27 มิ.ย. 2020 เวลา 14:02 • ข่าว
เรื่องราวน่าเหลือเชื่อของเด็กสาววัย11ปี ผู้เอาชีวิตรอดเพียงลำพังท่ามกลางมหาสมุทร
บทความนี้ขออนุญาตแบ่งออกเป็น 3 ตอนนะคะ
ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ปี 1961 เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติกรีกพบเด็กหญิงตัวน้อยผู้ลอยอยู่เหนือน้ำด้วยสภาพไม่สู้ดีนัก เธอได้แต่โบกมืออันไร้เรี่ยวแรงของเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ
เด็กหญิงถูกพบโดยลำพังท่ามกลางมหาสมุทร เธอขาดอาหาร ขาดน้ำ ผิวโดนแดดเผา นั่งอยู่บนแพไม้ก๊อกลำจิ๋ว ที่นอกจากจะเล็กแล้วยังเป็นตาข่ายตรงกลาง ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตัวแห้งได้ขณะที่นั่งอยู่บนแพ ลูกเรือบรรทุกสินค้าลำดังกล่าวจึงรีบช่วยเธอขึ้นมาและพาส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อรับการรักษา และในช่วงเวลาที่น่าตกตะลึงนี้ มีพวกเขาคนหนึ่งที่สามารถถ่ายภาพนี้เอาไว้ได้
ภาพที่ลูกเรือถ่ายเอาไว้ได้
แต่คำถามที่บินเข้ามาในหัวของทุกคนในตอนนั้นก็คงไม่พ้น เพราะเหตุใดเด็กสาววัย11ปี ถึงได้ลอยอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเพียงลำพังแบบนั้น...
.....และนี่ก็คือเรื่องราวของเธอ.....
ในปี 1961 อาร์เธอร์ ดูเปอร์โรวต์ ได้เติมเต็มความฝันของตัวเองที่จะล่องเรือไปรอบโลกจากเกาะหนึ่งสู่เกาะหนึ่งพร้อมกับครอบครัว และทริปนี้นั้น พวกเขาไปมุ่งหน้าไปยังเกาะบาฮามาส
ครอบครัวนี้ประกอบไปด้วย "อาร์เธอร์"ผู้เป็นพ่อ, "จีน"ผู้เป็นแม่ และลูกๆอีก3คน ได้แก่ "ไบรอัน"วัย14ปี, "เทอร์รี่ โจ"วัย11ปี "เรเน่"วัย7ขวบ
ครอบครัวดูเปอร์โรวต์
พวกเขาวางแผนกันว่าจะใช้เวลาราวๆหนึ่งสัปดาห์ ในการทดลองใช้ชีวิตท่ามกลางท้องทะเลบนเรือยอชท์ และอาจจะยืดเวลาเดินทางยาวออกไปอีกถ้าหากว่าแผนดำเนินไปได้ด้วยดี
พวกเขาเดินทางไปยัง"ฟอร์ท โลเดอร์เดล"รัฐฟลอริด้า เพื่อเช่าเรือที่มีชื่อว่า"บลูเบลล์" พร้อมกับจ้าง"จูเลียน ฮาร์เวย์" อดีตนักบินแอร์ฟอร์ซและเป็นนักเดินเรือผู้มีประสบการณ์ โดยมีภรรยาของเขา"ดีน ฮาร์เวย์"เข้าร่วมการเดินทางในครั้งนี้ด้วย
ในเช้าวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน 1961 ในที่สุด ครอบครัวดูเปอร์โรวต์ก็ได้ออกเรือบลูเบลล์ ไปยังประเทศบาฮามาสเพื่อทำตามความฝัน
ภาพของเรือบลูเบลล์
หลังจากที่ออกเดินทางท่องเที่ยวได้เป็นเวลา4วัน พวกเขาก็ได้ลงที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ"Great Abaco" หมู่บ้าน"แซนดี้ พ้อยท์" ประเทศบาฮามาส
พวกเขาใช้เวลาที่นั่นกับการดำน้ำดูปะการัง และเก็บเปลือกหอยบนชายหาดที่สวยงาม
ในเช้าวันอาทิตย์ ดูเปอร์โรวต์และฮาร์เวย์ได้เดินทางไปทำธุระที่สำนักงานแซนดีี้ พ้อยท์ เรื่องการเดินทางออกจากบาฮามาสกลับไปยังสหรัฐที่เขาจากมา
ดูเปอร์โรวต์ได้พูดทิ้งท้ายที่สำนักงานไว้ว่า"นี่มันเป็นการพักผ่อนแบบที่ต้องทำสักครั้งในชีวิต" และ "พวกเราจะกลับไปก่อนคริสต์มาสต์"
ในคืนนั้นดีนได้เตรียมอาหารเย็นเป็นChicken cacciatore กับสลัด และนี่คือมื้อสุดท้ายที่จะมีการเสิร์ฟบนเรือบลูเบลล์...
ราวๆ3ทุ่ม เทอร์รี่ โจ เดินลงไปนอนชั้นล่างด้านหลังของเรืออันเป็นที่ตั้งของห้องนอนสำหรับลูกเรือ ปกติแล้วเรเน่จะนอนกับเทอร์รี่ โจ แต่คืนนั้นน้องสาวของเธอยังอยู่กับพ่อแม่และพี่ชายที่บริเวณห้องคนขับ
ในกลางดึกคืนนั้นเอง เทอร์รี่ โจ ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงพี่ชายของเธอตะโกนว่า "ช่วยด้วย! พ่อ! ช่วยด้วย!" และเธอยังได้ยินเสียงวิ่งสั้นๆ กับเสียงกระแทกบางอย่าง จากนั้นก็เงียบลง
เธอล้มตัวลงนอนสั่นเทาบนเตียงที่เดิม ความคิดยุ่งเหยิง และหวาดกลัว
ต่อมาประมาณ5นาที เทอร์รี่ โจ พุ่งตัวออกจากห้องนอน เธอพบเจอกับร่างของแม่และพี่ชายของเธอนอนจมกองเลือดอยู่ในห้องโดยสารหลัก ทันทีที่เห็น เทอร์รี่ โจรู้ทันทีเลยว่าพวกเขาเสียชีวิตแล้ว
เทอร์รี่ โจ ค่อยๆปีนบันไดขึ้นไปแล้วชะโงกหัวมองจากฝาครอบดาดฟ้า เธอเห็นเลือดจำนวนมากนองอยู่บนพื้นกราบขวาของเรือข้างๆห้องคนขับ กับสิ่งที่ดูเหมือนมีด
เธอปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือแล้วหันไปทางด้านหน้าของเรือ
ทันใดนั้นกัปตันฮาร์เวย์ก็พุ่งตรงมาที่เธอและพลักเธอจนตกบนไดไป "กลับมานี่เดี๋ยวนี้!" เขาตะคอก
เทอร์รี่ โจ วิ่งกลับไปยังห้องนอนของเธอ โดยพยายามไม่มองร่างของพี่ชายและแม่ของตน เธอรีบปีนป่ายบนที่นอนของเธอ จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อม ไม่นานนักน้ำทีมีกลิ่นนำมันก็ซึมเข้ามาในห้องของเธอ และไหลนองเต็มพื้นไปหมด
เทอร์รี่ โจรับรู้ได้เลยว่าเรือลำนี้กำลังจะถูกน้ำท่วม แต่เธอกลับกลัวเกินไปที่จะขยับ
ทันใดนั้น เธอก็เห็นเงาดำของกัปตันฮาร์เวย์อยู่บริเวณประตูห้อง เขาถือบางสิ่งอยู่ในมือ ซึ่งมันน่าจะเป็นปืนไรเฟิลของพี่ชายของเธอ และเขาก็ยืนอยู่อย่างนั้นมองมาที่เธอ
ในห้องนั้นเต็มไปด้วยเสียงหายใจหอบๆของฮาร์เวย์ เสียงหัวใจที่เต้นแรงมากของเทอร์รี่ โจ และเสียงน้ำที่กระฉอดไปกระทบกับกำแพง
จากนั้นกัปตันฮาร์เวย์ก็หันหลังและเดินกลับไป เทอร์รี่ โจได้ยินเสียงเขาปีนบันไดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ
ด้วยน้ำที่ทะลักขึ้นมาบนฝูกของเธอ เธอจึงต้องสละห้องนี้ และเดินฝ่าระดับน้ำที่สูงขึ้นมาประมาณเอวของเธอ เพื่อไปให้ถึงบันได
เธอปีนขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง ด้วยไฟที่อยู่บนกระโดงเรือ เทอร์รี่ โจมองเห็นเรือบดเล็กกับแพชูชีพอยู่
"เรือกำลังจะจมเหรอ?" เธอพูดออกมา
"ใช่!" กัปตันฮาร์เวย์ตะโกนตอบจากข้างหลังของเทอร์รี่ โจ จากนั้นเขาก็ยัดเชือกสำหรับปล่อยเรือบทเล็กใส่มือของเธอ "ถือเอาไว้!" เขาตะโกนสั่ง
ด้วยความตกใจ เทอร์รี่ โจ เผลอทำเชือกหลุดมือ
เรือบดเล็กค่อยๆลอยห่างออกไปจากเรือบลูเบลล์ที่กำลังล่ม
ฮาร์เวย์รีบกระโดดออกไปเพื่อคว้าเรือเอาไว้ โดยมีเทอร์รี่ โจที่ยืนมองเขาว่ายน้ำตามเรือบดเล็กและหายไปในความมืดยามค่ำคืน
เทอร์รี่ โจยังทำได้ว่ามีแพไม้ก๊อกชูชีพอยู่ด้านขวาของห้องโดยสารหลัก ที่ตอนนี้น้ำแทบจะท่วมจนมิดอยู่แล้ว
เธอตะเกียกตะกายไปยังแพชูชีพทรงไข่อันเล็กจิ๋ว และรีบแก้เชือกให้เร็วที่สุด
ทันทีที่เธอปล่อยแพได้ ดาดฟ้าเรือก็จมลงสู้ใต้มหาสมุทร
เธอกึ่งว่าย กึ่งคลาน พร้อมกับผลักแพชูชีะออกมาให้พ้นตัวเรือ
ขณะที่เธอกำลังปีนขึ้นไปบนแพ ปรากฏว่ามีเชือกบางเส้นติดพันกับเรือบลูเบลล์ ที่กำลังจมลึกลงไปเรื่อยๆ ซึ่งมันดึงแพและตัวเธอลงไปในน้ำ
ช่วงเวลาน่าใจหายเกิดขึ้นไม่นานนัก เชือกทั้งหมดก็คลายออกเอง ทำให้เทอร์รี่ โจลอยขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกับแพลำนั้น
เธอก้มตัวลงเบียดเสียดกับแพชูชีพ ด้วยความกลัวว่ากัปตันฮาร์เวย์อาจจะยังคงรอเธออยู่ในความมืด
เธอไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร เธอใส่เพียงเสื้อบางๆสีขาวกับกางเกงสีชมพูที่เธอใส่เป็นชุดนอน ไม่มีอะไรที่จะช่วยปกป้องเธอจากความหนาวเหน็บในยามค่ำคืนได้เลย
หมู่เมฆเข้าบดบังแสงจากดวงจันทร์ และดวงดาว
ท่ามกลางความมืดมิดเธอมองไม่เห็นอะไรเลย
เธอได้ยินเพียงแต่เสียงคร่ำครวญจากลมในท้องทะเล
คลื่นลมแรงขึ้นโดยปราศจากคำเตือน
ตัวเธอเปียกโชกราวกับถูกราดด้วยฟักบัว
ร่างกายของเธอสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
ความคิดเดียวที่แล่นเข้ามาในหัวของเธอในตอนนั้นคือ
..... "พ่ออยู่ไหน?" .....
โฆษณา