22 มิ.ย. 2020 เวลา 10:30 • ธุรกิจ
“ฮาร์วาร์ด” มหาลัยที่มีทุนทรัพย์ในคลัง ถึง 1 แสนล้านบาท
บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “จอร์น เอฟเคนเนดี้” “จอร์จ ดับเบิลยูบุช” “บารัค โอบามา” หรือแม้กระทั่งมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกอย่าง “บิล เกตส์” และ “มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก” ก็เคยเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแห่งนี้
1
นอกจากฮาร์วาร์ดจะเป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ มีเสน่ห์เป็นจุดหมายปลายทางของการฝากฝังเป็นศิษย์แล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่มีทุนทรัพย์สำรองมากถึงหลักแสนล้านบาท
แล้วความน่าสนใจของฮาร์วาร์ดจะเป็นอย่างไรบ้าง ผู้เขียนจะพาไปทำความรู้จักให้มากกว่านี้กัน..
แน่นอนว่าเด็กวัยมัธยมปลาย เมื่อใกล้จบแล้ว ก็อยากที่จะหาสถาบันอุดมศึกษาดี ๆ ไว้รองรับตัวเองในอนาคต ในเมืองไทยของเรา มหาวิทยาลัยที่ได้รับการขนานนามที่สุดคือ “จุฬาลงกรณ์”
แต่ถ้าเป็นระดับโลก “ฮาร์วาร์ด” คือหนึ่งในเป้าหมายที่ได้รับความนิยมเป็นที่สุด..
ย้อนกลับไปเมื่อ 400-500 ปีก่อน สถาบันการศึกษาไม่ได้มีให้เห็นมากมายเฉกเช่นปัจจุบัน
ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ให้ความเลื่อมใสทางศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจ
ในเมืองไทยของเรา ตั้งแต่ยุคสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา ก็ล้วนแล้วแต่มีวัดเป็นศูนย์กลางของผู้คนในสังคม
ส่วนโลกฝั่งตะวันตก คริสต์ศาสนาที่เป็นเครื่องช่วยเยียวยาจิตใจผู้คน จากยุคที่ต้องผ่านความเลวร้ายมามากมาย ทั้งโรคระบาด ซึ่งถูกเรียกว่า “Black Dead” หรือจะเป็นสงครามในรูปแบบรบพุ่งหลายต่อหลายครั้ง
Cr. Forbes
ฉะนั้น นักบวช ผู้เป็นตัวแทนของแต่ละศาสนา ก็เป็นตัวกลางสู่การพาให้ผู้คนเข้ามาศึกษาในศาสนาของตน
คณะนักบวชคริสเตียน “เพียวริแทน” ก็เป็นอีกกลุ่มบุคคล ที่เป็นผู้ริเริ่มให้ผู้คนเข้ามารวมตัวในคริสตจักรของประเทศอังกฤษ
โดยเพียวริแทน เป็นกลุ่มยุคแรก ๆ ที่ก่อตั้งวิทยาลัยขึ้นมา เพื่อเป็นช่องทางเผยแพร่คำสอนทางศาสนา ซึ่งได้ตั้งชื่อว่า “เดอะ นิว คอลเลจ” ในปี 1936
ถัดจากนั้น 3 ปีให้หลัง ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ฮาร์วาร์ด” เพื่อเป็นเกียรติให้กับนักบวชในกลุ่ม ท่านหนึ่งที่สำเร็จการศึกษาจากเอมมานูเอล ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
พร้อมทั้งทำพินัยกรรมบริจาคหนังสือประมาณ 400 เล่ม และเงินจำนวนอีกหนึ่งที่ไม่มากนักให้แก่วิทยาลัย
100 กว่าปีผ่านไปในปี 1780 วิทยาลัยที่เป็นศูนย์กลางเผยแพร่คริสต์ศาสนา ได้เปลี่ยนมาเป็นมหาวิทยาลัย
ซึ่งช่วงแรกเป็นโรงเรียนกินนอนที่มีนักเรียนเพียง 12 คนและมีคุณครูผู้สอนเพียงคนเดียว
จุดเปลี่ยนที่มำให้ฮาร์วาร์ดเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ คือในช่วงระหว่างปี 1869-1909 อธิการบดีในสมัยนั้น “ชาร์ล วิลเลียม อีเลียต” ได้เริ่มนำระบบวิชาเลือกหน่วยกิต รวมถึงการสอบคัดเลือก เข้ามาใช้กับฮาร์วาร์ด
Cr. scholarship-positions.com
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของฮาร์วาร์ดในยุคใหม่ และเป็นจุดเริ่มต้นของระบบการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษาทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ฮาร์วาร์ดที่เปรียบเสมือนรากแก้วของการเรียนรู้ ซึ่งเป็นจุดดึงดูดของนักเรียนยุคใหม่ในเวลาต่อมา
แน่นอนว่าการเป็นผู้นำในด้านใดด้านหนึ่ง เป็นคนแรก ๆ ของโลก ย่อมได้รับจุดสนใจ จนทำให้ผู้คนเริ่มหลั่งไหลสอบเข้าฮาร์วาร์ดตั้งแต่นั้นเรื่อยมา
กระทั่งปัจจุบัน นอกจากการสอบเข้าแข่งขันที่ว่ายากแล้ว นักศึกษาจากทั่วทุกมุมโลก ยังต้องแย่งกันชิงทุน
หรือเมื่อสอบเข้าได้แล้ว ก็ต้องมีปัจจัยที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ “Money”
ยิ่งมีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงในระดับโลกมากมายเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ฮาร์วาร์ดดึงดูดผู้คนได้มากเท่านั้น
ปัจจุบันฮาร์วาร์ดอยู่ในกลุ่มของ “ไอวีลีก” เป็นเครือของมหาวิทยาลัยเอกชนระดับโลก 8 สถาบันอย่าง เยล เพนซิลเวเนีย ปรินซ์ตัน โคลัมเบีย บราวน์ ดาร์ตมัธ คอร์เนลล์ และฮาร์วาร์ด
Cr. Wikipedia
รู้ไหมว่านอกจากความเป็นมา ระบบการศึกษา และเสน่ห์ความเก่าแก่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ฮาร์วาร์ดจัดการได้ดีที่สุดนั่นก็คือ “ระบบการเงิน”
ฮาร์วาร์ดมีพาวเวอร์ในการจัดการกองทุน ที่มีเม็ดเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์
คำถามก็คือ พวกเขาได้รับเงินมหาศาลเช่นนั้น มาจากไหน ?
กองทุนที่ว่า มาจากการบริจาคสนับสนุน ทั้งสนับสนุนระบบการสอน และปรับปรุงทรัพยากรในสถาบัน
แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์..
Cr. Wikipedia
ฮาร์วาร์ด ได้จัดสรรเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนในด้านต่าง ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายเดี่ยวเสียทีเดียว เพราะฮาร์วาร์ดนั้นเดินทางมาพร้อมกับมหาลัยชื่อดังอีกแห่งอย่าง “เยล”
ทั้งคู่แบ่งสัดส่วนการลงทุนในหุ้นระยะยาว โดยมองหาตัวเลือกที่ทำผลงานได้ดีที่สุด ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เข้าซื้อและถือลงทุนเท่านั้น
1
แต่ยังได้มองหาวิธีที่จะใช้ประโยชน์สูงสุดจากประสิทธิภาพของตลาด ผ่านทางหุ้นที่พวกเขาถืออยู่
ทั้งนี้ ฮาร์วาร์ดยังใช้เงินก้อนหนัก ในการเข้าถือครองบางบริษัทโดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าการเข้าซื้อเช่นนี้ จะมีสภาพคล่องน้อยลง เนื่องจากเป็นการยากมากที่จะขายบริษัททั้งหมดที่ซื้อมา เหมือนดั่งหุ้นที่พวกเขาลงทุน
สินค้าที่ฮาร์วาร์ดมักจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ และเป็นช่องทางกระจายความเสี่ยงที่ดีที่สุด พวกเขามักจะถือพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ ทรัพยากรธรรมชาติ และพันธบัตรที่นอกเหนือไปจากหุ้น
รู้ไหมว่ารายได้จากทุกช่องทางของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ข้อมูลเมื่อปี 2560 ฮาร์วาร์ดมีทุนทรัพย์สูงถึง 36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 100,000 ล้านบาทในปัจจุบัน..เลยทีเดียว
คริสต์ศาสนามีอายุ 2,000 กว่าปี
ฮาวาร์ดที่ถือกำเนิดมาจากคริสต์ก็มีอายุมากกว่า 300 ปี
หากเรามองเป็นกรณีศึกษา รู้ไหมความเป็นมาของฮาร์วาร์ด ไม่ได้ให้อะไรกับนักศึกษาในสถาบัน..แค่อย่างเดียว
แต่ยังให้ข้อคิดกับผู้คนทั้งโลกว่า การศึกษาคือจุดเริ่มต้นในการเดินทางของทุกชีวิต มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องเรียนรู้กันอยู่ตลอด
ซึ่งถ้าหากมองฮาร์วาร์ดเป็นบริษัท นี่คือบริษัทหนึ่งที่รู้จักตลาดเพื่อการทำธุรกิจ ซึ่งตลาดที่ว่าก็คือปัจจัยที่มนุษย์พึงมี นั่นก็คือ.. “การศึกษา”
ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire
Follow Us On “Facebook” https://www.facebook.com/swivelth
Follow Us On “Instragram” https://www.instagram.com/swivel.th/
Reference
โฆษณา