24 มิ.ย. 2020 เวลา 13:42 • ธุรกิจ
ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว คุณสา ธนิสา วีระศักดิ์ศรี ในวัย 20 ปี ซึ่งขณะนั้นเรียนอยู่ชั้นปี 3 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเธอมีพี่สาว คือ คุณระวิภา ทำงานเป็นนักออกแบบให้กับแบรนด์ต่างชาติอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่ตัวเธอเองเห็นว่าฝีมือการออกแบบของพี่สาวเธอนั้นก็ไม่ใช่ระดับปลายแถว ถึงขนาดได้รับประกาศนียบัตรนักออกแบบจากสถาบัน The Gemology Institution of America (GIA) และ ใบรับรองจากหลักสูตรช่างทำเครื่องประดับจาก Revere Academy Jewelry of Arts จาก ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
แล้วทำไมถึงต้องมาทำงานให้กับแบรนด์ต่างชาติ โดยรับค่าตอบแทนแค่ไม่กี่หมื่น ในขณะที่งานที่พี่สาวเธอออกแบบนั้นขายได้ราคาเป็นล้าน
เธอจึงตัดสินใจสร้างแบรนด์เครื่องประดับของตัวเองขึ้นมา โดยได้แรงบันดาลใจจากพี่สาวในการตั้งชื่อแบรนด์ นั่นก็คือ RAVIPA
เธอเริ่มต้นจากการสร้างแบรนด์ทางออนไลน์ ตั้งแต่ยุคเเรกๆ นั่นจึงทำให้เพจ RAVIPA มียอดการติดตามรวมกันถึง 150,000 คน
1
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัย ว่าทำไมอะไร คือ กุญแจความสำเร็จของ RAVIPA ?
ซึ่งคำตอบนั่นเรียบง่ายมาก นั่นก็คือ การรู้ว่า อะไรคือ “สิ่งที่คนไม่มีวันเปลี่ยน”
2
เเต่สิ่งที่ยากคือ เเล้วอะไรล่ะ คือสิ่งที่คนไม่มีวันเปลี่ยน ในยุคที่คนเปลี่ยนเเปลงอย่างรวดเร็ว ?
คุณสาตอบว่า สิ่งที่คนจะไม่มีวันเปลี่ยน เเม้ว่าเวลาจะผ่านไปเเค่ไหน ก็คือ...
- ทุกคนอยากได้รับความรัก
- ทุกคนอยากเป็นผู้มอบความรัก
- ทุกคนอยากเป็นคนพิเศษ
- ทุกคนอยากมีความสุข ความสบายใจ
- เเละสุดท้าย ทุกคนล้วนต้องการความมั่นคงในชีวิตโดยเฉพาะด้านจิตใจ
8
ถ้าเราสามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ให้กับลูกค้าได้มันก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
แล้วดูเหมือนว่าสิ่งที่คุณสาคิดมันจะถูกด้วย เพราะสินค้าตัวเเรกของเเบรนด์ RAVIPA อย่างเเหวนคู่อินฟินิตี้ ที่สื่อความหมายถึง “ความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด” ภายใต้สัญลักษณ์อินฟินิตี้ที่สลักอยู่บนตัวเเหวนคู่ นั้นสามารถสร้างยอดขายได้อย่างถล่มทลาย เพราะมันสามารถตอบโจทย์ในสิ่งที่คนไม่มีวันเปลี่ยนเเละไม่อยากให้มันเปลี่ยนได้ครบทุกข้อ
นั่นจึงทำให้คุณสาสามารถพาเเบรนด์ RAVIPA เข้าร่วมการแข่งขันเรียลลิตี้โชว์ในรายการ VOGUE Who’s On Next, The VOGUE Fashion Fund ในปี 2014 โดยคุณสาถือว่าเป็นผู้เข้าแข่งขันที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้เข้ารอบ Top 10 Finalist อีกด้วย
นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติอสูงสุด ในการถวายเครื่องประดับต่างหูเกือกม้า แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา อีกด้วย
นั่นจึงทำให้คุณสาตัดสินใจเปิดสาขาแรกทันทีที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2018 และขยายไปอีก 10 สาขาในปี 2019 ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่าง เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ เป็นต้น
และในปีเดียวกันนั้น RAVIPA ก็ได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมจาก DEmark Award 2019
เท่านั้นยังไม่พอในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา RAVIPA ก็ได้ขยายสาขาไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์
ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นั้น เป็นช่วงที่ไวรัส COVID-19 เริ่มระบาดแล้ว แถมภาพรวมยอดขายในตลาดของแบรนด์อื่นๆ ก็ค่อนข้างแย่ แต่ถามว่าทำไมถึงยังกล้าที่จะขยายสาขา ?
คำตอบ คือ ก็เพราะเศรษฐกิจแย่ และ โรคระบาดนั่นแหละ RAVIPA คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะซื้อสินค้าจาก RAVIPA เป็นของขวัญให้คนที่รัก เพื่อเเสดงถึงความรักเเละความเป็นห่วงในสถานการณ์เเบบนี้
โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ และ วาเลนไทน์ ยอดขายของ RAVIPA นั้นถือว่าเติบโตขึ้นสวนกระแสเศรษฐกิจเลย จนคุณสาวางแผนที่จะขยายไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ ประเทศอื่นๆ อีก
แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณสาคิด !
เพราะโรคระบาดคราวนี้มันไม่ได้มาเล่นๆ แต่มันรุนแรงจนทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก
เมืองเริ่มปิด ห้างฯ ต้องโดนสั่งปิด สายการบินถูกยกเลิก หลายธุรกิจต้องตกที่นั่งลำบาก ทำให้นักลงทุนต่างๆ ที่คุณสาคุยเอาไว้ต่างชะลอการลงทุน เพราะต้องเก็บเงินเอาไว้ประคับประคองธุรกิจของตัวเองก่อน
สถานการณ์ของไวรัส COVID-19 นั้นทำให้คุณสาต้องมีการวางแผนและปรับเปลี่ยนกลยุทธเกือบทุกวัน จากเดินที่วางแผนเดือนละครั้ง
เพราะว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่คาดเดาได้ยาก คำสั่งจากภาครัฐที่ไม่ชัดเจน และพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป
2
มิหนำซ้ำยังมีพวกมิจฉาชีพ เข้ามาปลอม Account line official ของ RAVIPA เพื่อหลอกขายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าครึ่ง ซึ่งก็มีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่หลงเชื่อจ่ายเงินให้กับพวกมิจฉาชีพไป
1
ในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้ คุณสาต้องมีการเตรียมแผนการตลาดสำรองไว้ในมืออย่างน้อย 6 แผน เพื่อที่จะได้นำออกมาใช้ได้อย่างทันท่วงทีตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
บางครั้งถึงขนาดที่คุณสาต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ผู้นำของแบรนด์เครื่องประดับไม่น่าจะทำ อย่างการนำสเปรย์แอลกอฮอล์ หรือ เทอร์โมมิเตอร์ ออกมาขายเพื่อให้พนักงานของตัวเองนั้นมีงานทำ และยังมีรายได้พอจุนเจือครอบครัว
เพราะ RAVIPA ยังไม่มีการเลิกจ้างพนักงานเลยแม้แต่คนเดียว…
ถึงขนาดที่คุณสาบอกว่า ถ้า RAVIPA ไม่สามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์แบบนี้ เธออาจจะต้องเปลี่ยนไปขายอย่างอื่นแทน ต่อให้มันจะเป็นแค่การขายชานม ขายก๋วยเตี๋ยว เธอก็ต้องทำ แต่จะไม่ยอมทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม คุณสายังเชื่อว่า “วิกฤต” ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะถ้าสามารถเข้าไปช่วย “แก้ปัญหา” ในวิกฤตินั้นได้ มันก็เปลี่ยนเป็น “โอกาส” ได้เสมอ
นั่นจึงเป็นที่มาของสินค้าตัวใหม่ของเเบรนด์ RAVIPA อย่าง “ระวิภา คอลเลคชั่น Reminder” ซึ่งเป็นสร้อยข้อมือที่ได้อัญเชิญพลังจากพระพุทธคุณสายขาว 8 องค์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ผู้ที่สวมใส่นั้นสามารถมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจติดตัวไปพร้อมๆ กับการสวมใส่เครื่องประดับที่สวยงามได้
1
เเละแคมเปญ “ส่งกำลังใจให้นักรบชุดขาว” เพื่อสู้ภัย COVID-19 โดยการส่งสร้อยข้อมือของ RAVIPA ให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อช่วยคุ้มครองและยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้พวกเขามีแรงที่จะก้าวเดินต่อไปในการทำหน้าที่เป็นด่านหน้าคอยสู้ภัย COVID-19 ในครั้งนี้
หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล สร้อยข้อมือของ RAVIPA ก็ยังเป็นสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่มักจะเลือกซื้อเป็นของขวัญให้กับผู้ป่วยเพื่อช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขา
นั่นจึงทำให้แบรนด์ RAVIPA สามารถกลับมาทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ ความไม่ยอมเเพ้ของคุณสา ที่ไม่ยอมจมอยู่กับปัญหา เเต่กลับมองทะลุเข้าไปให้เห็นว่า ในอุโมงค์แห่งความมืดมิดของปัญหานั้น มีเเสงสว่างอยู่ทางไหน เเม้แสงนั้นจะมีเพียงน้อยนิด เเต่ถ้าใจสู้พอ สุดท้ายก็จะผ่านพ้นมันไปได้
โดยคุณสาได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “อะไรที่คิดว่าแน่ มันยังไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ คือ การสังเกต ปรับตัว และมองหาโอกาสอยู่เสมอ เพราะสุดท้าย อนาคตมันก็มีอยู่ 2 ทาง คือ คุณจะเปลี่ยน หรือ รอให้โลกเปลี่ยนคุณ”
#RAVIPA Sa Thanisa
โฆษณา