปล่าๆ
ในภาพเป็นรุ่น 2.8 Legender 4WD ครับ ใช้ประกอบความเข้าใจเฉยๆครับ
-รุ่น 2.4 เดิมนั้นมีออพชั่นที่กั๊กเหลือเกินนั้นคือ ระบบ criuse control ที่มีเฉพาะ 2.8 คราวนี้มีในรุ่น 2.4 เล้วครับ รวมถึงกระจกมองหลังตัดเเสง auto ที่ไม่เคยให้มาเลย ก็ให้มาเเล้วในรุ่น 2.4 รวมถึงในรุ่นได้เพิ่มเซนเซอร์กะระยะ 6 ตำเเหน่งมาด้วย
เเละทุกรุ่นมีการปรับเปลี่ยนหน้าจอเครื่องเสียงให้รองรับ Apple Carplay เเละ Andriod Auto(เเต่ระบบนำทางจะถูกตัดออกนะครับ เพราะเขาให้เราเชื่อมต่อกับ Apple หรือ Andriod เอา)เเละมีการเพิ่มระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC : Variable Flow Control พวงมาลัยแปรผันตามความเร็ว ช่วยให้ควบคุมได้ดีมากขึ้น
ภาพรวมถือว่ามีการเพิ่มออพชั่นที่ควรเพิ่มมาให้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ
ในภาพเป็นของรุ่น 2.4V นะครับ ใช้ประกอบความเข้าใจเฉยๆครับ
ส่วนที่ต่างจากรุ่นมาตรฐาน
-Fortuner ในรุ่นมาตรฐานก็สวยมากเเล้วนะครับ เเต่รุ่น Legender มีการปรับเปลี่ยนที่เสริมความหรูหราจากรุ่นมาตรฐานครับ หน้าตาไม่เหมือนกันเลยครับ เพื่อที่จะเเยกตัวเองให้เป็น PPV Premium ครับ ด้วยชุดเเต่งทั้งภายนอกเเละภายในเเบบใหม่ครับ ซึ่งภายนอกมีดังนี้ครับ
-ไฟหน้าใหม่จาก Bi-Beam LED เป็น Dual Projector LED
-ไฟเลี้ยวด้านหน้า-ด้านหลัง LED แบบ Sequential
-กระจังหน้าเเละกันชนหน้าเเละหลังใหม่
-ไฟท้ายใหม่ LED Light Guiding
-บันไดเเละกันชนหลังใหม่
-ล้ออัลลอยจาก 18 นิ้วเป็น 20
-ระบบ Hands-Free Tailgate
-สีใหม่ สีเเดงเเละสีขาวซึ่งเป็นหลังคาดำทั้งคู่ครับ(2 สีนี้เพิ่มเงิน 20,000 บาทนะครับ)
-ส่วนบรรยากาศภายในนั้นก็เปลี่ยนใหม่ครับ
-เรื่องของเบาะนั่งเเละโทนห้องโดยสาร
ในรุ่น 2.8 4WD จะได้ภายในตกเเต่งเป็น
เเบบทูโทนสีดำ-เบจครับ ส่วนรุ่น 2.4 2WD, 4WD เเละรุ่น 2.8 2WD จะเป็นเเบบทูโทน"สีดำ-เเดง"ครับ ซึ่งสีทูโทนนี้ตกเเต่งทั้งเเผงคอลโซล เเผงประตู ไปจนถึงเบาะนั่งเลยครับ เเละเปลี่ยนลายไม้เป็นเเบบใหม่ Galaxy Black พร้อมแถบสีเงิน รวมถึงมาตรวัด Optitron ดีไซน์ใหม่ด้วยครับ
เเละยังมาพร้อมออพชั่นเสริมครับทั้ง
-ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light
-หน้าจอเครื่องเสียง Touchscreen 9 นิ้ว
(รุ่นมาตรฐานได้ 8 นิ้วครับ)
-ระบบ Wireless Charger
-ช่อง USB 2 ตำแหน่ง สำหรับเบาะเเถวที่ 2
-ลำโพง JBL 9 ตำเเหน่ง(เฉพาะรุ่น 2.8)
-เเต่เดิมในรุ่น TRD Sportivo มีเเต่รุ่น 2.8 ทำให้เป็นการบีบบังคับทางเลือกลูกค้ามากเกินไป เเต่ตอนนี้เขามารุ่น 2.4 มาให้เเล้วครับ ทำให้ท่านสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นครับ ราคาเริ่มต้นเเค่ไม่ถึง 1.6 ล้านบาทครับ
-คราวนี้เพิ่มออพชั่นหลายๆอย่างมาเเล้วเสียทีโดยสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในรุ่น Legender ได้เเก่ ระบบ Safety เหล่านี้ครับ
-กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
-ระบบ Toyota Safety SENSE
(เฉพาะรุ่น 2.8)
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control
-ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Alert
-ระบบเตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System
ก็มาเสียทีครับกับระบบเหล่านี้ ที่มาเพื่อที่จะเเข่งกับคู่เเข่งอีกหลายๆค่ายครับ เป็นการให้อะไรมาใหม่ๆก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ
-เครื่องยนต์ 2.8 รหัส 1GD-FTV ตัวนี้นั้นต้องบอกเลยครับว่ามีการปรับจูนใหม่ซึ่งเเต่เดิมก็ดีอยู่เเล้ว เเต่คราวนี้มาใหม่มีกำลังเพิ่มขึ้น 204 เเรงม้า 500 นิวตันเมตร(เพิ่มขึ้น 27
เเรงม้า 50 นิวตันเมตร) จริงอยู่ว่ามันอาจดู
เหมือนเเรงไม่เท่า 213 เเรงม้าของ Everest 2.0 Turbo คู่ เเต่ความเป็นจริงเเล้วมันเเรงที่สุดเลยครับ เเรงมากครับ 0-100 นั้นมี 9 วินาทีปลายๆเลยทีเดียวครับ ส่วนหนึ่งด้วยความที่ตัวรถน้ำหนักเบากว่ามากๆเลยครับ อิงจากน้ำหนักรุ่นก่อน Minorchange เนี่ย Everest รุ่นท็อปหนัก 2,393 kg เเต่ Fortuner รุ่นท็อปหนักเเค่ 2,190 kg ทำให้อัตราเร่งพุ่งกว่าชัดเจนมากครับ ยิ่งบุคลิกของเครื่อง GD ทำให้รถกระฉับกระเฉงมากๆ เพิ่ม Sport Mode มาให้ด้วยก็ยิ่งเร้าใจขึ้นอีกครับ เเถมเดิมก็ประหยัดอยู่เเล้ว นี่ยังประหยัดน้ำมันขึ้นอีก 5% ซึ่งถือว่าดีเป็นลำดับต้นๆของกลุ่มครับ ภาพรวมน่าจะถูกใจท่านที่ชอบขับรถเร็วเเละเหยียบเต็มเท้ามากๆครับ
-รุ่น 2.8 เพิ่มเพลาปรับสมดุล Balance Shaft ทำเเรงสั่นสะเทือนน้อยลงครับเเถมเสียงภายในห้องโดยสารก็จะเงียบขึ้นครับ เเละยังลดรอบเดินเบาด้วยนะครับจาก 850 rpm เป็น 680 rpm ครับ เหมาะเเก่การนำไปลุย Off-Road ได้มากขึ้นครับ
-ในรุ่นมาตรฐานช่วงล่างค่อนข้างดีดมากอย่างที่ได้กล่าวไปครับ ซึ่งรุ่น Legender ได้ช่วงล่างใหม่ เเต่ตอนนี้ยังไม่มีท่านใดได้ทดลองขับครับ เเต่ถ้าอิงจากรุ่น TRD Sportivo ช่วงล่างจะนิ่งเเละเเน่นขึ้นมากๆครับ เป็นคนละเรื่องกับรุ่นมาตรฐานเลยครับ ฉะนั้นรุ่น Legender ก็คาดว่าน่าจะดีขึ้นเช่นกันครับ คือ มีความหนึบเเละเเน่น ไม่มีอาการดีดเด้ง เหมาะสมในการเป็นรถบ้านมากขึ้นเเละรถที่ขับมั่นใจมากขึ้นครับ(หากรู้ผลการขับขี่เเล้ว Carman จะมาอัปเดตให้ท่าน
ทราบอีกครั้งนึงนะครับ)
ทีนี้เรามาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่า
ส่วนที่เหมือนกับรุ่นมาตรฐาน
-เเม้เครื่องยนต์ 2.4 ตัวนี้จะถือว่าใช้งานได้โอเคเเละเพียงพอสำหรับหลายๆท่านเเล้ว เเต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคู่เเข่งต้องยอมรับเลยว่าค่อนข้างอืดที่สุดในกลุ่มเเล้ว คือ 0-100 มีราวๆ13 วินาที เพราะคู่เเข่งเเทบทุกค่ายทั้ง Pajero Sport 2.4, Everest 2.0, Terra 2.3 ล้วนมีอัตราเร่งที่เร็วกว่านี้มาก ในขณะที่รุ่นนี้อัตราเร่งมันจะไปสูสีกับ Honda CRV Gen4 2.0 หรือ Isuzu MU-X 1.9 ครับ
เพราะเครื่องตัวนี้ถูกจูนมาเเบบ Low Power ไม่ได้ High Power จุดอ่อนอยู่ที่เเรงในรอบปลายจะเหี่ยวมากครับ พูดง่ายๆว่าเเรงมาไวก็หมดไวครับ การเปลี่ยนเกียร์เพื่อลากใช้รอบสูงๆจึงไม่เกิดประโยชน์กับรถรุ่นนี้ภาพรวมท่านใดที่ชอบขับรถเร็วหรือเน้นซิ่ง เน้นจี้ตูดชาวบ้าน อาจจะต้องมอง 2.8 นะครับ(ผมละงงครับว่าเครื่อง 2.4 ก็ไม่ได้เเรงเเต่ทำไมทุกวันนี้เขาขับจี้ตูดขับปาดหน้ากันราวกับรถมี 300 เเรงม้าเลย 5555 เเซวเล่นนะครับ)
-เบาะคู่หน้าในภาพรวมเเม้มันจะนั่งสบายเเต่ผมรู้สึกว่ามันยังค่อนข้างเเข็งไปนิดนึงครับ ตัวเบาะยังไม่ค่อยหนาฟูนุ่มมากเท่าไหร่ ในขณะที่พวก Pajero Sport หรือ Everest จะนั่งสบายเหมือนรถเก๋งมากกว่า ขณะที่ตัวนี้ผมคิดว่ามันยังดูมีความเป็นกระบะอยู่นิดๆครับ เข้าใจว่าอาจเน้นกระชับเเต่มันไม่ได้รองรับเเผ่นหลังของเราเเบบโซฟาครับ เเต่ยังชดเชยด้วยการปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางทุกรุ่นย่อย ปรับเบาะได้ละเอียดเพื่อเหมาะสมกับสรีระเเต่ละท่านมากขึ้นครับ
-ถึงเเม้ว่ารุ่น 2.4 Legender จะราคา 1.564-1.634 ล้านบาทเเล้วเเต่ว่าออพชั่น safety น้อยมากยกตัวอย่างง่ายๆครับถ้าเทียบกับคู่เเข่งราคา 1.469 ล้านบาทที่ได้เครื่อง high power(ขับเคลื่อน 2 ล้อ)อย่าง Pajero Sport 2.4 GT-Premium 2WD เขาได้สิ่งเหล่านี้ที่มีมากกว่าครับ
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go ที่ความเร็วต่ำ
-ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM
-ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง UMS
-ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา BSM
-ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลนระยะไกล LCA Lane Change Assist
-ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA
เเต่ Fortuner 2.4 Legender ไม่มีสักอย่างครับ ถือว่าเสียเปรียบคู่เเข่งมากในประเด็นนี้
-ถามว่าทำไมเบาะเเถว 3 รุ่นนี้นั่งสบาย คำตอบอยู่นี่ครับ เบาะเเบบเเขวนที่ทุกท่านไม่ชอบนั่นเเหละครับ เหตุผลก็เพราะว่าการพับเบาะเเบบเเขวนนี้เพื่อที่จะไม่ต้องทำเบาะเเบบหลบซุ้มล้อด้านข้าง นึกออกไหมครับ ปกติถ้าพับเรียบมันจะติดซุ้มล้อด้านข้าง ทำให้เบาะจะนั่งไม่สบายเท่า เเต่ถ้าเราพับเเบบเเขวนเนี่ยมันก็ไม่ต้องหลบซุ้มล้อ ทำให้เบาะนั่งสบาย เเลกกับวิธีการพับที่ค่อนข้างโบราณเเละเสียพื้นที่ในการวางของครับ
เเต่จุดที่ผมมองว่าเป็นข้อเสียจริงๆคือทัศนวิสัยครับเพราะเวลาเราเเขวนเบาะ
ปุ๊ปเราจะมองอะไรที่เสา C-Pillar ไม่เห็นเลย ทำให้บดบังมุมมอง เวลาจะเปลี่ยนเลนหรือจะอะไรก็ต้องใชความระมัดระวังมากขึ้นพอสมควรเลยนะครับเพื่อความปลอดภัย
-ออพชั่นบางตัว เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติเเค่โซนเดียวไม่ใช่ Dual Zone ทั้งๆที่ราคานี้มันน่าจะ Dual Zone ครับ หรือ อาจใส่เบรกมือไฟฟ้ามาให้ด้วยก็ได้ครับ
ภาพนี้เป็นภาพของ 2.4V นะครับ นำภาพมาเพื่อประกอบความเข้าใจครับ เนื่องจากทุกรุ่นได้ระบบปรับอากาศเเบบไม่เเยกฝั่งเหมือนกันครับ
ส่วนที่ต่างจากรุ่นมาตรฐาน
-ผมมองว่าราคานั้นสูงเกินไปมากครับทั้งรุ่น 2.4 เเละ 2.8 Legender โดยเริ่มต้นที่ 1.564 ล้านถึง 1.839 ล้านครับ ความจริงผมอยากให้ราคาลดลงไปราวๆรุ่นละ 100,000 บาทครับ โอเคครับ เข้าใจว่าต้องการวางตำเเหน่งให้ดูพรีเมี่ยมเเละเหนือกว่าคู่เเข่งครับ คือ เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่ามีความพรีเมี่ยมด้วยการวางราคาที่สูง เเต่ในเมื่อ
ออพชั่นไม่ได้เด่นมากมายขนาดนั้น ก็ควรที่จะลดราคาลงมาครับ เพราะยกตัวอย่างง่ายๆว่ารุ่น 2.4 Legender 4WD ราคา 1.639 ล้านบาท เเพงกว่า Pajero Sport 2.4 GT-Premium อยู่ 40,000 บาท เเต่เขาได้เครื่องยนต์ที่เเรงกว่ามากๆคือเเรงใกล้เคียงกับ Fortuner 2.8(รุ่นก่อน Minorchange)เเละออพชั่นที่ครบครันกว่ามากครับ ถ้าคุณอยากได้เเรงเเละออพชั่น
ครบๆต้องจ่ายขั้นต่ำคือ 1.769 ล้านครับในรุ่น 2.8 2WD ซึ่งผมมองว่าสูงมากไปครับ
ถ้าราคาของ Legender ถูกลงสัก 100,000 บาทหรือถ้ามากกว่านั้นอีกหน่อย คือ ถูกลงราวๆ 130,000 บาทผมว่าจะคุ้มค่ามากขึ้นทีเดียวครับ เเละน่าเล่นมากกว่านี้ครับ
-ออพชั่น Safety ของ Legender นั้นต้องบอกว่าเป็นเวอร์ชั่นเก่าครับ คือ มีเเค่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเเปรผันเเบบที่ไม่มีฟังก์ชัน Stop&Go ครับ คือ เมื่อความเร็วต่ำกว่าสัก 30 km/h ระบบก็จะตัดการทำงานครับ เราต้องกลับไปใช้วิธีควบคุมเเบบเเมนนวล รวมถึงไม่มีระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam เเละที่ผมต้องตำหนิอย่างเเรงก็คือ ทำไมราคานี้ถึงไม่มีระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot System เเละระบบเตือนเมื่อรถถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert ได้อย่างไรครับ คือ 2 ระบบนี้มันเบสิคมากๆครับ ส่วนมากรถที่ราคาเกิน 1 ล้านบาทก็จะมีกันครับ ยิ่งถ้าเป็น Segment สูงๆเนี่ยส่วนมากเขาจะมีกันทุกรุ่นย่อยครับ หรืออย่างเเย่ก็มีในรุ่นย่อย Top ครับ เเต่นี่คุณพี่เล่นไม่มีเลยครับ เเต่รุ่นน้องในค่ายตัวเองทั้ง Altis 1.8 ก็มีครับ(มีรุ่น 1.8 รุ่นย่อยเดียวราคา 9.99 เเสน) รวมถึง CHR มีทุกรุ่นย่อยครับ(เริ่มต้นราคา 9.79 เเสน) คือ มันเป็นสิ่ง ผมมองว่ามันไม่ Legender เลยครับ ไหนๆถ้าจะราคาขนาดนี้เเล้วควรจะใส่ให้สุดครับ กลายเป็นใส่มาไม่เต็มครับ น้อยกว่าคู่เเข่งเเต่ก็เเพงกว่าเช่นกัน ถ้าหากจะใส่ในครั้งต่อไปควรใส่ให้ครบๆไปเลยครับ
สรุป-หรู หล่อ เเรง รวย ได้ใจพี่ไปเลยน้อง
ผมคงจะไม่สรุปอะไรไปยาวมากให้ใช้เวลาในการอ่านเยอะนะครับเนื่องจากได้พูดไปหมดเเล้วในรุ่นมาตรฐานครับ
ในภาพรวมนั้นหากจะพูดถึง Fortuner Legender ก็พอจะสรุปสั้นๆได้เเบบนี้ครับ
ก็ยังคงเป็นรถที่น่าใช้เหมือนกับรุ่นมาตรฐานเพียงเเต่เขาเสริมหล่อเเละหรูมากขึ้น รวมถึงช่วงล่างเเละออพชั่นให้มีความเป็นผู้ดีมากขึ้น สร้างภาพพจน์ที่ดีเเก่ผู้ครอบครอง
กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าในเรื่องของออพชั่นเเละราคานั้นยังดูไม่ลงตัว สามารถเพิ่มหลายๆอย่างให้สมฐานะได้มากขึ้นครับ หรืออาจจะเป็นการลดราคาของรถลงไปเพื่อให้ดูคุ้มค่าน่าเล่นมากขึ้นครับ
ถามว่ารถรุ่นนี้เหมาะกับใครเเน่นอนครับ ท่านใดที่ชอบ Fortuner อยู่เเล้ว เเต่อยากเสริมภาพลักษณ์ให้ดูดีขึ้น เสริมออพชั่นเเละชุดเเต่งใหม่ หรือ ท่านที่ชอบขับรถเร็วหรือบรรทุกผู้โดยสารจำนวนเต็มคันเเล้วต้องการพละกำลังที่ดีก็มีรุ่น 2.8 ให้เลือกครับ ท่านใดมีกำลังทรัพย์ที่มากเพียงพอเเล้วละก็
Fortuner Legender 2.8 & 2.4 คือคำตอบครับ
เเละทั้งหมดนั่นละครับ คือ การเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Toyota Fortuner Legender 2.8 & 2.4
อย่าลืมนะครับ ถ้าชอบบทความเเบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ กดฟอลโลว์กันนะครับ
ช่องทางการติดตามอื่นๆ
FB :Carman
IG : Blockdit_Carman
ไปกดไลค์ กดติดตามกันได้นะครับ
ติดตามบทความย้อนหลังของ Carman ที่นี่
ใครมีความรู้สึกยังไง, มีข้อเสนอเเนะสามารถคอมเม้นลงมาที่ด้านล่างนี้เลยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ
เวลาใหม่!!!
ติดตามบทความใหม่ทุก EP ของ Carman
ทุกวันศุกร์เวลา 20.00 น.
วันนี้ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
เครดิตข้อมูลเเละรูปภาพ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา