23 มิ.ย. 2020 เวลา 05:05 • กีฬา
ตำนานไม่มีวันตาย : เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ 30 ปีของ THE UNDERTAKER ชายผู้ทรงอิทธิพลแห่งโลกมวยปล้ำ
สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก เมื่อตำนานนักมวยปล้ำอย่าง THE UNDERTAKER ประกาศบทสรุปอาชีพนักมวยปล้ำที่ดำเนินมายาวนาน 30 ปี ด้วยเหตุผลว่าว่ารู้สึกอิ่มตัว และไม่มีความรู้สึกอยากกลับคืนสู่สังเวียนอีกแล้ว
ตลอดอาชีพของ The Undertaker ผู้ชายคนนี้มอบความสุขมากมาย แก่แฟนมวยปล้ำทั่วโลก แม้ไม่มีใครรู้ว่า เขาจะกลับขึ้นปล้ำอีกครั้งหรือไม่ แต่เรื่องราวของนักมวยปล้ำรายนี้ จะอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนตลอดไป
Main Stand พาคุณย้อนรำลึกเรื่องราวของตลอด 30 ปีของ The Undertaker ไปกับเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ที่คุณอาจไม่เคยรู้ ทั้ง เรื่องราวของแก๊งทรงอิทธิพลหลังฉาก, สถิติไร้พ่ายใน WrestleMania, เหตุผลที่นักมวยปล้ำทุกคนให้ความเคารพ รวมถึง คำตอบของคำถามที่ว่า The Undertaker เลิกปล้ำจริงหรือไม่?
BONE STREET KREW
เบื้องหน้า The Undertaker (ดิ อันเดอร์เทคเกอร์) อาจเป็นนักมวยปล้ำเงียบขรึม เนื่องจากบทบาทสัปเหร่อของเจ้าตัว แต่หลังฉาก The Undertaker หรือ Mark Callaway (มาร์ค คาลาเวย์) คือผู้ชายสายเก๋าจากรัฐเท็กซัส ที่ครองตำแหน่งผู้นำห้องแต่งตัว WWE ยาวนานหลายสิบปี
1
Photo : thesportsrush.com
ย้อนกลับไปในยุค 90's วงการมวยปล้ำไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้ นักมวยปล้ำต่างชิงดีชิงเด่น เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดของวงการ และพร้อมเหยียบย่ำนักมวยปล้ำรายอื่น ที่ถูกมองเป็นศัตรูมากกว่าสหาย
นักมวยปล้ำหลายคน จึงรวบรวมพรรคพวกตั้งกลุ่มของตัวเองขึ้นมา เพื่อสะสมอิทธิพลหลังฉากให้มากขึ้น หนึ่งในกลุ่มมาเฟียมวยปล้ำที่โด่งดังมากที่สุด คือ The Kliq ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการกอบโกยผลประโยชน์สู่พวกพ้อง และทำลายอาชีพของบุคคลที่พวกเขาไม่ชอบหน้า
The Kliq ครองความยิ่งใหญ่ในห้องแต่งตัว WWE ยุค 90's เนื่องจากหัวโจกของกลุ่ม คือนักมวยปล้ำแถวหน้าอย่าง Scott Hall (สก็อตต์ ฮอลล์), Kevin Nash (เควิน แนช) และ Shawn Michaels (ชอว์น ไมเคิลส์) ไม่มีใครกล้าขัดใจความต้องการ The Kliq ได้ แม้แต่เจ้าของค่ายอย่าง Vince McMahon (วินซ์ แม็คแมน)
Photo : whatculture.com
ท่ามกลางบรรดาคนนับร้อยที่ก้มหัวแก่ The Kliq มีนักมวยปล้ำเพียง 2 ราย ที่สามารถคานอำนาจของมาเฟียกลุ่มนี้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ รายแรก คือ Bret Hart (เบรต ฮาร์ต) นักมวยปล้ำมากฝีมือชาวแคนาดา ส่วนรายที่ 2 คือ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์
ความจริงแล้ว ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ไม่ใช่นักมวยปล้ำที่อาวุโสกว่าจน ชอว์น ไมเคิลส์ ต้องเกรงใจแบบ Bret Hart แต่เนื่องจากคาแรกเตอร์สัปเหร่อของเขา มีเสียงตอบรับที่ดีมากจากแฟนมวยปล้ำ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ จึงถูกผลักดันเป็นแชมป์โลก WWE ทั้งที่เข้ามาอยู่ในสมาคมไม่ถึงหนึ่งปี ส่งผลให้เขากลายเป็นนักมวยปล้ำรุ่นใหญ่ของสมาคมโดยปริยาย
ทั้ง เบรต ฮาร์ต และ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ คือ นักมวยปล้ำระดับสูง ที่มีอำนาจมากพอที่จะต่อต้านอิทธิพลของ The Kliq แต่การกระทำของทั้งคู่กลับสวนทาง เบรต ฮาร์ต เลือกจะอยู่เฉย และไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือนักมวยปล้ำที่ถูกรังแก บทบาทผู้ผดุงความยุติธรรมในห้องแต่งตัว จึงตกเป็นของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ที่กระโดดลงสู่สงครามหลังฉาก พร้อมกับเพื่อนซื้รอบตัว
Bone Street Krew (โบน สตรีท ครูว์) หรือ BSK คือชื่อกลุ่มของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ที่ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อคานอำนาจของ The Kliq โดยเฉพาะ ประกอบด้วยสมาชิกอย่าง Yokozuna (โยโกะซูนา), The Godfather (เดอะ ก็อดฟาเธอร์), Rikishi (ริคิชิ), Savio Vega (ซาวิโอ เวกา), Mideon (มีเดียน) และ Paul Bearer (พอล แบร์เรอร์)
1
ความแตกต่างระหว่าง The Kliq และ BSK คือ กลุ่มของ ชอว์น ไมเคิลส์ ถูกตั้งขึ้นโดยความทะเยอทะยานที่จะเป็นใหญ่ในวงการมวยปล้ำ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้ากลุ่มนี้ได้ สมาชิก 2 รายหลัง อย่าง Sean Waltman (ฌอน วอล์ตแมน) หรือ X-Pac (เอ็กซ์-แพค) และ Triple H (ทริปเปิล เอช) ถูกเลือกเข้าสู่ The Kliq เนื่องจากมองว่าเป็นนักมวยปล้ำที่มีศักยภาพ สามารถเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคต
Photo : @BSKDeadman
สวนทางกัน BSK ก่อตั้งขึ้นไม่ใช่เพราะความกระหายอำนาจ หรือ ความต้องการจะเป็นใหญ่ กลุ่มของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ เกิดขึ้นจากมิตรภาพของนักมวยปล้ำที่มีไลฟ์สไตล์เดียวกัน เที่ยวด้วยกัน กินเหล้าด้วยกัน เดินทางด้วยกัน ฟังเพลงแบบเดียวกัน และ ชอบเล่นโดมิโนเหมือนกัน
The Kliq ไม่ต้องการร่วมงาน หรือเสียแชมป์ให้แก่กับนักมวยปล้ำนอกกลุ่ม ขณะที่ BSK พร้อมจะทำงานกับทุกคนในสมาคม พวกเขากล่าวว่า กลุ่ม Bone Street Krew คือตัวแทนของ WWE และพร้อมเล่นทุกบทบาท ตามความต้องการของเบื้องบน โดยไม่มีข้อโต้แย้ง
"มีความคล้ายคลึงกันมากมายระหว่างสมาชิก BSK พวกเขาตัวใหญ่และแข็งแกร่ง ทุกคนนิสัยดีมาก และเข้ากับคนอื่นได้ง่าย พวกเขาไม่อวดเบ่งหรือแบ่งแยกตัวเองว่าเป็นพวก VIP แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาคือคนที่คุณไม่อยากมีเรื่องด้วย" John Bradshaw Layfield (จอห์น แบรดชอว์ เลยฟิลด์) หรือ JBL (เจบีแอล) กล่าวถึงความเก๋าของ กลุ่ม Bone Street Krew
ผลประโยชน์ ไม่เคยอยู่ในความต้องการของ BSK พวกเขารวมตัวกันหลังฉาก เพียงเพราะพวกเขาเป็นนักมวยปล้ำกลุ่มเดียวที่ชอบเล่นโดมิโน แต่เมื่อความกร่างของ The Kliq เป็นที่เลื่องลือขึ้นมา จึงถึงเวลาที่ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ และผองเพื่อน ต้องโชว์ความแข็งแกร่งของพวกเขาออกมาบ้าง
Photo : www.essentiallysports.com
"BSK ก็เหมือนกับ The Kliq พวกเขาคือเพื่อนซี้ที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน" ชอว์น ไมเคิลส์ บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย
"เมื่อถึงจุดหนึ่ง ที่ทุกคนในห้องแต่งตัวพากันพูดถึงแต่ The Kliq อยู่ดีๆ พวกนั้นทุกคนก็มีรอยสักเขียนคำว่า BSK ขึ้นมา"
รอยสัก BSK ที่น่าจดจำที่สุดไม่ใช่ของใคร นอกจาก The Undertaker คำว่า "B.S.K. PRIDE" ถูกสลักเอาไว้บนหน้าท้องของ The Deadman เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของกลุ่ม Bone Street Krew โดยรอยสักดังกล่าวยังคงติดตัว ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ถึงทุกวันนี้
1
นักมวยปล้ำที่ทุกคนเคารพ
ความน่าเกรงขามที่ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ และ กลุ่ม BSK พยายามแสดงออกมา ไม่ได้มีเพื่อทำให้นักมวยปล้ำรายอื่นหวาดกลัว แต่เพื่อกำจัดความวุ่นวายและปัญหาหลังฉาก โดยหนึ่งในเหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุดของ The Undertaker เกิดขึ้นในช่วงทัวร์ที่ประเทศเยอรมัน เมื่อมีนักมวยปล้ำรายหนึ่ง มีเรื่องกับนักเลงเจ้าถิ่น จนนำมาสู่การทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่
Photo : www.wwe.com
"ผมพยายามแยกพวกเขาออกจากกัน สาบานต่อพระเจ้าได้เลย มันวุ่นวายเหมือนในหนังคาวบอยของ จอห์น เวย์น" มีเดียน หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม BSK ย้อนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"ไม่นานนัก ประตูบาร์ก็เปิดออก อันเดอร์เทคเกอร์ เดินตรงเข้ามาใช้มือจับคอคนทั้งคู่เพื่อแยกออกจากกัน จากนั้นใช้มือเพียงข้างเดียว ดันคนพวกนั้นติดกับผนังซีเมนต์ จากนั้นเขาพานักมวยปล้ำคนนั้นออกจากบาร์ และขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัว"
สมาชิก BSK ยอมรับว่าปัญหาของนักมวยปล้ำหน้าใหม่ที่ก้าวเข้ามาสู่ WWE คือ ทัศนคติ นักมวยปล้ำมากมายเห็นแก่ตัว มากกว่าส่วนรวม และชื่อเสียงของสมาคม ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ จึงกลายเป็นหัวหอกหลัก ในการทำหน้าที่การปรับทัศนคติของนักมวยปล้ำหน้าใหม่ ที่กำลังหลงระเริงในชื่อเสียง
"ทุกคนในห้องแต่งตัวฟังสิ่งที่อันเดอร์เทคเกอร์พูด เพราะว่าเขาคือคนที่รักสมาคมนี้มากกว่าใคร" ซาวิโอ เวกา กล่าว
ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ แสดงความรักต่อทุกคน จนได้รับความเคารพจากคนทั้งสมาคม ในปี 1996 เมื่อ WCW ค่ายมวยปล้ำคู่แข่งทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อดึงตัวนักมวยปล้ำจาก WWE ขณะที่ 2 สมาชิกหลักของ The Kliq อย่าง เควิน แนช และ สก็อตต์ ฮอลล์ ย้ายค่ายเพื่อหารายได้ที่ดีกว่า สมาชิกกลุ่ม BSK นั่งจับเข่าคุย และตกลงว่าจะสังกัด WWE ต่อไป โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น แม้แต่ดอลลาร์เดียว
ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ จึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในห้องแต่งตัวเพียงลำพัง ทันทีที่สงครามระหว่าง The Kliq กับ BSK จบลง แต่ใช่ว่าหลังฉาก WWE จะสงบกว่าเดิม ปี 1997 ชอว์น ไมเคิลส์ เปิดศึกชิงอำนาจกับ เบรต ฮาร์ต ความบาดหมางของทั้งคู่ลามมาถึงบทบาทบนเวที จนเกิดเหตุการณ์ก้องโลก "Montreal Screwjob"
Photo : fansided.com
ศึก Survivor Series 1997 วินซ์ แม็คแมน รวมหัวกับ ชอว์น ไมเคิลส์ สั่นระฆังยุติแมตช์การปล้ำ และประกาศให้ ชอว์น ไมเคิลส์ เป็นแชมป์ WWE คนใหม่ แม้ เบรต ฮาร์ต จะไม่ได้ตบพื้นยอมแพ้ ตามบทบาทที่ตกลงกันไว้ตอนแรกว่าแมตช์นี้จะจบลงแบบ DQ เพื่อหักหน้า เบรต ฮาร์ต ที่เตรียมย้ายไป WCW หลังจบแมตช์ดังกล่าว
1
ชอว์น ไมเคิลส์ มีกำหนดต้องเสียแชมป์โลกที่ได้มาอย่างผิดกติกา แก่ "Stone Cold" Steve Austin (สตีฟ ออสติน) ในศึก WrestleMania 14 แต่ด้วยประวัติที่ยาวเป็นหางว่าว ของการไม่ยอมเสียแชมป์ให้นักมวยปล้ำที่ไม่ใช่เพื่อนของตัวเอง หลายคนไม่มั่นใจว่า ชอว์น ไมเคิลส์ จะทำตามแผนที่ตกลงไว้ โดยเฉพาะ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์
หลังจบแมตช์ของตัวเองในศึก WrestleMania 14 แทนที่จะกลับไปยังห้องแต่งตัว ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ นั่งลงตรงพื้นที่มอนิเตอร์บริเวณทางเปิดตัว (Gorilla Postion) เพื่อสังเกตพฤติกรรมของ ชอว์น ไมเคิลส์ ในคู่เอก หากนักมวยปล้ำหัวขบถเกิดตุกติกไม่ทำตามแผนเมื่อไร อันเดอร์เทคเกอร์ พร้อมที่จะมอบรางวัลแก่ไมเคิลส์ ทันทีที่เขากลับเข้าหลังเวที
1
"ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ นั่งลงตรงหน้าผม เขาประสานมือแล้วนั่งนิ่งๆ อยู่แบบนั้น ขณะที่ ชอว์น ไมเคิลส์ กำลังเดินออกจากหลังฉากสู่เวที" Bruce Prichard (บรูซ พริชาร์ด) โปรดิวเซอร์อาวุโสของ WWE ย้อนความหลัง
"เขาไม่ได้พูดอะไรกับ ไมเคิลส์ สักคำ แต่ท่าทางของอันเดอร์เทคเกอร์ ส่งสัญญาณว่า เขาจะนั่งอยู่ตรงนั้นตอนคุณเดินกลับมา เพราะฉะนั้น ขอให้แน่ใจว่า ชอว์นจะทำงานเรียบร้อยตามหน้าที่ของคุณ"
2
"มาร์ค (อันเดอร์เทคเกอร์) เดินไปหาทุกคนเพื่อบอกว่า ถ้าแมตช์นี้ไม่จบลงในแบบที่ควรจะเป็น ชอว์นจะเจอกับปัญหาใหญ่แน่ เพราะเขาจะไปอยู่ตรงนั้นเพื่อกระทืบผมให้เละ" ชอว์น ไมเคิลส์ บอกเล่าเหตุการณ์ดังกล่าว ในมุมมองของเขา
Photo : historyofwrestlingblog.wordpress.com
โชคดีที่ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ไม่จำเป็นต้องออกหมัดแห่งความยุติธรรมตามที่เขาตั้งใจ ชอว์น ไมเคิลส์ เสียแชมป์โลก WWE แก่ สตีฟ ออสติน ตามกำหนดการณ์ ก่อนพักการปล้ำเป็นเวลายาวนานกว่า 4 ปี เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่บริเวณหลัง
ชอว์น ไมเคิลส์ กลับสู่เวทีมวยปล้ำอีกครั้ง ในปี 2002 ด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนไป เขาไม่เห็นแก่ตัว ยินดียอมแพ้เพื่อผลักดันรุ่นน้อง และ ให้ความเคารพแก่นักมวยปล้ำรายอื่น โดยหนึ่งในนักมวยปล้ำที่ชอว์นเคารพมากที่สุด คือ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ที่ยังคงทำหน้าที่ผู้นำห้องแต่งตัวเหมือน 10 ปีที่ผ่านมา
"อันเดอร์เทคเกอร์เป็นคนแรกๆ ที่ผมเดินเข้าไปหา หลังจากกลับมาปล้ำเมื่อปี 2002 ผมกล่าวขอโทษกับเขา เกี่ยวกับพฤติกรรมของผมในอดีต เขาบอกว่า เขายอมรับคำขอโทษนั้น แต่จะรอดูว่าผมเปลี่ยนไปอย่างที่พูดจริงไหม" ชอว์น ไมเคิลส์ กล่าว
"เมื่อก่อน อันเดอร์เทคเกอร์ไม่สนใจการกระทำของผมในบางครั้ง เขาแค่ผิดหวังต่อทัศนคติที่ย่ำแย่ของผม แต่เขาชอบร่วมงานกับผมบนเวที เช่นเดียวกับที่ผมชอบร่วมงานกับเขา การมีความสัมพันธ์ฉันมิตรแบบที่เป็นในปัจจุบัน คือสิ่งที่พิเศษสำหรับผมมาก"
Photo : www.dailysportx.com
ชอว์น ไมเคิลส์ แสดงความเคารพต่อ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ด้วยการยอมแพ้ให้แก่อดีตคู่ปรับ ในศึก WrestleMania ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ร่วมถึงให้เกียรติ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ เป็นคู่ต่อสู้คนสุดท้ายที่ยุติอาชีพนักมวยปล้ำของเขาเมื่อปี 2010 (ก่อนกลับมาปล้ำอีกหนึ่งนัดในปี 2018)
"มันต้องเป็นอันเดอร์เทคเกอร์เท่านั้น (ที่ยุติอาชีพของไมเคิลส์) มันสุดยอดมากที่มีโอกาสดูสิ่งที่เขาทำกับคาแรกเตอร์นั้น เป็นเวลายาวนาน 30 ปี ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล เขาควรเป็นคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเวที ในแมตช์สุดท้ายของผม ถ้าเป็นคนอื่น แมตช์นั้นคงไม่มีความหมายมากขนาดนี้" ไมเคิลส์ กล่าวถึงแมตช์ในศึก WrestleMania ระหว่างเขากับ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์
เบื้องหลังสถิติไร้พ่าย
ตลอดระยะเวลาที่โลดแล่นบนเวทีในฐานะ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ เป็นเวลายาวนาน 30 ปี หนึ่งในผลงานที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของนักมวยปล้ำรายนี้ คือ "สถิติไร้พ่าย" ในศึก WrestleMania ที่ดำเนินต่อเนื่องเกิน 20 ปี
Photo : www.sportsindiashow.com
สิ่งหนึ่งที่แฟนมวยปล้ำทั่วโลกควรรู้ สถิติไร้พ่ายในศึก WrestleMania ไม่ได้เกิดขึ้นโดยตั้งใจ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ แค่ขึ้นปล้ำตามหน้าที่ของตัวเอง เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาเป็นผู้ชนะใน WrestleMania ติดต่อกันหลายปี คือ เขาถูกรับเลือกให้เป็นผู้ชนะในวันแข่งขัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
กว่า WWE จะสังเกตว่านักมวยปล้ำคนหนึ่ง ไม่เคยแพ้ใครในโชว์มวยปล้ำยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เวลาก็ผ่านไปหลายปี นับแต่ปี 1997 สถิติไร้พ่ายของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ กลายเป็นไฮไลต์ของศึก WrestleMania รวมถึงเป็นเกียรติประวัติทรงคุณค่า ที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้
หากเป็นนักมวยปล้ำรายอื่นที่เห็นแก่ตัว พวกเขาย่อมทำทุกวิถีทางที่จะรักษาสถิตินี้ ตราบชั่วฟ้าดินสลาย แต่สำหรับ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ เขายินดียุติผลงานอันสวยหรูตลอดเวลา หากเจอนักมวยปล้ำรุ่นใหม่ที่เขาคิดว่าเหมาะสม
1
Randy Orton (แรนดี ออร์ตัน) คือใครคนนั้น ปี 2005 เขาถูกวางบทบาทให้เอาชนะ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ในศึก WrestleMania 21 แทนที่จะคว้าโอกาสแล้วก้าวขึ้นเป็นดาวดังของ WWE ออร์ตัน ปฏิเสธที่จะเอาชนะ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ใน WrestleMania เนื่องจากความเคารพที่เขามีให้แก่ตำนานรายนี้
1
Photo : www.thesportster.com
"ผมคิดหนักมากเกี่ยวกับเรื่องสถิติ และไม่เคยคิดว่าการที่อันเดอร์เทคเกอร์แพ้ใน WrestleMania เป็นเรื่องที่ถูกต้อง" ออร์ตัน เปิดใจ
"สุดท้าย เขาคว้าชัยชนะอีกหนึ่งนัดที่ WrestleMania ซึ่งมันสมควรแล้วที่จะเป็นแบบนั้น เพราะผมคิดว่า ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ และ WrestleMania ควรอยู่คู่กันตลอดไป"
1
แรนดี ออร์ตัน ไม่ใช่คนเดียวที่ปฏิเสธจะชนะ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ใน WrestleMania นักมวยปล้ำแชมป์โลกหลายสมัย Edge (เอดจ์) ปฏิเสธการคว้าชัยในปี 2008 เนื่องจากมองว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะเป็นผู้หยุดมรดกอันล้ำค่า ที่ อันเดอร์เทคเกอร์ สร้างมาอย่างยาวนาน
แต่จนแล้วจนรอด สถิติไร้พ่ายในศึก WrestleMania ถึงคราวสิ้นสุด ในปี 2014 เมื่อ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ แพ้แก่ Brock Lesnar (บร็อค เลสเนอร์) ในศึก WrestleMania 30 เนื่องจากสภาพร่างกายของ อันเดอร์เทคเกอร์ ย่ำแย่มากในคืนดังกล่าว วินซ์ แม็คแมน จึงเปลี่ยนผลการแข่งขันกะทันหัน ให้ อันเดอร์เทคเกอร์ เป็นฝ่ายแพ้
1
ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันกะทันหัน แต่เขายังคงเป็นผู้ชายคนเดิมเสมอ คือ นักมวยปล้ำที่ทำงานอย่างมืออาชีพ ตามคำสั่งของผู้บริหารสมาคม ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ออกไปยุติสถิติไร้พ่ายที่ยาวนาน 23 ปี ต่อหน้าแฟนมวยปล้ำมากกว่า 75,000 คน เมื่อวันที่ 6 เมษายน ปี 2014
4
THE LAST RIDE ?
แฟนมวยปล้ำจำนวนมากไม่พอใจการสิ้นสุดสถิติไร้พ่ายในศึก WrestleMania ของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ แต่สิ่งหนึ่งที่ วินซ์ แม็คแมน คิดถูก คือสภาพร่างกายของอันเดอร์เทคเกอร์ มาอยู่ในจุดที่ย่ำแย่แล้ว หลังรับใช้สมาคมอย่างภักดีมานานหลายสิบปี ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ มีอาการบาดเจ็บทั่วร่าง รวมถึงต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม
1
Photo : www.bbc.com
ผลงานการปล้ำในช่วงท้ายอาชีพของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ จึงเข้าขั้นย่ำแย่ จนแฟนมวยปล้ำบางส่วนเรียกร้องให้ตำนานรายนี้ ประกาศเลิกปล้ำอย่างเป็นทางการ เนื่องจากทนไม่ไหวที่ต้องเห็น ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ขึ้นปล้ำด้วยความผิดพลาด จนแมตช์ที่ควรจะจริงจัง กลายเป็นตลกขบขัน
ในที่สุด วันที่แฟนมวยปล้ำรอคอยก็เกิดขึ้น เมื่อ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปล้ำ Boneyard Match กับ AJ Styles (เอเจ สไตล์ส) ในศึก WrestleMania 36 แก่สารคดี Undertaker: The Last Ride ที่ออกฉายทางช่อง WWE Network วันที่ 21 มิถุนายน ปี 2020 ดังต่อไปนี้
"ผมมาอยู่ในจุดที่ควรจะจากไปได้แล้ว ไม่เหลืออะไรให้พิชิต ไม่มีอะไรให้ผมประสบความสำเร็จอีกแล้ว วงการนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ถึงเวลาที่นักมวยปล้ำหน้าใหม่จะก้าวขึ้นมา ราวกับว่านี่คือเวลาที่ใช่"
"ถามว่าผมจะกลับมาปล้ำอีกไหม? เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ ในช่วงเวลาวิกฤติที่คุณต้องการใช้งาน ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ผมอาจพิจารณาข้อเสนอนั้น ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับชีวิตและอาชีพของผมในจุดนี้ ผมไม่มีความต้องการจะกลับขึ้นปล้ำอีกแล้ว"
Photo : thesource.com
ทันทีที่ สารคดี Undertaker: The Last Ride ตอนดังกล่าวออกฉาย สื่อหลายเจ้าตีข่าว "การเลิกปล้ำ" ของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ แม้แต่เว็บไซต์ Wikipedia ได้มีการเขียนว่า ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ เลิกปล้ำเป็นที่เรียบร้อย พร้อมระบุวันที่ไว้อย่างชัดเจน คือวันที่สารคดีดังกล่าวออกฉาย
อย่างไรก็ดี กูรูมวยปล้ำส่วนใหญ่ ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า "ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ยังไม่เลิกปล้ำ" เนื่องจากคำพูดทั้งหมดของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ในสารคดี Undertaker: The Last Ride ไม่มีการกล่าวคำว่า "เลิกปล้ำ" (Retired) เลยสักครั้ง แถมยังกล่าวถึงการเปิดโอกาสกลับคืนสู่สังเวียนมวยปล้ำอย่างชัดเจน
นอกเหนือจากนั้น WWE ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ไม่เคยใช้คำว่า เลิกปล้ำ (Retired) แม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่มีกระแสดังกล่าวออกมา มีเพียง #ThankyouTaker เพื่อแสดงความขอบคุณต่อสิ่งที่ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ มอบให้แก่วงการมวยปล้ำตลอด 30 ปี ทั้งที่ก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง WWE ยังใช้คำว่า "Never Say Never" โปรโมตสารคดีของพวกเขา
กระแสการเลิกปล้ำของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ จึงเกิดขึ้นเนื่องจากการปั่นกระแสของ WWE ทางสื่อสังคมออนไลน์ หลังเห็นแฟนมวยปล้ำจำนวนหนึ่ง คิดไปเองว่า ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ เลิกปล้ำแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า กระแสข่าวดังกล่าว จะช่วยให้คนสนใจสารคดี Undertaker: The Last Ride ที่กำลังออกฉาย และเพิ่มยอดผู้ติดตามช่อง WWE Network ที่กำลังตกฮวบในช่วงนี้
ยิ่งพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ เพิ่งต่อสัญญายาว 15 ปี กับ WWE เมื่อช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา แม้สัญญาดังกล่าวไม่บังคับว่า อันเดอร์เทคเกอร์ จะอยู่กับสมาคมในฐานะอะไร แต่จากรายงานที่กล่าวว่า เม็ดเงินในสัญญาสูงจนปฏิเสธไม่ได้ จึงมีโอกาสสูงมากที่เขาจะถูกเรียกกลับมาใช้งานอีกครั้งในฐานะนักมวยปล้ำ
เหตุผลสำคัญที่สุด ที่เหล่ากูรูมวยปล้ำเชื่อว่า ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ยังไม่เลิกปล้ำ มาจากความกระหายในตัวอันเดอร์เทคเกอร์เอง ก่อนหน้านี้ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ เคยประกาศทำนองนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยเป็นข่าวดัง เนื่องจากพูดในสื่อขนาดเล็ก ซึ่งแน่นอนว่าทุกครั้งที่เขาให้สัมภาษณ์ว่า พอแล้วกับวงการมวยปล้ำ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ กลับมาขึ้นสังเวียนทุกครั้งไป
Photo : www.republicworld.com
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ เลิกปล้ำจริง ถามว่าทำไมผมคิดแบบนั้น? ขนาดผมดูสารคดีนี้ไม่จบผมยังรู้เลยว่า มันยากที่จะเชื่อว่าจะไม่เห็นผู้ชายคนนี้ขึ้นปล้ำอีกครั้ง" Bryan Alvarez (ไบรอัน อัลวาเรซ) ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการ เว็บไซต์ Figure Four Weekly กล่าว
"พูดตามตรง คุณไม่สามารถพูดว่าเขาเลิกปล้ำจนกว่าเขาจะลงไปนอนในหลุม แต่ซีรีส์นี้สรุปว่าเขาพอใจกับทุกสิ่งในตอนนี้ แต่นี่แหละคือประเด็น ทุกครั้งที่เขาบอกว่าผมพอใจ เขาจะกลับมาปล้ำทุกครั้ง เราจะได้เห็นกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
หลายคนคิดว่า ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ควรเลิกปล้ำ บางคนมองว่า เขาควรกลับมาสั่งลาอีกนัดต่อหน้าแฟนมวยปล้ำอีกครั้ง (Boneyard Match จัดขึ้นแบบไม่มีผู้ชม จากสถานการณ์ COVID-19) แต่ไม่ว่า ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ จะหยุดหรือไปต่อ ความยิ่งใหญ่ที่ทำมาตลอด 30 ปี ไม่มีวันจางหาย กลายเป็นมรดกแก่นักมวยปล้ำรุ่นหลัง และอยู่ในความทรงจำของแฟนมวยปล้ำทั่วโลกตลอดไป
บทความโดย ณัฐนันท์ จันทร์ขวาง
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา